ย้อนเวลา
บทที่ 2 ย้อนกลับมา
เสียงพึมพำดังรบกวนคนบนเตียง คิ้วขมวดมุ่นด้วยความไม่พอใจ ใบหน้าสวยเริ่มลืมตาขึ้นมาทีละน้อย มองเห็นผนังสีขาวสะอาดตา โดยมีคุณหมอและพยาบาลรายล้อมหลายคน ทุกสายตาต่างเพ่งมองมาด้วยความเคร่งเครียด
“ฟื้นแล้ว! คุณเรนิศฟื้นแล้วค่ะหมอ” พยาบาลพูด
ไม่นานหมอหลายคนต่างกรูกันเข้ามาเพื่อตรวจอาการของเธอด้วยความร้อนรนใจ ขณะที่เรนิศยังคงมึนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่น้อย จำได้ว่าเธอตกจากดาดฟ้า ทว่าตอนนี้กลับมาโผล่ที่โรงพยาบาลได้อย่างไร อีกทั้งยังรู้สึกคุ้นเคยกับห้องพักเป็นอย่างมาก
รอจนกระทั่งทุกคนออกไปจากห้อง เหลือเพียงแค่เรนิศและคนรับใช้เพียงไม่กี่คนเท่านั้น ตอนนี้เธอมั่นใจแล้วว่าตนเองได้ย้อนกลับมาในอดีต เมื่อหนึ่งปีก่อน ก่อนที่จะถูกอักษะจับขังไว้ที่เกาะแห่งนั้น
“ฉันจะพักผ่อน ทุกคนออกไปให้หมด” หญิงสาวเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา ทำเอาคนรับใช้ขนลุกซู่ ก่อนจะรีบเดินออกจากห้องไป
เรนิศหวนนึกถึงอดีตอีกครั้ง สาเหตุที่ต้องเข้าโรงพยาบาลเช่นนี้เป็นเพราะตัวเธอในอดีตต้องการเรียกร้องความสนใจจากสามีโดยการกินยาเกินขนาด เนื่องจากเมื่อหลายวันก่อนเป็นวันเกิดของเธอ และต้องการให้สามีอย่างอักษะมาร่วมฉลองด้วยกัน ทว่าเขากลับเลือกที่จะอยู่กับรันดาแทน
หญิงโง่เขลาเช่นเธอจึงยอมถึงขั้นทำร้ายร่างกายตัวเองเพื่อให้เขามาสนใจ ทว่าอักษะกลับไม่เคยคิดจะมาเยี่ยมเสียด้วยซ้ำ
“ฉันนี่มันเกินจะเยียวยาจริงๆ” หญิงสาวเอ่ยอย่างตัดพ้อ นึกสงสารและสมเพชตัวเองในอดีต
ตัวเธอในอดีตได้รู้ว่าสามีไม่สนใจแบบนี้ ก็ยิ่งก่อเรื่องวุ่นวายมากกว่าเดิม ขว้างปาข้าวของ และสร้างความวุ่นวาย ทว่าอีกฝ่ายก็ไม่คิดจะโผล่หน้ามาอยู่ดี
ไม่นานเสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้น พร้อมกับแม่บ้านคนสำคัญของตระกูลเดินเข้ามา
“คุณอักษะสั่งให้ป้ามาดูแลคุณเรนิศ หากว่าต้องการอะไรสามารถเรียกป้าได้ตลอดเลยนะคะ” หญิงแก่เอ่ยออกมา
เธอนึกแปลกใจไม่น้อย จำได้ว่าตนเองต้องก่อเรื่องวุ่นวายเสียก่อน อักษะถึงจะส่งตัวแม่นมคนสำคัญของเขามาดูแลเธอ แต่เมื่อนึกได้ว่าตนเองหลับไปนานมากกว่าปกติ คนอย่างอักษะคงไม่มีทางอยากให้เธอตายไปทั้งๆ ที่ยังเป็นภรรยาเขาอยู่แน่
