บท
ตั้งค่า

ขอหย่า

ทุกคนต่างมีสีหน้าแปลกใจกับคำพูดของเรนิศ แต่สุดท้ายก็มีความคิดเห็นเดียวกันว่าอีกฝ่ายคงเพี้ยนเพราะฤทธิ์ยาแน่ๆ ไม่มีทางที่นายหญิงคนนี้จะเปลี่ยนไปได้ หากเปลี่ยนก็คงจะเปลี่ยนไปเพราะถลำลึกกว่าเดิมเสียมากกว่า

ไม่กี่วันต่อมาหญิงสาวสามารถออกจากโรงพยาบาลได้อย่างรวดเร็ว เนื่องจากรักษาตัวตามที่หมอสั่งเป็นอย่างดี ทันทีที่ก้าวขาขึ้นรถ ทั้งหมอและพยาบาลต่างถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ราวกับได้ยกภูเขาลูกใหญ่ออกจากอก

“ไปได้สักที” เสียงบ่นเอ่ยตามลม

แม้ว่าฤทธิ์เดชของเรนิศจะรุนแรงมากแค่ไหน แต่ก็คงไม่มากไปกว่าอักษะที่คอยกดดันพวกเขาตลอดหลายวันที่ผ่านมา

เรนิศกลับมาถึงคฤหาสน์ของตระกูลสามีในช่วงเช้า เธอมองสิ่งปลูกสร้างตรงหน้า นับตั้งแต่ที่ก้าวเข้ามาก็มีแต่ความทุกข์ทรมาน ร้อนใจ ไม่เป็นสุข หญิงสาวนึกอยากจะออกไปจากที่แห่งนี้ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้

“ต้องพูดเรื่องหย่าให้เร็วที่สุด” เมื่อคืนนี้เธอลองโทรหาสามีและแน่นอนว่ายังคงไม่รับสายเหมือนทุกครั้ง แถมเมื่อส่งข้อความไป อีกฝ่ายไม่คิดแม้แต่จะเปิดอ่าน

ในอดีตอักษะมักจะปรากฏตัวที่คฤหาสน์เพียงครั้งเดียวต่อสัปดาห์เท่านั้น นอกเหนือจากนั้นก็เลือกที่จะพักที่เพนท์เฮ้าส์หรือโรงแรมแถวบริษัทแทน เรนิศจึงคิดว่าจะไปหาเขาที่บริษัทเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องหย่า ทว่าขณะที่เธอกำลังเดินขึ้นไปบนห้องนอน จู่ๆ คนที่ไม่คิดจะปรากฏก็โผล่ขึ้นมา

“อักษะ…” ชายรูปร่างร่างสูงกำยำ กำลังจดจ้องมาที่เธอ สายตาคมกริบคู่นั้นคล้ายจะฉายความรำคาญขึ้นมาวูบหนึ่ง ในขณะที่เรนิศมัวแต่ตกตะลึง ไม่คิดคาดว่าสามีอย่างเขาจะปรากฏตัวขึ้นมาดื้อๆ “คุณมาทำอะไรที่นี่”

“ที่นี่มันบ้านของฉัน ฉันจะทำอะไรก็ได้”

อักษะตอบกลับด้วยความเย็นชา รู้สึกว่าหญิงตรงหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ก็ไม่รู้ว่าสิ่งนั้นที่เปลี่ยนไปคืออะไร หรือคงจะเป็นแววตาคู่นั้น ที่ในเวลาปกติมักจะมีประกายระยิบระยับเมื่อได้พบเขา แต่ครั้งนี้กลับเรียบเฉย ไร้ซึ่งความรู้สึก

“อาการดีขึ้นแล้วก็อย่าคิดจะก่อเรื่องอีก” เขาเอ่ยเตือน “ทุกคนในบ้านต่างเดือดร้อนเพราะเธอกันหมด!”

