บอกคุณลุง
คีรีตะโกนไล่หลังมาอีกสองสามประโยค แต่เรนิศเลือกที่จะไม่สนใจ เมื่อเปิดประตูออกมาก็พบว่าผู้หญิงที่วิ่งออกไปเมื่อครู่เป็นพนักงานหญิงของร้านอาหารแห่งนี้
ทั้งสองสบตากัน ก่อนที่อีกฝ่ายจะก้มหน้าหลบสายตา
“นี่มันเรื่องบ้าอะไรเนี่ย” หญิงสาวพึมพำกับตัวเอง ได้แต่นึกสงสัยกับตัวเองว่าทำไมไปที่ไหนก็เจอแต่พฤติกรรมเช่นนี้
เมื่อลงมาถึงชั้นล่าง ยืนรอเพียงไม่นานคนขับรถก็มาถึงขณะที่เรนิศกำลังเดินทางไปที่บ้านของคุณลุงเพื่อพูดคุยเรื่องการหย่าของเธอกับสามี
ทั้งที่ก่อนตายเธออยากจะพบกับลุงมากแท้ๆ แต่พอได้โอกาสอีกครั้ง หญิงสาวกลับไม่มีความกล้ามากพอที่เอ่ยคำทักทายหรือบอกเรื่องการหย่าของเธอกับสามี
การแต่งงานของเรนิศและอักษะเกิดขึ้นเพราะสองครอบครัวเคยให้สัญญากันเอาไว้ แต่เนื่องจากครอบครัวของคุณลุงมีลูกชายเพียงคนเดียว และเขาได้รับเรนิศมาเลี้ยงตั้งแต่เด็กทำให้เธอมีโอกาสได้แต่งงานกับอักษะ
อีกทั้งตัวเธอในตอนนั้นก็แอบปลื้มอักษะอยู่ไม่ใช่น้อย จึงยอมรับการแต่งงานครั้งนี้
“คุณเรนิศ พวกเรามาถึงบ้านของคุณวรยศแล้วครับ” คนขับรถเอ่ยขึ้น เมื่อเห็นว่าเจ้านายนั่งเหม่อลอยครู่ใหญ่
“อืม เข้าใจแล้ว” เธอพยักหน้า รีบก้าวลงจากรถ
ขาเรียวยาวเดินไปตามทางเดินจนกระทั่งมาโผล่ที่ส่วนหย่อมเล็กๆ ปรากฏภาพของชายแก่คนหนึ่งกำลังนั่งปลูกต้นไม้โดยไม่ได้สังเกตเลยว่ามีอีกคนปรากฏตัวอยู่
“คุณลุงค่ะ….” หญิงสาวเปล่งเสียงเรียกคนตรงหน้า อีกฝ่ายรีบหันมาพร้อมกับรอยยิ้ม วางทุกอย่างลง แล้วเดินตรงมาหาหลานสาวทันที
“อ้าวเรนิศ มาตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมหลานไปยืนตรงนั้นล่ะ มานั่งในร่มสิ” วรยศเอ่ยกับหลานสาว รีบพาเธอมานั่งในที่ร่ม พร้อมสั่งให้สาวใช้ไปนำอาหารและเครื่องดื่มมา “ทำไมถึงมาคนเดียวล่ะ อักษะไปไหน”
“เขาทำงานอยู่ค่ะ เดี๋ยวจะตามมาทีหลัง” เธอตอบ
ดวงตากลมโตไล่มองผมขาว เห็นรอยเหี่ยวย่นตามใบหน้าและร่างกาย แผ่นหลังที่เคยตั้งตรงดูคล้ายจะค่อมลงเล็กน้อย ความเร็วการเดินของลุงเมื่อครู่ดูจะช้าลงไปด้วย
