ผัวเก่าอย่าเร้าหรือ

171.0K · จบแล้ว
Mustard
75
บท
6.0K
ยอดวิว
8.0
การให้คะแนน

บทย่อ

“เรนิศ” แต่งงานกับสามีอย่าง “อักษะ” มาหลายปี ทุ่มเทความรักและความเอาใจใส่ให้เขามากขนาดไหน อีกฝ่ายกลับไม่เคยสนใจ แถมยังเอาแต่ปกป้องผู้หญิงคนหนึ่งจนชีวิตคู่ของทั้งสองพังทลาย และถูกเขาจับขังไว้ที่เกาะส่วนตัวอีก! ช่วงสุดท้ายของชีวิตนอกจากจะตรอมใจตายแล้วก็ไม่มีโอกาสแม้แต่จะไปเยี่ยมงานศพของลุงที่เลี้ยงดูเธอมาตั้งแต่เด็ก เพียงเพราะสามีกลัวว่าเธอจะไปทำร้ายผู้หญิงคนนั้น พอได้ย้อนเวลากลับมาอีกครั้ง หนึ่งปีก่อนที่จะถูกเขาจับขังไว้บนเกาะ เรนิศไม่รอช้ารีบขอหย่าทันที! เธอไม่หวังจะแก้แค้นหรือเอาคืนอะไรทั้งนั้น ชีวิตนี้ขออยู่อย่างสงบสุข อดีตสามีอย่างอักษะไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเธออีกต่อไปแล้ว ทั้งสองเป็นเพียงคนแปลกหน้าที่เคยอาศัยอยู่บ้านเดียวกันก็เท่านั้น แต่ในวันหนึ่งขณะที่ฝนตกกระหน่ำ กลับมีเสียงเคาะประตูดังขึ้นไม่หยุด ชายร่างกายกำยำสูงใหญ่ ใบหน้าหล่อเหลา กำลังคุกเข่าอ้อนวอนที่หน้าประตู หากสังเกตให้ดีจะเห็นว่าในแววตาคู่นั้นกำลังเอ่อล้นไปด้วยน้ำตา “เรนิศ พี่ยอมหมดแล้ว กลับบ้านเรานะครับคนดี”

นิยายรักโรแมนติกนิยายรักประธานเกิดใหม่เศรษฐีแต่งงานก่อนรักพาลูกกหนีหลังหย่าตามง้อสัมพันธ์ครอบครัว

ถูกจับขัง

บทที่ 1 เธอพอแล้ว

ท่ามกลางทะเลลึก ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็มองเห็นแต่สีฟ้าของน้ำทะเล ไร้ซึ่งการติดต่อจากคนภายนอก ทว่ากลับมีเกาะแห่งหนึ่งปรากฏอยู่ เสียงกรีดร้องดังกึกก้องไปทั่วทั้งเกาะ ก่อนที่ไม่นานจะตามมาด้วยข้าวของมากมายถูกขว้างปาทิ้ง

“ปล่อยฉันไป! ฉันจะออกจากเกาะนี้!” เรนิศตะโกนกู่ก้องสุดเสียงทั้งน้ำตา พยายามพังประตูห้องนอนออกไป “ฉันจะไปหาคุณลุงของฉัน เขาต้องการพบฉัน!”

เสียงสะอื้นร่ำไห้ปานใจจะขาดของเธอไม่สามารถทำให้เหล่าคนใช้และบอดี้การ์ดด้านนอกเกิดความสงสารเลยแม้แต่น้อย เนื่องจากรู้ฤทธิ์เดชของเจ้านายคนนี้เป็นอย่างไร

ทว่าครั้งนี้หญิงสาวกลับพูดด้วยความจริงใจ เธออยากไปหาคุณลุงตามที่พูดไปจริงๆ เนื่องจากวันนี้เป็นงานศพของเขา ผู้ชายที่เลี้ยงดูเธอมาตั้งแต่เด็ก แต่เพราะถูกสามีอย่างอักษะขังไว้ที่เกาะแห่งนี้มานาน จนไม่สามารถกลับไปยังโลกเดิมได้อีก

“ปล่อยฉันไปเถอะ ฉัน…ฉันแค่อยากจะไปงานศพของคุณลุง แค่อยากจะเห็นหน้าเขาเป็นครั้งสุดท้าย”

เสียงสะอื้นยังคงเกิดขึ้นซ้ำๆ หญิงสาวมองไปยังแหวนที่นิ้วนางข้างซ้าย อยากจะขอโอกาสจากสามี แค่เพียงครั้งเดียวเท่านั้น

“ให้ฉันพูดกับพี่อักษะสักครั้งเถอะ! ฉันจะขอร้องเขาเอง ถ้าฉันพูดครั้งนี้เขาต้องฟังฉันแน่ นี่! ไปเอาโทรศัพท์มา ให้ฉันได้พูดกับเขา!”