“ไม่ต้องห่วงหรอก ต่อจากนี้ฉันคงไม่มีธุระอะไรในบ้านหลังนี้อีกแล้ว”

เขาชะงักไปครู่หนึ่ง นึกสงสัยคำพูดของภรรยา

“เอกสารการหย่า ฉันให้ทนายเตรียมไว้หมดเรียบร้อย สมบัติทุกอย่างของคุณก็เอาคืนกลับไปให้หมด ฉันไม่ต้องการ ถ้าว่างเมื่อไหร่ก็ไปเจอกันที่สำนักงานเขตได้เลย ฉันพร้อมเซ็นทุกเมื่อ”

“ว่ายังไงนะ เธอจะหย่ากันฉันงั้นเหรอ”

“จะตกใจไปทำไม คุณรอโอกาสนี้มาตลอดไม่ใช่หรือไง ฉันก็ทำตามความต้องการของสามีแล้ว ต่อจากนี้พวกเราจะได้ไม่ต้องทนเห็นหน้ากันอีก!”

“…”

“น่าเสียดายที่พวกเรายังต้องไปเจอกันที่สำนักงานเขต อดทนต่ออีกหน่อยนะ ไม่นานคุณก็คงจะได้มีอิสระ”

เรนิศจ้องมองสามีอย่างไม่ยอมแพ้ ความโกรธมากมายพวยพุ่งออกมาจนแทบจะคุมร่างกายตัวเองไม่อยู่ ทว่าอีกฝ่ายกลับไม่สะทกสะท้าน ก่อนจะระเบิดเสียงหัวเราะออกมา ราวกับว่าเรื่องที่เธอพูดเมื่อครู่เป็นเรื่องตลก

“คราวนี้จะมาแผนไหนอีกล่ะ คิดจะยกเรื่องหย่าขึ้นมาเพื่อเรียกร้องความสนใจจากฉันงั้นเหรอ น่าเสียดายที่มันไม่มีทางได้ผล” เขาเดินเข้ามาประชิดตัวภรรยา โน้มใบหน้าเข้ามาใกล้พร้อมกระซิบข้างหู “อย่าลืมสิว่าที่พวกเราแต่งงานกันเป็นเพราะคำสัญญาของสองตระกูล ที่ฉันต้องยอมมาแต่งงานกับเธอก็เพราะคำสัญญาบ้านั่น ส่วนเธอก็ต้องยอมทนอยู่แบบนี้เพราะคำสัญญาบ้านั่นเหมือนกัน”

“ประสาทหรือไง!” เรนิศตะคอกกลับและผลักสามีออก “คุณไม่มีความสุขที่ฉันมาตามรังควานอยู่แบบนี้ แล้วตอนนี้ฉันก็รังเกียจคุณมากกว่าอะไร แล้วทำไมยังจะต้องมาทนมองหน้ากันอยู่อีก!”

“รังเกียจงั้นเหรอ หลายวันก่อนยังบอกรักอยู่เลยนี่”

อักษะแสยะยิ้ม มองหญิงตรงหน้าด้วยสายตารังเกียจ เห็นเธอโกรธก็ยิ่งนึกสนุก

“ฉันต้องทนเห็นเธอก่อปัญหามากมาย ทำร้ายคนอื่นไปทั่ว พอนึกหมดสนุกก็จะทิ้งปัญหาที่ตัวเองก่อขึ้นมาแล้วหนีหายไป ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น… บอกฉันหน่อยสิเรนิศ ใครกันแน่ที่ประสาท!”

หญิงสาวสะดุ้งตกใจ นึกไม่ถึงเลยว่าอีกฝ่ายจะเข้าใจอะไรยากแบบนี้ ชีวิตก่อนเธอเป็นฝ่ายตามตื๊อเขา ในหัวจึงไม่เคยคิดถึงเรื่องการหย่า แต่กลับไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะเอาเรื่องนี้มาทรมานเธอเช่นกัน

ตอนนี้กลับกลายเป็นว่าคนที่ไม่ต้องการหย่าคือเขาเสียเอง

“ได้! ในเมื่อคุณไม่ต้องการหย่า งั้นพวกเราก็อยู่ด้วยความทรมานแบบนี้ต่อไปแล้วกัน! ฉันอุตส่าห์ให้ทางเลือกที่ดีกับคุณแล้ว แต่คุณกลับไม่รับไว้ ต่อจากนี้ก็ช่วยแก้ปัญหาที่ฉันจะก่อให้ด้วยแล้วกัน เพราะมันจะหนักกว่าเดิมแน่!”

