คีรียอมตกลง
บทที่ 4 ยอมตกลง
การที่ได้บังเอิญพบเจอกันเมื่อครู่ทำให้เรนิศเสียเวลาไปมาก แต่เมื่อเห็นสีหน้าเป็นกังวลของรันดาก็ทำให้หญิงสาวมีความสุขจนแทบยิ้มไม่หุบ เข้าใจแล้วว่าการใจเย็นและมีสติเป็นอย่างไร เพราะตัวเธอในอดีตนั้นเอาแต่โวยวายใจร้อนไม่หยุด
แม้ไม่ได้ต้องการแก้แค้น แต่เมื่อได้เห็นศัตรูเดือดเนื้อร้อนใจก็ถือว่าเป็นความสุขอีกอย่างหนึ่ง
"สีหน้าของรันดาตลกชะมัด" เรนิศกล่าวด้วยความสนุก นึกขึ้นได้ว่าเมื่อครู่ตนเองพึ่งหอมแก้มสามีไปหยกๆ ลิปสติกสีแดงบางส่วนหายไปจากริมฝีปากอวบอิ่ม "แปลกจัง ปกติเขาไม่ให้ฉันแตะเนื้อต้องตัวด้วยซ้ำ ที่ยอมคงเพราะไม่อยากให้ฉันก่อเรื่องล่ะสิ"
เรนิศจึงรีบนำลิปสติกขึ้นมาทาอีกครั้ง ใช้เวลาเพียงไม่นานก็มาถึงชั้น 35 ซึ่งชั้นนี้ถูกครอบครองโดยร้านอาหารเพียงร้านเดียว ทันทีที่แจ้งพนักงานว่าต้องการไปที่ห้องหมายเลข 8 เขาก็รีบนำทางอย่างรวดเร็ว
“เชิญครับ” อีกฝ่ายผายมือ
เรนิศเดินเข้าไปอย่างว่าง่าย และได้ยินเสียงเอะอะโวยวายดังขึ้น ไม่สิ… มันคือเสียงครวญครางในลำคอของชายหญิงต่างหาก
“เสียสติไปแล้วแน่ๆ” หญิงสาวพึมพำด้วยความตกใจกับภาพตรงหน้า
ภายในห้องมืดมีเพียงแสงไฟสลัวๆ บนโซฟาสีแดงมีชายหญิงคู่หนึ่งกำลังคลอเคลียกันไม่ห่าง มือหยาบลูบไล้ไปมาราวกับปลาหมึก ถลกกระโปรงอีกฝ่ายขึ้นมาด้วยความชำนาญ ทำให้เสื้อผ้าฝ่ายหญิงหลุดลุ่ยบางส่วน ส่วนสภาพฝ่ายชายก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่นัก ผมเผ้ายุ่งเหยิง กระดุมหลายเม็ดถูกปลด ทั้งสองทำราวกับว่าในห้องนี้ไม่มีใครอื่น
เมื่อพวกเขาหันมาเห็นเธอ ฝ่ายหญิงสะดุ้งตกใจกรี๊ดเสียงดัง ก่อนจะหอบเสื้อผ้าวิ่งออกจากห้องไปด้วยสีหน้าแตกตื่น ทว่าฝ่ายชายกลับยังนิ่งเฉย พร้อมจ้องมองมาที่เธอด้วยสายตาตั้งคำถาม ราวกับว่ามาขัดขวางความสุขของเขาทำไมมิทราบ
“คุณคือคีรีใช่ไหม” เรนิศถามย้ำเพื่อให้แน่ใจ ขณะที่เปิดสวิตช์ไฟไปด้วย เมื่อแสงสว่างปรากฏขึ้นทุกอย่างก็ชัดเจน ทำให้เห็นว่าตอนนี้ใบหน้าของเขาโดยเฉพาะริมฝีปากมีรอยเปื้อนลิปสติกสีแดงของหญิงเมื่อครู่
“คุณเป็นใคร” เขาถามกลับ มองมาที่เธอด้วยความสนใจ เพราะเธอดูดีและถูกใจเขายิ่งกว่าพนักงานคนเมื่อกี้เสียอีก
"ฉันคือคนที่คุณนัดให้มาเจอที่นี่ตอนบ่าย"
“จริงเหรอ” คีรีไร้ยางอายเลิกคิ้วสูง ผายมือเชิญให้อีกฝ่ายนั่งลง ก่อนจะจัดระเบียบเสื้อผ้าตนเองให้เรียบร้อยแต่ไม่ช่วยเลยแม้แต่น้อย “คุณคือคนที่ส่งแผนพัฒนาโครงการดิออร่างั้นเหรอ”
“ใช่ ฉันเอง”
ก่อนหน้านี้เรนิศได้ส่งแผนพัฒนาโครงการดิออร่าให้กับคีรี ซึ่งเป็นแผนพัฒนาบ้านจัดสรรสุดหรูในย่านทำเลทอง โดยหญิงสาวได้อาศัยความได้เปรียบที่เธอรู้อนาคต ส่งแผนพัฒนาให้กับเขา เนื่องจากในอดีตมีการจัดสรรงบประมาณและทำการตลาดผิดพลาดทำให้บ้านมีปัญหา เพื่อที่จะได้ร่วมงานกับเขา เธอจึงต้องแก้จุดบอดเสียตั้งแต่ต้น
คีรีมองอย่างไม่เชื่อสายตา เขาไม่คิดว่าคนที่ส่งแผนพัฒนายอดเยี่ยมแบบนี้จะเป็นแค่ผู้หญิงคนหนึ่ง อีกทั้งเธอคงนี้ยังเป็นแค่ภรรยาในนามของศัตรู
ตั้งแต่แรกเห็น เขาก็รู้ได้ในทันทีว่าเธอคือภรรยาของอักษะ
