ชั้น 35
เรนิศไม่สนใจคำประชดของสามีอีกตามเคย จำได้ว่าช่วงนี้คงจะเป็นช่วงสำคัญที่อักษะกำลังจะเข้าซื้อกิจการของดีแลนด์กรุ๊ป และเขาคงจะให้รันดาเข้ามาช่วยดูแลงาน ทำให้ทั้งสองคนยิ่งใกล้ชิดกันมากขึ้น และนี่คือต้นเหตุทำให้เธอหึงหวงเขาจนแทบบ้า
“อีกหน่อยก็คงจะกลายเป็นคนแปลกหน้าแล้ว เขาจะทำอะไรฉันก็ไม่สนใจทั้งนั้น” หญิงสาวเอ่ยกับตัวเอง ก่อนจะเดินมุ่งตรงไปยังห้องนอน
แม้เธอจะไม่ให้ค่าสามีแล้ว แต่มั่นใจว่าหากเลิกรากันไป อักษะและรันดาคงสานสัมพันธ์กันอย่างเปิดเผย และเมื่อไหร่ที่หญิงเจ้าเล่ห์คนนั้นได้เข้ามาเป็นใหญ่ในบ้านหลังนี้ อีกฝ่ายคงไม่มีวันปล่อยเรนิศไปเฉยๆ แน่
เพื่อที่เธอจะปลอดภัยจากเงื้อมมือของรันดา หญิงสาวจึงต้องสร้างเกาะป้องกันของตัวเองขึ้นมาเช่นกัน
เรนิศจ้องมองไปยังข้อความหนึ่ง ซึ่งได้ส่งไปหาคนสำคัญอย่างประธานบริษัทออริจิ้นกรุ๊ป ชายที่ในภายภาคหน้าจะขึ้นมาเป็นนักธุรกิจระดับแถวหน้าของประเทศ ไม่ต่างจากอักษะ
เธอไม่ได้อยากจะจับเขา แต่จะร่วมทำธุรกิจด้วยต่างหาก
มั่นใจได้เลยว่าหากรันดามีแผนลอบทำร้ายเธอ และหากส่งผลกระทบต่อธุรกิจ คีรีหรือประธานบริษัทออริจิ้นกรุ๊ปคงไม่มีทางยอมปล่อยไปเฉยๆ
‘ช่วงบ่ายเจอกันที่สเปคตรัมเลาจ์ ห้อง 8’
เรนิศเผยรอยยิ้มทันทีเมื่อได้อ่านข้อความจากอีกฝ่าย ก่อนจะเดินไปเลือกเสื้อผ้าชุดใหม่เพื่อเตรียมตัวไปพบคู่ค้าคนสำคัญในอนาคต
การมาพบคีรีในครั้งนี้สำคัญกับเรนิศมาก หญิงสาวจึงใส่ใจทุกรายละเอียด จนกระทั่งใกล้ถึงช่วงบ่ายเธอก็มาถึงตึกสูงใจกลางเมือง ขณะที่กำลังรอลิฟต์เพื่อขึ้นไปชั้น 35 กลับมีคนคุ้นหน้าโผล่ออกมาจากลิฟต์อีกตัวพอดี
เรนิศอึ้งไปชั่วขณะ มองไปยังสามีที่เดินมาพร้อมกับพนักงานคนสนิทอย่างรันดา พวกเขาทั้งสามสบตากันโดยที่อักษะก็ไม่คาดคิดว่าจะเจอภรรยาที่นี่เช่นเดียวกัน เมื่อรันดาเห็นเรนิศก็เร่งรีบเดินเข้ามาประชิดตัวพร้อมอธิบาย
“ไม่ใช่อย่างที่เธอคิดนะเรนิศ ฉันกับอักษะไม่-”
“พูดอะไรของเธอ ฉันไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย พวกเธอไม่ต้องอธิบายหรอก” หญิงสาวตัดบท ไม่อยากเข้าใกล้หรือสนทนากับว่าที่เมียน้อยเลยสักนิด ก่อนจะมองไปที่สามี “พวกคุณคงจะพึ่งคุยงานกับดีแลนด์กรุ๊ปจบสินะ แล้วนี่ทานอาหารกันมาหรือยัง”