เป็นไปตามคาด ผู้หญิงอย่างเรนิศยกเรื่องหย่าขึ้นมาเพียงเพราะต้องการความสนใจจากเขาก็เท่านั้น

“ตามใจคุณเลย ก็ก่อปัญหาให้ผมตามมาแก้มาทั้งชีวิตแล้วนี่”

“เหอะ ถ้ารันดามาได้ยินคุณบอกว่าไม่ต้องการหย่ากันฉัน เธอคงเสียใจมากแน่” ในเมื่อยั่วโมโหเขาไม่ได้ผล เรนิศจึงต้องยกผู้หญิงคนนั้นเข้ามาเกี่ยวข้อง

“รันดาไม่เกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้”

“จะไม่เกี่ยวได้อย่างไร ที่ฉันเป็นบ้าอยู่ทุกวันนี้ก็เพราะเพื่อนวัยเด็กของคุณไม่ใช่เหรอ!” ในอดีตเรนิศต้องเจ็บปวดเพราะผู้หญิงคนนี้มามาก เธอแค่ต้องการจะอยู่ห่างก็เท่านั้น “ถ้าฉันหลีกทางให้เมื่อไหร่คงได้เห็นรัยดากระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจแน่ คุณไม่อยากเห็นหญิงคนรักมีความสุขงั้นเหรอ!”

“พอได้แล้ว! ฉันกับรันดาเป็นแค่หัวหน้ากับลูกน้องก็แค่นั้น เธอต่างหากที่เลิกคิดไปเองสักที!”

“ถ้าเป็นแบบนั้นแล้วรันดาจะทะ-”

เรนิศชะงักทันที เกือบจะเผลอพูดเรื่องอดีตขึ้นมาเสียแล้ว การคุยกับเขาในครั้งนี้ทำเธอหัวเสียจนเกือบจะควบคุมอารมณ์ตัวเองไว้ไม่อยู่

“ถึงตอนนี้จะไม่มีอะไร แต่ในอนาคตก็ไม่แน่” เรนิศยิ้มมุมปากพร้อมตัดพ้อในใจ ทั้งที่เธออยากจะมีลูกกับเขามานาน ทว่าสามีกลับไม่เคยแตะต้องเธอเลยสักครั้งเดียว

หลังจากสั่งจับขังเธอไว้บนเกาะ โผล่หน้ามาอีกทีก็มาพร้อมกับผู้หญิงท้องโตแบบนั้น จะให้เธอไม่คิดได้อย่างไรว่าเขาคือพ่อของเด็ก

ทั้งที่เรนิศขอร้องอ้อนวอนเขามาตลอด แต่กลับรันดาเขายอมได้อย่างง่ายดาย

นี่สินะถึงบอกว่าคนที่ใช่ไม่ต้องพยายาม

อักษะเห็นภรรยาเงียบไปก็นึกสงสัย ใบหน้าสวยเหม่อลอยไปไกล คิ้วจากที่เคยขมวดมุ่นกลับตั้งฉงน ริมฝีปากอวบอิ่มเม้มเข้าหากันคล้ายขัดข้องใจบางอย่าง สีหน้าเหมือนคนอมทุกข์

เรนิศเงยหน้าสบตาคนตัวสูงอีกครั้ง สิ่งที่เธอได้รับจากเขาตลอดหลายปีที่ผ่านมามีเพียงแค่ความเย็นชาและรำคาญใจ อีกฝ่ายคงจะทรมานไม่น้อยที่ต้องใช้ชีวิตร่วมกับเธอ แต่เธอเองก็ใช่ว่าจะมีความสุข ต้องทนเห็นตัวเองอ้อนวอนขอเศษความรักจากชายที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสามี

“ฉันรู้ว่าที่คุณไม่ต้องการหย่าเป็นเพราะคำสัญญาระหว่างสองตระกูล ฉันรู้ดี…”

หญิงสาวพยักหน้าช้าๆ ราวกับพูดกับตัวเอง ก่อนจะประจันหน้ากับสามีอีกครั้งหนึ่ง เขายังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน ในแววตาคู่นั้นไม่เคยมีเธอ

“ที่ฉันพูดเรื่องหย่าขึ้นมาไม่ใช่เพราะต้องการเรียกร้องความสนใจจากคุณ ชายคนที่ยืนตรงหน้าฉันตอนนี้ไม่มีความหมายอะไรอีกต่อไปแล้ว เขาไม่ใช่คนที่ฉันรัก และไม่ใช่คนที่ฉันอยากจะฝากชีวิต เดี๋ยวฉันจะพูดเรื่องนี้กับคุณลุงเอง ถ้าเขายอมรับเรื่องการหย่าของพวกเราได้เมื่อไหร่ คุณกับฉันก็ไม่มีอะไรให้ต้องติดค้างกันอีก”