“ขอบคุณมากค่ะ แต่ตอนนี้ฉันยังไม่ต้องการอะไร ป้าออกไปก่อนเถอะ”
หญิงแก่แปลกใจเล็กน้อย เตรียมใจเอาไว้แล้วว่านายหญิงคงจะถามหานายใหญ่ ทว่าเธอกลับไม่สนใจเขาแม้แต่น้อย
“ได้ค่ะ ถ้าต้องการอะไรเรียกป้าได้ตลอดเลยนะคะ”
หญิงสาวยิ้มรับสังเกตเห็นความสับสนในแววตาของแม่นมเช่นกัน เดาไว้อีกฝ่ายคงแปลกใจที่เธอไม่ถามหาอักษะเหมือนทุกครั้ง แต่เรนิศไม่สนใจอีกแล้ว
“ในอดีตฉันนึกว่าคุณจะเป็นห่วงฉันจริงๆ เสียอีก แต่ที่ส่งแม่บ้านคนสำคัญมาทันทีที่รู้ว่าฉันฟื้น คงเป็นเพราะอยากให้อีกฝ่ายมาจับตาดูเสียมากกว่า”
เธอบ่นไปพลางๆ ขณะที่ยกโทรศัพท์ขึ้นมาส่องโซเชียลมีเดีย และเห็นว่ารันดาได้อัปโหลดรูปภาพนั่งทานอาหารกับผู้บริหารบริษัทหลายคน หนึ่งในนั้นมีอักษะนั่งอยู่ด้วย แม้ทั้งสองคนจะไม่ได้ใกล้ชิดกันก็ตาม แต่ก็พอจะทำให้เรนิศที่ในอดีตคล้ายคนบ้าคลุ้มคลั่งได้
ทว่าตอนนี้เปลี่ยนไปแล้ว การรักเขาเป็นเหมือนสารเสพติด มันทำให้เธอกลายเป็นคนบ้า ไร้สติ เรนิศไม่ต้องการเป็นแบบนั้นอีกต่อไป
“อุตส่าห์ได้มีโอกาสใช้ชีวิตอีกรอบ ฉันจะไม่เป็นเหมือนเดิม ต่อจากนี้ขอไม่ยุ่งเกี่ยวกับสองคนนี้จะดีกว่า ชีวิตนี้ฉันต้องใช้ให้ดี”
เธอกล่าวกับตัวเอง ตัดสินใจกดยกเลิกติดตามโซเชียลมีเดียของรันดาและของอักษะทั้งหมด อีกทั้งยังบล็อกสองคนนั้นไปด้วยซ้ำ
เรนิศไม่หวังจะแก้แค้นพวกเขา รู้ดีว่าตนเองในอดีตก็ไม่ใช่คนดีอะไร เป็นเพียงคนโง่เขลา เอาแต่ใจ ไม่ได้ฉลาดรอบคอบและเจ้าเล่ห์ขนาดนั้น ชีวิตนี้จึงขอเพียงมีความสุข ไม่ต้องทรมานจิตใจและร่างกายอีกก็เพียงพอ
“อุตส่าห์ได้ร่างกายแข็งแรงกลับคืนมา งั้นขอพักผ่อนสักหน่อยก็แล้วกัน” เธอพูดอย่างอารมณ์ดี พลางเดินออกไปสูดอากาศด้านนอก สายตาทอดยาวมองตึกสูงตรงหน้า หวนคิดถึงเรื่องราวในอดีตอีกครั้ง
สาเหตุที่ถูกสามีจับขังไปบนเกาะเป็นเพราะว่าเรนิศก่อเรื่องใหญ่ขึ้น โดยการสั่งให้คนไปสั่งสอนรันดา แต่อักษะกลับจับได้อย่างรวดเร็วแถมยังโกรธเธอเป็นฟืนเป็นไฟ ตัวเธอในอดีตไม่คาดคิดว่าบทลงโทษของเขาจะรุนแรงจนถึงขั้นสั่งจับขังบนเกาะ ราวกับว่ามีเหตุการณ์เบื้องลึกเบื้องหลังต่อจากนั้นอีก ยิ่งเมื่อได้เห็นสีหน้าสะใจของรันดา เรนิศก็ยิ่งมั่นใจว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นแผนของผู้หญิงคนนั้นแน่