เรนิศพูดราวกับคนเสียสติ ใช้เล็บขูดประตูจนเกิดแผลเหวอะหวะตามนิ้วเรียวยาว ทว่าเธอกลับไม่สนใจ เอาแต่พูดประโยคเดิมซ้ำๆ วนไปอยู่แบบนั้น

เหล่าคนใช้ที่ได้ยินต่างยืนนิ่งไม่สามารถทำอะไรได้ แม้ต่อให้นายหญิงจะอ้อนวอนสักแค่ไหน เนื่องจากคำสั่งเด็ดขาดสำคัญที่สุดคือคำสั่งของนายใหญ่อย่างอักษะเพียงเท่านั้น

เขาสั่งให้ทุกคนดูแลและจับตามองภรรยาอย่างเรนิศไว้ให้ดี เพื่อไม่ให้หญิงสาวไปก่อเรื่องอีก หลังจากที่จับเธอมาขังไว้ที่เกาะแห่งนี้

และตอนนี้เวลาก็ผ่านไปหลายเดือน ในช่วงที่มาอาศัยแรกๆ เรนิศราวกับเป็นคนบ้า พยายามก่อเรื่องและหาทางออกจากเกาะแห่งนี้หลายต่อหลายครั้ง แต่สุดท้ายแผนการเหล่านั้นก็ไม่สำเร็จ

สภาพของเธอตอนนี้แทบจะเรียกได้ว่าไม่ต่างจากคนบ้า ผมเผ้ายุ่งเหยิง ร่างกายผอมแห้ง แผลตามตัวมีมากมาย เดี๋ยวร้องไห้ เดี๋ยวหัวเราะคล้ายคนไม่มีสติ เป็นแบบนี้ซ้ำวนไปเรื่อย จนกระทั่งที่เธอแอบได้ยินเหล่าคนใช้คุยกันถึงเรื่องที่คุณลุงของเธอตายไปจากอาการหัวใจวายฉับพลัน

เรนิศกรีดร้องด้วยความเสียใจ คล้ายกับโลกทั้งใบพังทลายลงมาอย่างไม่เหลือชิ้นดี บนโลกนี้คุณลุงเป็นคนเดียวที่รักเธอด้วยใจจริง เขาเป็นเพียงคนเดียวที่หวังดีกับเธอ แต่ในวันที่อีกฝ่ายจากไปเธอกลับไม่สามารถไปร่วมงานศพได้ด้วยซ้ำ

ความสูญเสียคนรักคนสำคัญในชีวิตไปทำให้เรนิศเริ่มตรอมใจอีกครา หญิงสาวเอาแต่นอนอยู่บนเตียง ไม่ทานอาหาร ไม่ก่อเรื่องเหมือนในอดีต จนร่างกายผ่ายผอมหนักกว่าเดิมมาก เรียกได้ว่าแทบจะเป็นโครงกระดูกเดินได้

“บอกพี่อักษะที…ฉันจะออกไปจากที่นี่ ฉันจะไปหาคุณลุง เขาต้องอยากพบฉันเป็นครั้งสุดท้ายแน่” เรนิศพึมพำประโยคนี้ซ้ำๆ ขณะที่คนใช้พยายามป้อนอาหารให้

“คุณเรนิศทานอาหารสักหน่อยนะคะ ป้าทำของที่คุณชอบทั้งนั้นเลย” ป้าเพ็ญพูดเสียงเบา พยายามกล่อมหญิงสาวให้กลืนอาหารลงท้อง ขณะที่อาหารเหล่านั้นไหลตามมุมปากออกมาไม่หยุด