รันดาชะงักทันที เพราะมั่นใจว่าเรนิศคงจะทนไม่ไหวและต้องหาเรื่องมาก่อความวุ่นวายอีกแน่ๆ ทว่าเธอกลับยังใจเย็น แถมยังถามคำถามแปลกๆ อีกด้วย
“พวกเรากำลังจะไปทานอาหาร แล้วเธอมาทำอะไรที่นี่” อักษะถามกลับ เห็นว่าภรรยาเปลี่ยนชุดจากเมื่อเช้า คล้ายจะทางการมากขึ้นก็ถึงกับขมวดคิ้วทันที ไม่ใช่ว่าเรนิศเปลี่ยนการแต่งตัวแล้วงั้นเหรอ
“ฉันก็มาหาเพื่อนสิคะ พอดีนัดกันไว้ที่นี่”
“เพื่อน?” อักษะมึนงง มาหาเพื่อนต้องใส่ชุดทางการแบบนี้เชียว?
“ก็นะ นอกจากสามีแล้วฉันก็ยังมีเพื่อนด้วยนะคะ เผื่อคุณลืม”
ถึงตอนนี้จะยังไม่ใช่เพื่อน แต่ในอนาคตคงไม่แน่
รันดาที่คล้ายจะถูกลืมจึงรีบเอ่ยถามขึ้นมา “จะไม่ทานอาหารด้วยกันก่อนเหรอ พวกเราว่าจะไปทานอาหารโปรดของอักษะด้วยกัน อุตส่าห์เจอกันที่นี่ทั้งที”
“ไม่ดีกว่า ฉันมีธุระสำคัญที่ต้องจัดการ”
“ธุระอะไรจะสำคัญกว่าได้นั่งทานอาหารกับสามีอีกเล่า แถมยัง ‘บังเอิญ’ ได้มาเจอกัน เผลอๆ ฉันนึกว่าเธอแอบตามอักษะมาซะอีก”
แอบตาม? ผู้หญิงคนนี้กำลังเสี้ยมอยู่ชัดๆ
เรนิศยิ้มและเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ “ฉันจะแอบตามสามีมาทำไม เขาแค่มาทำงาน ไม่ได้แอบทำอะไรผิดสักหน่อย จริงไหมคะสามี”
รันดาคิ้วกระตุก เผยรอยยิ้มเจื่อนเมื่อไม่เป็นไปตามแผน ไม่เข้าใจว่าทำไมเรนิศถึงยังใจเย็นได้อยู่อีก ทั้งที่ถูกยั่วโมโหขนาดนี้ และโดยปกติคงจะเข้ามาเรื่องแล้วแท้ๆ
เธอคล้ายจะรู้สึกว่าผู้หญิงตรงหน้าเปลี่ยนไป แต่ตรงไหนกันนะ?
“แน่ใจนะ ฉันกลัวว่าเธอจะเก็บเรื่องนี้มาคิดมากอีก ขอบอกเลยนะว่าฉันกับอักษะไม่มีอะไรเกินเลยทั้งนั้น พวกเราเป็นแค่เพื่อนสนิทวัยเด็ก”
“ไม่ๆ ฉันไม่คิดมากอยู่แล้ว แต่ก่อนเป็นฉันเองที่ทำตัวเด็กไป”
“แน่ใจเหรอเรนิศ เรื่องที่ทำให้เธอเข้าโรงพยาบาลเมื่อคราวก่อน ยังทำฉันรู้สึกผิดไม่หาย”
เรนิศฝืนยิ้มจอมปลอมอีกครา ถ้าหากรู้สึกผิดจริงๆ ก็ไม่ควรเข้าใกล้สามีคนอื่นตั้งแต่แรกสิ ในเมื่ออยากเป็นคนผิดมากนักก็ตามใจ เธอจะจัดให้!