"ไม่นึกเลยว่าคนที่จะมาร่วมงานกับผมคือคุณเรนิศ รู้สึกเป็นเกียรติอย่างมาก" ชายหนุ่มเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ พิจารณาหญิงตรงหน้าด้วยความระแวง “คุณทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร”
“ฉันก็แค่อยากจะร่วมงานกับคุณ”
“ผมจำได้ว่าสามีของคุณเป็นถึงประธานบริษัทขนาดใหญ่ มีธุรกิจมูลค่าหลายล้านล้าน แต่คุณกลับอยากมาลงทุนกับผมเนี่ยนะ”
“คุณก็เป็นถึงคุณชายตระกูลดัง ทำไมฉันจะมาลงทุนกับคุณไม่ได้” เธอยอกย้อน
“บอกมาตามตรงเถอะคุณผู้หญิง คุณต้องการอะไรกันแน่”
“ทำไมพูดดูถูกตัวเองแบบนั้นล่ะ คุณเองก็ใช่ว่าจะเป็นแค่นักธุรกิจปลายแถวเสียหน่อย ที่ฉันมาที่นี่ก็เพราะอยากจะร่วมลงทุนด้วยจริงๆ”
“งั้นคุณก็คงรู้ใช่ไหมว่าสามีของคุณพึ่งชิงตัดหน้าแย่งบริษัทสำคัญอย่างดีแลนด์กรุ๊ปที่ผมต้องการไป” เมื่อนึกถึงหน้าอักษะขึ้นมา คีรีก็อดโมโหไม่ได้
“ฉันถึงได้มาที่นี่เพื่อชดเชยให้คุณยังไงล่ะ” มุมปากหญิงสาวยกขึ้น กล่าวอย่างรู้ทัน “เงินมูลค่าหลายล้านที่คุณเสียไป ฉันจะเอากลับคืนมาให้เอง ด้วยแผนพัฒนาโครงการดิออร่า”
“ตั้งใจจะเป็นศัตรูกับสามีตัวเองงั้นเหรอ” คีรีถามอย่างตรงไปตรงมา นึกสนใจคนตรงหน้า “เขาไปทำอะไรให้คุณกันล่ะถึงได้อยากจะหักหลังสามีตัวเองแบบนี้”
“เรื่องในครอบครัวของฉัน ไม่เกี่ยวกับคุณ อีกอย่างที่ฉันต้องการร่วมลงทุนก็เป็นการตัดสินใจของฉันเอง สามีอย่างเขาไม่เกี่ยวอะไรทั้งนั้น”
“งั้นก็แปลว่าอักษะไม่รู้จริงๆ สินะ ว่าภรรยาของตัวเองแอบมาคุยกับศัตรูทางธุรกิจแบบนี้ ตอนแรกผมคิดว่าคุณกับเขาวางแผนกันมานะเนี่ย”
“ทำไมถึงคิดแบบนั้น”
“ใครๆ ต่างก็รู้ว่าคุณทั้งรักทั้งหลงสามียิ่งกว่าอะไร ตามติดยิ่งกว่าไข่ในหิน ถึงขั้นตามไปราวีผู้หญิงทุกคนที่เข้าใกล้เขา แล้วจะไม่ให้ผมคิดได้อย่างไรว่าคุณร่วมมือกับเขา”
“ชื่อเสียงของฉันเป็นแบบนั้นเหรอ” เธอบ่นด้วยความผิดหวังปนเอือมระอา รู้สึกขายขี้หน้าขึ้นมาเสียดื้อๆ “จะยังไงก็แล้วแต่ ที่ฉันมาพบคุณก็เพราะสนใจร่วมลงทุน”
“แล้วคุณมีหลักประกันอะไรล่ะว่าจะไม่หักหลังผม บางทีอาจจะเป็นเงินสักก้อนหนึ่ง… ระดับภรรยามหาเศรษฐีแบบคุณคงขนหน้าแข้งไม่ร่วงหรอกใช่ไหม”
“แน่นอนว่าฉันไม่ได้คิดจะเดินเข้ามาตัวเปล่าอยู่แล้ว สักครึ่งหนึ่งของมูลค่าโครงการดิออร่าเป็นไง”
“รู้หรือเปล่าว่าที่พูดมาคือเงินจำนวนเท่าไหร่” เขาเลิกคิ้วสูงอีกครั้ง จากที่นั่งสบาย แผ่นหลังตั้งตรงขึ้นมาทันที
“หมื่นล้าน… นั่นคือราคาที่ฉันต้องจ่ายให้คุณ”
เขานิ่งไปครู่หนึ่ง ดูท่าว่าอีกฝ่ายจะศึกษาข้อมูลมาเป็นอย่างดี ถึงขั้นรู้รายละเอียดต้นทุนโครงการ แม้จะเป็นเงินนับหลายล้านแต่เธอกลับไม่ลังเลเลยสักนิด
หากเป็นเวลาปกติเขาคงจะไม่สนใจ แต่เมื่อไม่นานมานี้คีรีดันเสียเงินไปมากกับดีแลนด์กรุ๊ป หากได้เงินของเรนิศมาร่วมลงทุนด้วย รวมทั้งแผนพัฒนาโครงการของเธอ มั่นใจได้เลยว่าทุกอย่างก็คงจะง่ายขึ้นมาก
ทว่าเขาก็ยังไม่ไว้ใจผู้หญิงคนนี้อยู่ดี เธอทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร?