‘คุณลุงแก่ขึ้นมากจนฉันไม่ทันสังเกตเลยด้วยซ้ำ’ เธอกล่าวกับตัวเอง
“เรนิศ หลานเป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมดูเงียบไปล่ะ”
“หนูพึ่งสังเกตว่าเวลาผ่านไปเร็วมาก วันแรกที่ย้ายเข้ามาบ้านหลังนี้ตัวหนูยังสูงแค่นิดเดียวเอง”
“เวลาผ่านไปเร็วมากจริงๆ นั่นแหละ วันที่หลานย้ายเข้ามา ลุงยังจำวันนั้นได้ดี”
แม่ของเรนิศเป็นน้องสาวคนเดียวของวรยศ แม้จะอายุห่างกันไม่น้อยแต่ทั้งสองคนก็สนิทกันมาก ในวันนั้นพ่อและแม่ของเรนิศประสบอุบัติเหตุทำให้เสียชีวิตทั้งคู่ วรยศที่มีสถานะเป็นลุงของเธอ จึงได้รับหลานสาวคนนี้มาเลี้ยงดูตั้งแต่เธอยังเด็ก
เขาจึงเปรียบเสมือนพ่อคนหนึ่ง ทว่าเนื่องจากในอดีตเธอเอาแต่สนใจอักษะ จะมาหาคุณลุงก็ต่อเมื่อมีเรื่องเดือดเนื้อร้อนใจจนทำให้ลูกชายของคุณลุงไม่ชอบเธอนัก
ก่อนจะถูกอักษะจับขังไว้ที่เกาะ คุณลุงก็เป็นเพียงคนเดียวที่ยื่นมือเข้ามาช่วย เขาถ่อสังขารมาถึงคฤหาสน์แต่ไม่สำเร็จ นั่นจึงเป็นครั้งสุดท้ายที่เธอได้พบกับอีกฝ่าย
“ขอบคุณมากเลยนะคะคุณลุง ที่เลี้ยงดูหนูมา” จู่ๆ หญิงสาวก็โพล่งคำพูดแปลกๆ ออกมา
“หลานเป็นอะไรหรือเปล่า” วรยศรีบถาม
“เปล่าค่ะ หนูก็แค่ดีใจที่อย่างน้อยก็มีลุงคอยรักและดูแล” หญิงสาวส่งยิ้มบางๆ ให้คนตรงหน้า
เรนิศรู้ว่าอีกไม่นานวรยศจะเสียชีวิตจากอาการป่วย เธอหวังว่าการกลับมาในครั้งนี้จะสามารถช่วยชีวิตคุณลุงเอาไว้ได้
“วันนี้พูดจาแปลกๆ นะเรา” วรยศส่ายหน้า เอื้อมมือมาลูบศีรษะหลานสาวด้วยความเอ็นดู “แม่ของหลานเป็นน้องสาวลุง และเรนิศก็เป็นสิ่งน่ารักที่สุดที่เธอหลงเหลือไว้ให้ ถ้าไม่ให้ลุงดูแลหลานให้ดี วันที่ต้องไปเจอกับน้องสาว เธอคงต้องบ่นลุงหูชาแน่”
“แม่ออกจะใจดี ไม่ได้ขี้บ่นสักหน่อย” หญิงสาวแย้งพร้อมรอยยิ้ม
“เธอใจดีแค่กับหลานนั่นแหละ ส่วนคนอื่นๆ ก็ถูกบ่นจนหูชา ขนาดลุงเป็นพี่ชายก็ยังไม่เว้น”
ทันทีที่พูดจบสองลุงหลานก็หัวเราะชอบใจยกใหญ่ เหมาะเจาะกับที่น้ำชาและอาหารว่างมาวางพอดี เรนิศจึงรินน้ำชาให้คุณลุงด้วยความชำนาญ
“แล้วช่วงนี้คุณลุงเป็นอย่างไรบ้างคะ อาการป่วยกำเริบอีกไหม”
“ลุงสบายดี หลานไม่ต้องห่วงหรอก”
