CHAPTER2
วันจันทร์ช่องแจ้งมาว่าได้พระเอกที่จะเล่นคู่กับจินแล้ว ซึ่งบอสบีมแจ้งว่าจากการคัดเลือกคนที่จะมารับบทนี้เลือกจากเคมีที่เข้ากันของพระเอกและจินเป็นหลัก ส่วนเรื่องฝีมือการแสดงนั้นเขาคิดว่าสามารถพัฒนากันได้ ซึ่งผลปรากฏว่าคนที่ถูกคัดเลือกกลายเป็นม้ามืดที่อยู่นอกสายตาทุกคนอย่าง แทน มีคุณ ที่วันนั้นไม่ได้พูดหรือแสดงความสามารถอะไรออกมาเลยแม้แต่น้อยทำให้มีนตราบ่นไม่หยุด
“หรือหมอนั่นจะเป็นเด็กเส้น”
จินละสายตาจากมือถือ เรื่องที่ได้รู้ว่าใครได้เล่นเป็นพระเอกทำให้เขาอดนึกไปถึงเหตุการณ์วันนั้นไม่ได้
“ไม่มั้งครับ วันแรกที่เราเจอเขา ยังเห็นถูกพี่ปั้นด่าสาดเสียเทเสียอยู่เลย” ถ้าเส้นใหญ่ขนาดทำให้บอสบีมเลือกได้ ผู้กำกับคงไม่กล้าต่อว่าหมอนั่นแรงขนาดนั้นหรอก
“ถ้าไม่ใช่เด็กเส้นทำไมถึงถูกเลือกล่ะ เล่นแข็งอย่างกับอะไร” มีนตรายังคงสงสัยในประเด็นนี้ แต่ถ้าจะบอกว่าเด็กเส้นหมอนั่นก็ดูธรรมดาเกินไป ธรรมดาตั้งแต่หัวจรดเท้าจนไม่น่าจะเป็นเด็กพิเศษใส่ไข่ของใครได้
“บอสบีมบอกว่าเลือกจากเคมีเป็นหลักนี่ครับ”
“โอ๊ย! เคมีอะไรกัน” มีนตราโวยวายเสียงดังขึ้นเมื่อได้ยินประโยคนั้น จินของเธอทั้งหน้าตาหล่อเหลาราวเทพบุตร ผิวขาวสุขภาพดีราวกับคนไม่เคยเจอแสงแดด นิสัยยังอ่อนโยนราวกับคุณชาย จะพูดว่าเคมีตรงกับผู้ชายภาพลักษณ์บ้าน ๆ แบบนั้นได้ยังไง
“ถึงยังไงก็ต้องร่วมงานกันพี่อย่าอคติกับเขาเลย”
จินเตือนผู้จัดการของตัวเอง เมื่อเห็นอีกฝ่ายยังบ่นไม่หยุด ความจริงเขาไม่ชอบใจเลยที่มีนตรามองคนจากภายนอก เขาเองก็เป็นคนหนึ่งที่เริ่มต้นจากศูนย์ ทำงานปากกัดตีนถีบมาตั้งแต่เด็ก พ่อกับแม่ของเขาแยกทางกัน มีเพียงยายที่เลี้ยงเขามา จินคิดว่าเขาแค่โชคดีหน่อยที่มีนตรามาเจอเขาตั้งแต่เป็นวัยรุ่นแล้วพาเข้าวงการ ไม่อย่างนั้นตอนนี้เขาเองก็คงไม่สามารถมีชีวิตแบบนี้ได้
“ผมเองก็คนธรรมดา ไม่ใช่เทพบุตรมาจากไหน”
เมื่อเขาพูดแบบนั้น มีนตราจึงยอมเงียบเสียงลง เธอรู้ว่าจินเป็นคนจิตใจดีไม่เคยดูถูกใคร แต่ไม่รู้ทำไมเวลามองหน้าผู้ชายคนนั้น แววตาที่แอบซ่อนความดื้อรั้นอยู่ในนั้น ท่าทางขบถควบคุมยากแบบนั้น เธอสังหรณ์ใจประหลาดว่าเขาจะสร้างปัญหาให้จินของเธอ
ในที่สุดวันแรกของการถ่ายทำก็มาถึง ถ้าจะให้พูดตามจริง จินแอบเอาใจช่วยพระเอกที่บอสบีมเลือกแล้วเพราะเขาเชื่อว่าบอสมองคนไม่ผิด และคิดว่าทุกคนก็คงคิดแบบนั้นเหมือนกัน แต่พระเอกใหม่อย่างแทนกลับไม่เกินความคาดหมายของมีนตราเลยสักนิด
คัท!
คัท!
คัท!
เสียงพี่ปั้นผู้กำกับสั่งคัทครั้งแล้วครั้งเล่าเมื่อพระเอกใหม่ไม่สามารถแสดงได้เสียที
“โว้ย! วันนี้พอแค่นี้ก่อนแล้วกัน” ตาเรียวของพี่ปั้นหรี่ลงด้วยความขุ่นมัว หนวดกระตุกเพราะโมโหแทนครั้งแล้วครั้งเล่า
แล้วการถ่ายทำวันแรกก็จบลงแบบนั้นเพราะพระเอกของเรื่องเล่นไม่ได้เลย
มีนตราเดินเข้ามาซับเหงื่อให้จิน อีกมือก็ยื่นแก้วน้ำให้ แม้จะยุ่งขนาดนั้นก็ยังไม่ลืมที่จะหันไปเบ้ปากใส่พระเอกใหม่ด้วยความหมั่นไส้
เห็นท่าทางจ๋อยเหมือนหมาหงอยของคนตัวโต จินก็อดไม่ได้ที่จะสะกิดแขนเตือนผู้จัดการส่วนตัวของตัวเอง
“ตอนจินเล่นละครครั้งแรกก็แบบนี้แหละพี่มีน”
“โอ๊ย! ใครบอก จินเล่นได้ดีตั้งแต่เรื่องแรกแล้ว”
เสียงของมีนตราไม่เบาเลยแม้แต่น้อย ทำให้คนที่อยู่แถวนั้นต่างหันมามองแต่ถึงผู้จัดการหน้า
หมวยจะพูดจาเหมือนอวดตัวแบบนั้น แต่ก็ไม่มีใครนึกหมั่นไส้จินเลยสักนิด เพราะเขาเป็นแบบนั้นจริง ๆ นอกจากจะมีพรสวรรค์แล้วจินยังมีวินัยและไม่เคยดูถูกคนอื่น อย่างเมื่อกี้ทุกคนต่างเห็นว่าจินพยายามช่วยส่งอารมณ์ให้พระเอกใหม่เต็มที่แต่เขาคนนั้นก็ยังทำไม่ได้
สักพักมีนตราก็ถูกบอสบีมเรียกไปคุยเป็นการส่วนตัว จินเดินเลี่ยงออกมาจนถึงสวนหย่อม จึงพบว่าหมอนั่นมานั่งอยู่ตรงนี้ตามคาด ดีหน่อยก็ตรงที่วันนี้ไม่ได้สูบบุหรี่ จินเข้าใจว่าเป็นนักแสดงใหม่ก็ตื่นเต้นทำผิดพลาดกันได้ ทุกอย่างล้วนต้องฝึกฝน เมื่อจะแสดงละครด้วยกันเขาก็ตั้งใจว่าจะผูกมิตรกับอีกฝ่ายไว้
เขานั่งก้มหน้าจนไม่ได้สังเกตว่ามีคนเดินเข้ามาหา จนกระทั่งจินมานั่งลงข้าง ๆ นั่นแหละคนที่นั่งก้มหน้าอยู่ก่อนถึงได้เงยหน้าขึ้น เกิดความเงียบขึ้นระหว่างกัน จนจินนึกว่าผู้ชายคนนี้จะไม่พูดอะไรแล้ว แต่สุดท้ายเขาก็พูดขึ้นก่อน
“ขอโทษครับ”
“ขอโทษเรื่อง?”
“ผมขอโทษ ที่ทำให้คุณเสียเวลา”
“ถ้าไม่อยากให้คนอื่นเสียเวลานายก็ตั้งใจเล่นสิ” อย่างน้อยผู้ชายคนนี้ก็ยังรู้ตัว ว่าทำให้เขาเสียเวลาจริง ๆ จินจึงไม่คิดปฏิเสธ
“ผมตั้งใจ” เขาเถียงเสียงแข็งด้วยอารมณ์อัดอั้น
“นายตั้งใจแล้ว?” คิ้วของจินยกขึ้นขณะถาม ไม่ได้ตั้งใจจะดูถูก แต่เขาไม่เห็นอารมณ์หรือความตั้งใจใด ๆ ของคนคนนี้ขณะเข้าบทด้วยกันเลย การแสดงออกของเขาแข็งเป็นต้นไม้เหมือนที่พี่ปั้นด่าไว้ไม่มีผิด
“ผมทำได้แย่มากเลยใช่ไหม”
คนฟังพยักหน้าทันทีแบบไม่ต้องเสียเวลาคิด แล้วก็ได้เห็นใบหน้าคมซึมลงอีกตามคาด
“แต่คนเรามันฝึกกันได้นะ นายต้องมั่นใจในตัวเองสิ ฉันเชื่อว่านายเองก็ต้องมีดีแหละ บอสถึงเลือก”
หน้าหล่อเหลายังคงเซื่องซึม แม้จะได้รับการปลอบใจจากรุ่นพี่แบบนั้น แต่สีหน้าของแทนก็ยังไม่ดีขึ้นเลยแม้แต่น้อย
ความจริงจินไม่ชอบคนยอมแพ้อะไรง่าย ๆ มีคนมากมายที่อยากได้โอกาสนี้ แต่คนที่ได้รับโอกาสกลับทำท่าทางเหมือนจะถอดใจเสียอย่างนั้น ช่างเถอะถ้าหมอนี่จะยอมแพ้ตั้งแต่ตอนนี้ จินตัดสินใจลุกขึ้นหันหลังกำลังจะเดินจากไป แต่เสียงทุ้มจากด้านหลังก็ทำให้เขาชะงักฝีเท้า
“คุณช่วยผมที ได้ไหมครับ”
ได้ยินดังนั้นมุมปากของคนที่หันหลังอยู่ยกขึ้นโดยที่แทนไม่มีโอกาสได้เห็น ต้องแบบนี้สิถึงจะทำงานด้วยกันได้