“งั้นถือว่าฉันยกโทษให้เธอก็แล้วกัน คราวหลังก็ทำตัวดีๆ ล่ะ จะได้ไม่ทำให้คนอื่นเข้าใจผิดอีก เพราะครอบครัวอื่นคงไม่ใจดีแบบฉันแน่”
“เอ๊ะ?” รันดาชะงักไป “เธอ เธอพูด-”
“ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ เธอพูดว่าตัวเองผิดไม่ใช่เหรอ ฉันก็ให้อภัยแล้วนี่ไง ยังจะงงอะไรอยู่อีก”
“อะ อืม เธอพูดถูก ฉันจะระวังตัวให้มากขึ้น” รันดาหันไปมองอักษะ แต่เขากลับยังนิ่งเงียบ เธอจึงรีบเอ่ยอีกครั้ง “งั้นฉันกับอักษะขอตัวก่อนแล้วกัน พวกเราต้องไปคุยธุรกิจกับบริษัทอื่นต่อ”
“เชิญตามสบายเลย” เธอส่งรอยยิ้มให้กับทั้งสองคน แล้วหันหลังเดินกลับไป แต่สายตาแอบเหลือบมองหน้าท้องแบนราบของรันดาแวบหนึ่งด้วยความโล่งอก
ทว่ายังไม่ทันจะได้ก้าวไปไหน กลับมีคำถามตามไล่หลังมา
“เธอคุยกับเพื่อนเสร็จกี่โมง จะได้ไปบ้านคุณลุงพร้อมกัน” อักษะเอ่ยถาม
“อักษะ พวกเรามีนัดสำ-” รันดาแย้ง
“ไม่รู้สิ ถ้าคุยสนุกก็คงจะนานหน่อย คุณไม่จำเป็นต้องรอหรอก เดี๋ยวฉันจะให้คนขับรถไปส่งเอง”
แม้จะปฏิเสธ แต่เรนิศกลับชอบคำถามของเขาไม่น้อย ยิ่งได้เห็นสีหน้าเป็นกังวลของรันดา เธอก็ยิ่งชอบใจจึงเดินกลับมาหาสามีอีกครั้ง
ยกมือเรียวยาวขึ้นมาลูบไล้กรอบหน้าคมสันแผ่วเบา ก่อนจะเขย่งเท้าเข้าไปหอมแก้มเขาฟอดหนึ่ง “ทำงานหนักแบบนี้ เหนื่อยหน่อยนะคะสามี”
รอยลิปสติกสีแดงเปื้อนใบหน้าของชายหนุ่มชัดเจน แต่แทนที่จะเช็ดออก เขากลับมองภรรยาเดินหายเข้าไปในลิฟต์โดยไม่พูดอะไร ขณะที่เลขาอย่างณภัทรเดินมาเห็นทั้งสองคนพอดี
“อ้าว ทำไมที่หน้าของคุณอักษะถึงมีรอยลิปสติกอยู่ล่ะครับ”
เขาสลับมองหน้าเจ้านายและรันดาด้วยความมึนงงว่าเจ้าของรอยลิปสติกสีแดงนั่นคือใคร
“อักษะคะ คุณรีบเช็ดออกก่อนดีกว่า เดี๋ยวจะดูไม่ดี” รันดารีบโผเข้ามาหมายจะเช็ดรอยลิปสติก
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันจัดการเอง” อักษะหยิบหน้าเช็ดหน้าขึ้นมา ลบรอยเปื้อนออกไปจนหมด ขณะที่สายตาจดจ้องมองไปยังเลขด้านหน้าลิฟต์
‘ชั้น 35’ เขาทดไว้ในใจ