“จะไม่ให้ห่วงได้อย่างไรคะ คุณลุงเป็นญาติเพียงคนเดียวของหนูนะ ถ้าคุณลุงเป็นอะไรไปโดยที่หนูไม่สามารถช่วยอะไรได้ หนูคงต้องเสียใจมากแน่”
“คนเรามีเกิดก็ต้องมีดับ ชีวิตลุงผ่านอะไรมากจนไม่นึกเสียดายอะไรแล้ว เห็นหลานแต่งงานมีชีวิตคู่ก็ถือว่าเป็นยาใจสำหรับคนแก่แบบลุง”
เรนิศชะงักไปทันที มือที่กำลังจับแก้วน้ำชาสั่นเล็กน้อย แววตาแจ่มใสเมื่อครู่คล้ายจะมืดมนลงชั่วขณะ ไม่อาจหลบหนีสายตาคนแก่แบบเขาได้
“คุณลุงคะ…ที่หนูกับอักษะต้องแต่งงานกันก็เพราะว่าคำสัญญาของสองตระกูล หากไม่มีคำสัญญานั้นพวกเราก็คงจะเป็นแค่คนแปลกหน้า”
“…”
“การแต่งงานครั้งนี้เกิดขึ้นได้เพราะแรงสนับสนุนจากคุณลุง หนูขอบคุณมากจริงๆ ที่ทำให้ได้เจอคนที่เพียบพร้อมอย่างอักษะ ในวันที่ได้เจอหน้าเขาครั้งแรกหนูก็ตกหลุมรักทันที คิดว่าชายคนนี้คงจะเป็นรักสุดท้ายและคนสุดท้ายของชีวิต”
“เรนิศ…”
“แม้ว่าเขาจะไม่ได้รักหนูเหมือนอย่างที่หนูรักเขา แต่ตัวหนูในเวลานั้นก็คิดเข้าข้างตัวเองว่าจะสามารถพิชิตใจสามีมาครอบครองได้ ตลอดหลายปีที่ผ่านมาจึงทุ่มเทพยายามนับครั้งไม่ถ้วน เรียกได้ว่าแทบจะหมกมุ่นกับการคว้าใจสามี ทำให้ปล่อยปละละเลยคนในครอบครัว เพื่อน รวมถึงตัวเอง”
วรยศคล้ายจะเข้าใจสิ่งที่หลานสาวต้องการจะสื่อ แต่ก็ทำได้เพียงแค่นั่งเงียบ
“คุณลุงก็คงจะรู้เรื่องที่หนูเข้าโรงพยาบาลครั้งล่าสุดที่ผ่านมา สาเหตุไม่ได้เป็นเพราะอักษะหรอกค่ะ แต่เป็นเพราะหนูไม่รักตัวเองต่างหาก” เรนิศถอนลมหายใจเฮือกใหญ่ พยักหน้าซ้ำๆ ไปมา แววตาเหม่อลอยไปยังสวนด้านหลัง “ช่วงเวลาที่ได้อยู่ในโรงพยาบาลทำให้หนูได้คิดอะไรหลายอย่าง ว่าชีวิตคนเราไม่ควรทุกข์ใจกับความรักมากขนาดนี้ จนถึงขั้นทำร้ายตัวเองและคนรอบข้างไปพร้อมๆ กัน”
ชีวิตก่อนทุกคนต่างเอือมระอาเบือนหน้าหนีกับพฤติกรรมสุดจะทนของเธอ แม้แต่ลูกชายของคุณลุงก็สั่งห้ามเธอไม่ให้พบเจอเขาอีก
คนรอบข้างต่างมองมาที่เธอด้วยสายตาเวทนาปนสมเพชที่คอยแต่วิ่งตามสามี แต่นั่นกลับไม่สำคัญเท่าสายตาของสามีที่มองมา ในแววตาคู่นั่นเต็มไปด้วยความเย็นชาราวกับว่าเธอเป็นเพียงคนแปลกหน้าคนหนึ่ง ไม่ใช่คู่ชีวิตของเขา