แม้จะผ่านโลกนี้มานานแล้ว แต่หญิงแก่อย่างเธอก็อดสงสารเรนิศไม่ได้ ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายไปก่อเรื่องอะไรไว้จนทำให้นายใหญ่อย่างคุณอักษะสั่งจับขังแบบนี้ ยิ่งได้เห็นว่าหญิงสาวเริ่มตรอมใจก็ยิ่งสงสารเข้าไปใหญ่

“ป้าได้ยินมาว่าคุณอักษะจะมาที่เกาะนี้ด้วยในอาทิตย์หน้า ถ้าคุณเรนิศทำตัวเป็นเด็กดี บางทีเขาอาจจะพาคุณไปไหว้หลุมศพคุณลุงก็ได้นะคะ”

ทันทีที่ได้ยินแบบนั้น เรนิศก็ยิ้มออกมาทันที ใบหน้าเฉยชาเริ่มมีความหวังอีกครั้งหนึ่ง

“ป้าพูดจริงเหรอ! พี่อักษะเขาจะมารับฉันจริงๆ เหรอ” เรนิศเขย่าตัวป้าด้วยความตื่นเต้น เพราะนับตั้งแต่ที่เธอถูกจับขังที่เกาะนี้ อักษะไม่เคยมาหาเลยสักครั้งเดียว

“ป้าแค่ได้ยินข่าวลือจากบอดี้การ์ด แต่ถ้าเป็นแบบนั้นขึ้นมาจริงๆ คุณเรนิศก็ควรทานอาหารนะคะ”

หญิงแก่ส่งยิ้มบางให้กับคนตรงหน้า แม้อีกฝ่ายจะมีสภาพไม่ต่างจากศพ ทว่าหากสังเกตให้ดีก็ยังคงหลงเหลือความสวยไว้อยู่บ้าง

“ได้! ฉันจะกินอาหารทุกอย่างเลย! ป้าไปเอาอาหารมาให้หมด”

เรนิศออกคำสั่ง แย่งถ้วยโจ๊กในมือมาทานเอง จนหญิงแก่ต้องร้องห้าม

“ใจเย็นๆ นะคะ ค่อยๆ ทานดีกว่า เดี๋ยวจะปวดท้อง”

“ฉันไม่เป็นไร ป้าไปเอาอาหารมาอีกเถอะ!”

หญิงสาวโบกมือไล่ เริ่มทานอาหารอย่างรวดเร็ว ตลอดหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมาเธอทานอาหารเองทุกอย่าง ไม่ต้องให้เหล่าคนใช้คอยป้อนเสียด้วยซ้ำ หวังเพียงแค่ว่าสามีอย่างอักษะจะพาตัวเธอออกจากเกาะแห่งนี้

และแล้ววันที่เรนิศรอคอยก็มาถึง หญิงสาวสวมใส่ชุดเดรสสีขาว แม้ร่างกายจะผอมจนชุดนั้นหลวมโพรก แต่โชคดีที่มีป้าเพ็ญคอยช่วยเหลือ จนเธอสามารถสวมใส่ชุดนี้ได้อีกครั้ง

เรนิศรอคอยอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนจะได้ยินเสียงเฮลิคอปเตอร์ดังขึ้น หญิงสาวกรีดร้องด้วยความดีใจ หวังจะได้เห็นหน้าชายคนรักอีกครั้งหนึ่ง ทันทีที่ลมแรงของใบพัดหยุดลง เธอก็รีบวิ่งไปหาเขาอย่างไม่เกรงกลัว

“พี่อักษะคะ เรนิศอยู่นี่!” หญิงสาวตะโกนบอก ใบหน้าสวยส่งยิ้มโบกมือทักทาย ก่อนจะเห็นร่างของชายคนคุ้นเคยเดินลงมาช้าๆ

แม้เวลาจะผ่านไปหลายเดือน แต่เขายังคงเหมือนเดิมทุกอย่าง ชายรูปร่างสูงกำยำ ผิวขาวสะอาดสะอ้าน ผมดำขลับเรียงเส้นสวย ใบหน้าคมสันหันมามองเรนิศครู่หนึ่ง ไม่รู้ว่าภายใต้แว่นกันแดดสีดำนั้น อีกฝ่ายมองเธออย่างไร แต่หญิงสาวก็ไม่สนใจ ตั้งท่าจะเดินเข้าไปหา ทว่าก็ต้องชะงักเมื่อเห็นว่าสามีของเธอไม่ได้มาที่เกาะนี้เพียงคนเดียว

“รันดา…”