บางทีคนที่เธอจ้างวานอาจจะเป็นคนของรันดาด้วยเช่นกัน ทว่านั่นกลับเป็นเรื่องในอดีตที่เรนิศไม่สามารถหากคำตอบได้ อีกทั้งยังมีเรื่องขาเทียมของอักษะ
“เกิดอะไรขึ้นกับเขากันแน่” เธอพึมพำ
หลังจากที่อักษะรีบร้อนออกไปช่วยรันดา ทั้งสองคนไม่ได้เจอกันอีกเลย แม้แต่ในวันที่เธอถูกจับตัวไปขังไว้บนเกาะ เขาก็ไม่คิดจะโผล่หน้ามา กว่าจะพบเจอกันอีกทีก็เป็นวันที่เธอพลัดตกจากดาดฟ้า ไม่มีโอกาสแม้แต่จะได้พูดคุยกันดีๆ สักครั้ง
แต่ถึงอย่างไรนั่นก็ไม่มีประโยชน์อีกต่อไปแล้ว เพราะต่อจากนี้ทั้งเธอและเขาจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกันอีก ทันทีที่ได้ออกจากโรงพยาบาลเมื่อไหร่ การแต่งงานครั้งนี้ต้องเป็นโมฆะ
หญิงสาวแสยะยิ้มอย่างอารมณ์ดี เผลอร้องฮัมเพลงออกมา มือไล่เคาะระเบียงเป็นจังหวะดนตรี ทว่าต้องหยุดชะงักจากเสียงรบกวน
“คุณเรนิศทำอะไรคะ! อย่าคิดสั้นเด็ดขาดเลยนะคะ” แม่นมร้องเรียกด้วยความร้อนรน กลัวว่าอีกฝ่ายจะโดดลงจากตึกสูง แน่นอนว่าหากตกลงไปคงไม่มีโอกาสรอดชีวิตเหมือนทานยาเกินขนาดแน่ “มันอันตราย กลับเข้ามาในห้องเถอะค่ะ!”
เรนิศชะงักไป เห็นทีในสายตาของคนรอบข้าง เธอคงจะยึดติดกับสามีอย่างอักษะมากไป จนทำให้ผู้คนคิดว่าเธอจะกระโดดตึกเพื่อให้เขาสนใจอีกครั้ง
หญิงสาวนึกอยากจะโขกศีรษะตัวเองขึ้นมาจริงๆ ที่ช่างโง่เขลาเช่นนี้
แม่นมอาศัยจังหวะที่นายหญิงมึนงง รีบพาตัวอีกฝ่ายเข้ามาในห้องได้ทันเวลา เหล่าคนรับใช้รีบวิ่งกรูเข้ามาด้วยความเร่งรีบ ก่อนจะได้ยินเสียงนายหญิงฮัมเพลงเป็นครั้งแรก
หน้าทุกคนต่างตกตะลึง จำได้ว่านายหญิงคนนี้เต็มไปด้วยอารมณ์เกรี้ยวกราด โมโหร้าย ไม่มีทางที่จะยิ้มอย่างมีความสุขเช่นนี้
“เกิดอะไรขึ้น?” ทุกคนเอ่ยพร้อมกัน
“มองอะไร! รีบมาดูแลคุณเรนิศเดี๋ยวนี้”
แม่นมเอ่ยขึ้นมา รีบห่มผ้าให้คนที่นอนอยู่บนเตียง เห็นว่าอีกฝ่ายไม่มีท่าทีต่อต้านก็โล่งใจมากขึ้น และต้องรีบรายงานเรื่องเมื่อครู่ให้นายใหญ่ได้ทราบ แต่ก่อนที่จะได้ทำอะไร นายหญิงของบ้านกลับกล่าวขึ้นมาเสียก่อน
“ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะป้า เมื่อกี้ฉันแค่ไปสูดอากาศ ไม่ได้คิดจะโดดตึก” เธอกล่าวอย่างอารมณ์ดี ส่งรอยยิ้มบางให้หญิงแก่ “อีกอย่างตั้งแต่วันนี้ฉันเปลี่ยนไปแล้ว ไม่ใช่คนเดิม”