เรนิศไม่อยากเป็นแบบนั้นอีกต่อไปแล้ว ความเจ็บปวดในอดีตน่ากลัวเสียจนทำให้เธอไม่กล้ารักผู้ชายคนนั้นอีกต่อไป
“หนูพยายามทุกอย่างแล้ว มันกลับไม่สำเร็จเลยสักครั้งเดียว ตอนนี้จึงเหลือแค่หนทางเดียวแล้วล่ะค่ะ”
“ไม่มีทาง!” วรยศร้องห้าม เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ตะคอกใส่หลานสาว
“ชีวิตแต่งงานของพวกเราไม่มีความสุขเลย!” เธอสวนกลับอย่างไม่ยอมแพ้ “ทั้งหนูและเขาทุกข์ทรมานไม่ต่างกัน พวกเราเป็นเหมือนน้ำกับไฟที่ไม่สามารถเข้ากันได้”
“อักษะทำอะไรหลาน ลุงจะไปคุยกับเขาให้เอง!”
เรนิศส่ายหน้าแล้วเอ่ย “อักษะเป็นคนดีค่ะ เขาเป็นเจ้านายที่ดี เป็นเพื่อนที่ดี เป็นลูกที่ดี เผลอๆ อาจจะเป็นพ่อและสามีที่ดีเหมือนกัน แต่คงไม่ใช่สำหรับหนู”
ดวงตากลมโตคู่สวยคล้ายจะร้องไห้อยู่รอมร่อ ขอบตาร้อนผ่าวขึ้นมาเสียดื้อๆ ริมฝีปากเม้มเข้าหากันอย่างอดไม่ได้ ความคับข้องใจตลอดหลายปีที่ผ่านมาไม่เคยได้รับการแก้ไข
“อาจจะเป็นเพราะหนูที่กดดันเขามากจนเกินไป บีบบังคับให้อีกฝ่ายต้องยอมและเอาแต่ก่อเรื่องให้เขาแก้ปัญหาไม่หยุดหย่อน”
“…”
“แต่ไม่ว่าจะเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ ผลสุดท้ายก็คือเขาไม่ได้รักหนู ที่ทนอยู่ด้วยกันทุกวันนี้ก็เพราะสัญญาเท่านั้น”
“แต่สัญญานั่น-”
“คนอื่นๆ ที่รู้เรื่องสัญญาไม่มีชีวิตอยู่แล้ว ตอนนี้เหลือคุณลุงเพียงคนเดียว หนูขอร้องนะคะ ช่วยเมตตาปล่อยผ่านเรื่องนี้ไป ทำเหมือนกับว่าไม่เคยมีสัญญานั้นมาก่อน”
วรยศไม่อยากจะเชื่อและยอมรับความจริงเมื่อครู่ เขารู้ดีว่าชีวิตแต่งงานของทั้งสองไม่ราบรื่นมากนัก แต่ไม่คิดเลยว่าจะแย่ถึงขั้นนี้ หากเป็นการเสียใจทั่วไปเรนิศคงจะร้องไห้โวยวายแต่คราวนี้เธอกลับนิ่งเงียบ ไม่ร้องไห้ ไม่โวยวาย ไม่เหมือนเรนิศคนเดิมที่เขารู้จัก
“หลานตัดสินใจดีแล้วใช่ไหม”
“ใช่ค่ะ”
“แล้วนายล่ะ…อักษะ”
เรนิศตาเบิกโพลงรีบหันกลับไปมองด้านหลัง ใจเต้นสั่นระรัว เมื่อเห็นร่างสูงของสามียืนเด่นพลางมองมาที่เธอ
‘เขาได้ยินทั้งหมด’ เธอนึกในใจ