“คุณคิดจะทรยศสามีตัวเองไปเพื่ออะไร” ชายหนุ่มท่าทางขี้เล่นเปลี่ยนน้ำเสียงจริงจังขึ้นมาฉับพลัน
“มันไม่เกี่ยวกับคุณ นี่มันเรื่องในครอบครัวของฉัน”
“งั้นผมก็คงจะลงทุนกับคุณไม่ได้ อย่างที่บอกไปว่าการหาพาร์ทเนอร์ไม่ง่าย และผมก็คงไม่เอาธุรกิจของตัวเองมาเสี่ยงกับเรื่องในครอบครัวของคุณเหมือนกัน”
“…”
“ถ้าไม่อยากให้ผมสงสัย ก็ไปจัดการเรื่องในครอบครัวของตัวเอง อย่าดึงผมเข้าไปเกี่ยว”
เรนิศเข้าใจแล้วว่าทำไมชายคนนี้ถึงสามารถกลายเป็นนักธุรกิจแถวหน้าของประเทศได้ แม้ในอดีตโครงการดิออร่าจะบริหารงานผิดพลาด แต่ถึงอย่างไรเขาก็สามารถกู้วิกฤตครั้งนั้นได้
แม้อีกฝ่ายจะดูเป็นคนไม่เอาไหน มั่วผู้หญิง และทำตัวหัวราน้ำไปสักหน่อย แต่การที่เขาถามเช่นนี้แปลว่าอีกฝ่ายเป็นคนระมัดระวังไม่น้อย และคงไม่ต้องการให้ธุรกิจเสียหายง่ายๆ ซึ่งนั่นก็เป็นไปตามเป้าหมายที่เธอวางไว้เช่นเดียวกัน
“ฉันจะหย่ากับสามีในอีกไม่ช้า”
“โอ้ ที่แท้คุณก็ถูกสามีทิ้งมานี่เอง อย่าบอกนะว่าคิดจะจับผม น่าเสียดายที่ผมดันไม่สนใจแม่ม่าย-”
“พล่ามพอหรือยัง” เรนิศตัดบท “อีกไม่นานฉันกับอักษะจะไม่ยุ่งเกี่ยวกันอีกแล้ว”
“ก็เลยคิดจะหักหลังเขาว่างั้น?” เขาพูดแทรกบ้าง
“คุณมีปมอะไรกับการถูกหักหลังหรือเปล่า” เธอประชด แล้วกล่าวต่อ “และฉันไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับอักษะอีกต่อไปเช่นกัน อันที่จริงก็อยากจะใช้ชีวิตเงียบๆ แต่มันคงจะน่าเบื่อเกินไป”
“ก็เลยคิดจะมาหาความสนุกจากผมงั้นเหรอ”
“คิดว่าตัวเองน่าสนใจขนาดนั้นเลย?”
“ให้ตายเถอะ นั่นเพราะว่าคุณยังไม่เคยลองต่างหาก” คีรียื่นใบหน้าขี้เล่นเข้ามาใกล้ ส่งยิ้มตาหยีมาให้กับเรนิศ ทว่าน่าเสียดายที่เธอไม่ตกหลุมพรางรอยยิ้มจอมกวน
เธอลุกขึ้น จ้องมองไปยังอีกฝ่าย “ถ้าไม่มีอะไรแล้วก็ส่งสัญญามาให้ฉันเซ็น แล้วเงินจะโอนเข้าบัญชีบริษัทคุณทันที ส่วนแผนพัฒนาโครงการฉบับเต็มฉันจะส่งให้คุณเอง”