อักษะยื่นนิ่ง ไม่ขยับ ทุกคำพูดที่ออกมาจากปากของเรนิศคล้ายจะเป็นความรู้สึกจริงๆ ของเธอ ไม่ได้เสแสร้งเหมือนอย่างที่เขาคิด เพราะเรนิศยึดติดมากเกินไป จนเขาไม่เคยคิดเลยว่าอีกฝ่ายจะเป็นคนเอ่ยเรื่องหย่าขึ้นมา

เขาควรจะดีใจที่ได้เป็นอิสระ แต่แล้วทำไมกลับรู้สึกโหวง เหมือนถูกทิ้งไว้กลางทาง

ไม่ใช่สิ… เขาต้องดีใจถึงจะถูก

เหตุการณ์ในอดีตย้อนกลับมาซ้ำๆ คล้ายจะตบหน้าให้เธอตื่นเสียที หากว่าไม่อยากมีจุดจบแบบเดิมก็ควรถอยห่างจากพวกเขา

ยิ่งนึกถึงก็ยิ่งทรมาน ท้องไส้ปั่นป่วน รู้สึกจุกแน่นในอกขึ้นมาเสียดื้อๆ

เรนิศรีบเร่งเดินออกมา แต่อักษะกลับยังเดินมาอีก และคว้ามือของเขาเอาไว้แน่น “ปล่อยฉันนะ!”

“กลับมาคุยกันให้รู้เรื่องนะเรนิศ!” เขาพูดเสียงเข้ม

ทว่าเธอไม่สามารถอดทนอดกลั้นได้อีกต่อไปแล้ว อาหารที่พึ่งทานไปเมื่อเช้าที่ยังไม่ย่อยกลับออกมาทางเดิม กลิ่นเหม็นเปรี้ยวคละคลุ้งทั่วทางเดิน

เรนิศอ้วกทุกอย่างออกมา ทว่าคนที่ต้องรับกรรมทั้งหมดคืออักษะ เนื่องจากไม่ยอมปล่อยมือเธอไปดีๆ ของเหลวเหล่านั้นจึงเลอะเสื้อผ้าเขาไปหมด

“บ้าเอ๊ย!” เขาสบถออกมา ก่อนจะร้องเรียกแม่นม

เหล่าคนรับใช้ที่วิ่งมาเห็นเหตุการณ์ก็ถึงกับตกใจ เมื่อเห็นว่านายหญิงมีอาการไม่สู้ดี ไม่ได้สนใจเลยว่าคนที่ทรมานเสียยิ่งกว่าคืออักษะ

“มองอะไร ไปเอายามา!” เขาตะโกนบอก ก่อนจะอุ้มภรรยาที่มีอาการหน้าซีดเข้าไปในห้องนอน ยิ่งเห็นเธอทำท่าทีรังเกียจเขาก็ยิ่งไม่พอใจ

เป็นเขาไม่ใช่เหรอที่ต้องแสดงอาการรังเกียจ นี่ไม่ยุติธรรมเลยสักนิด

เหล่าสาวใช้จัดการทำความสะอาดทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย แน่นอนว่ารวมถึงที่อักษะเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ด้วยเช่นกัน

“ไหนบอกว่าอาการของเธอดีขึ้นแล้วไม่ใช่เหรอ” อักษะถามแม่นม พร้อมมองไปที่ตัวต้นเหตุที่นอนหลับบนเตียงอย่างสบายใจ

“แน่นอนว่าอาการของคุณเรนิศดีขึ้นแล้วค่ะ แต่พอได้คุยกับคุณอักษะขึ้นมา เธอก็เป็นอย่างที่เห็น” หญิงแก่เอ่ยตามความจริง

แม่นมกำลังจะบอกว่าเขาคือต้นเหตุที่ทำให้เธออ้วกพุ่งงั้นเหรอ แค่ได้พูดคุยกันไม่นานก็ถึงกับควบคุมร่างกายไม่อยู่เนี่ยนะ?

ชายหนุ่มส่ายหน้าด้วยความหัวเสีย ก่อนจะเร่งเดินออกจากห้องนอนของภรรยา ก่อนที่ตนเองจะเผลอทำร้ายใครสักคน!

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel