CHAPTER 4
แทนเดินไปหยิบผ้าขนหนูตามทิศทางที่เจ้าของห้องชี้ แล้วกลับมานั่งคุกเข่าลงกับพื้นเบื้องหน้าเขา เช็ดเท้าที่เปียกของจินแผ่วเบาจนไม่น่าเชื่อว่าผู้ชายตัวโตจะมือเบาได้มากขนาดนั้น
“พอแล้วเดี๋ยวทำเอง” จินพยายามจะชักเท้าหนี แต่กลับถูกมือแข็งแรงจับข้อเท้าไว้แน่น
“รอผมเช็ดเสร็จแล้วไปใส่เสื้อก่อนนะ เดี๋ยวจะหนาว” เขาพูดพลางค่อย ๆ เช็ดนิ้วเท้าทีละนิ้ว โดยไม่เงยหน้าขึ้นด้วยซ้ำ
เมื่อแทนพูดแบบนั้นเจ้าของห้องจึงนึกได้ว่าช่วงบนของเขายังเปลือยอยู่เลย ตอนนี้แอร์ในห้องก็เริ่มเย็นจนเขาขนลุก มือขาวเนียนคว้าหมอนตุ๊กตาที่วางอยู่ตรงโซฟามากอดไว้ เพราะขี้เกียจจะพูดอะไรอีกจึงนั่งเงียบ ๆ รอจนกระทั่งแทนเช็ดเท้าทั้งสองข้างของเขาเสร็จ แล้วเงยหน้าขึ้นมองจินด้วยรอยยิ้ม
“ผมเช็ดเท้าให้จนแห้งแล้ว”
จินมองแววตาซื่อของคนที่อยู่ตรงหน้า เมื่อเขาไม่พูดอะไรรอยยิ้มกว้างขวางของแทนก็ค่อย ๆ ลดลงเรื่อย ๆ
“ไม่ไปใส่เสื้อเหรอครับ” เสียงทุ้มของแทนดังขึ้น เรียกให้จินหลุดจากภวังค์
“รอตรงนี้ก่อน” จินบอกซ้ำ แล้วเดินไปหยิบเสื้อยืดสีขาวมาใส่แบบง่าย ๆ จึงเดินกลับมาหาคนที่นั่งก้มหน้าอยู่ตรงโซฟาอีกครั้ง
“นายทำงานส่งอาหารมานานแล้วเหรอ”
“ครับ ก็ทำอยู่ตลอด” คนที่นั่งก้มหน้าอยู่เงยหน้าตอบ ก็เป็นงานถูกกฎหมาย ไม่มีอะไรต้องอาย
“งานเสริม?”
“ก็ทำทุกงานที่ทำได้”
แววตามุ่งมั่นเวลาที่สบตากันคู่นั้น ทำให้จินนึกไปถึงตัวเองตอนที่เข้าวงการใหม่ ๆ ยังไม่มีชื่อเสียง เขาให้ผู้จัดการส่วนตัวรับทุกงานที่สามารถทำได้ พอได้เงินมาก็เก็บไว้ส่งไปให้ยายที่เชียงใหม่ ซึ่งคนที่เริ่มต้นจากศูนย์มันไม่ง่ายเลย
“นายเลยไม่มีเวลาซ้อมละคร?”
คราวนี้แววตาที่เคยซื่อของคนที่นั่งอยู่ตรงโซฟาลุกวาวขึ้นมาทันที แม้จะหายไปอย่างรวดเร็ว แต่จินก็ยังสังเกตเห็น
“ไม่ใช่” แทนเถียงเสียงทุ้มต่ำอย่างไม่สบอารมณ์ เขาอาจจะไม่ใช่นักแสดงที่เก่งก็จริง แต่ก็พยายามไม่น้อยไปกว่าใคร
“ผมไปเรียนการแสดงตามที่ช่องกำหนดทุกวัน” เขาแค่ใช้เวลาว่างมาส่งของ เพราะเขาไม่ใช่เบอร์หนึ่งของช่อง แต่ก่อนก็เป็นเพียงดาราตัวประกอบธรรมดา ค่าครองชีพในกรุงเทพฯ สูงมาก มีแต่ต้องหางานหาเงินเพิ่มเท่านั้นเขาถึงจะสามารถมีชีวิตรอดอยู่ได้
“แล้วผู้จัดการส่วนตัวนายไม่ว่าเหรอ” จินถามพร้อมกับนั่งลงที่โซฟาฝั่งตรงข้าม
“ผมไม่มีผู้จัดการส่วนตัว ผมดูแลตัวเอง”
แววตาของคนถามไหววูบเมื่อได้ยิน ถ้าเทียบกับเขาที่มีมีนตราช่วยผลักช่วยดันมาตลอดแล้ว หมอนี่ก็ถือว่าลำบากกว่าเขามาก
“ไม่ต้องสงสารผมหรอก” คนที่ถูกดวงตากลมโตจ้องมองด้วยความเห็นใจเริ่มทำตัวไม่ถูก แน่นอนว่าไม่มีผู้ชายคนไหนอยากเห็นแววตาแบบนี้
จินมองเห็นแววตาดื้อรั้นอย่างพยายามเอาชนะในสายตาคู่นั้น ยิ่งมองแบบนี้ ยิ่งทำให้เขานึกถึงตัวเองในอดีต ตอนนั้นเขาเองก็ไม่ชอบให้ใครมามองตัวเองด้วยความสงสารหรือเห็นใจ เขาเชื่อว่าทุกคนมีศักยภาพที่จะทำตามความฝันได้ถ้ามีความตั้งใจมากพอ แต่แม้แทนจะพูดว่าตัวเองพยายามมากแค่ไหน แต่สิ่งที่ผู้ชายคนนี้แสดงออกมาให้เขาและคนอื่น ๆ ได้เห็นก็ยังไม่ดีนัก
“นายยังเล่นแข็งมาก” จินตัดสินใจบอกอีกฝ่ายตามตรง ถึงแม้ชีวิตจะลำบากแค่ไหนแต่ในส่วนของงานก็ยังต้องมีความรับผิดชอบ และคนคนนี้ยังต้องพัฒนาอีกเยอะ
คนที่เมื่อกี้แววตาแข็งกร้าวเริ่มหม่นลง ข้อนี้เขาเถียงไม่ได้เลยเพราะมันเป็นเรื่องจริง
“ถ้าวันไหนนายว่างก็มาที่ห้องแล้วกัน จะได้ซ้อมด้วยกัน”
“ฮะ?” แทนนึกว่าเขาจะโดนอีกฝ่ายต่อว่าที่เขาดูเหมือนเป็นภาระให้คนอื่น ๆ ในกองถ่ายแต่เสียงนุ่มทุ้มกลับพูดสิ่งที่เขาเองก็ยังนึกไม่ถึง
“ถ้านายเล่นไม่ได้เสียที พี่เองก็เสียเวลาเหมือนกัน”
แทนพยักหน้าหงึกด้วยความเข้าใจ แววตาที่เคยไร้ประกายมองอีกฝ่ายราวกับมองเห็นแสงแห่งความหวัง และเพราะมัวแต่ดีใจที่เขาจะช่วยซ้อมการแสดงให้จึงไม่ทันสังเกตว่าสรรพนามที่ใช้แทนตัวเองของจินเริ่มเปลี่ยนไป
“ขอบคุณ คุณจินมากนะครับ”
“นายเรียกว่าพี่จินก็ได้ ยังไงพี่ก็อายุมากกว่า” เจ้าของห้องบอกอย่างใจดี
“เรียกว่าคุณกับผมก็ห่างเหินกันเกิน ยังไงก็ต้องถ่ายด้วยกันอีกหลายเดือน”
จินพูดเสริมเมื่ออีกฝ่ายยังทำหน้านิ่ง ตาจ้องมาที่เขาเขม็งอยู่แบบนั้น
“ขอบคุณครับ ขอบคุณมากครับพี่จิน”
คราวนี้คนหน้านิ่งฉีกยิ้มกว้างขวาง ยิ้มจนดวงตาเป็นประกาย ทำให้ใบหน้าคมดุนั้นดูสว่างไสวขึ้นมาทันตา
จินจ้องมองคนตรงหน้าเงียบ ๆ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าแทนเป็นคนที่หน้าตามีเสน่ห์มาก เวลายิ้มแบบนี้ตาคมดุจะยิบหยีลงอย่างน่าเอ็นดู ซึ่งคงทำให้แฟนคลับสาว ๆ ใจละลายได้เลยทีเดียว เห็นแทนในมุมนี้จินก็ยิ่งเชื่อมากขึ้นว่าบอสบีมคงเลือกคนไม่ผิด
หลังจากได้รู้ว่าใครจะได้มาเล่นซีรีส์ด้วยกันจินก็ไปศึกษาประวัติของอีกฝ่ายมาพอสมควร หมอนี่อายุยี่สิบห้าปี เรียนจบไม่นานก็ก้าวเข้ามาทำงานในวงการเลย โดยเริ่มจากการเป็นนักแสดงตัวประกอบ และการที่ถูกผู้บริหารของช่องเลือกให้รับบทพระเอกในละครฟอร์มยักษ์แบบนี้ถือว่าโชคดีราวกับส้มหล่น หากแทนทำได้ดีก็จะสามารถแจ้งเกิดจากบทนี้ได้เลยทีเดียว