CHAPTER 5
ซีรีส์ที่จินและแทนรับบทนำชื่อเรื่อง ที่รักของผมเป็นมาเฟีย โดยจินรับบทเป็นนับหนึ่ง มาเฟียผู้สืบทอดธุรกิจมืด ส่วนแทนรับบท วิน บอดี้การ์ดหนุ่มที่ตกหลุมรักเจ้านายตัวเอง
วันมาเรียนแอคติ้งด้วยกัน ความเกร็งของทั้งคู่ก็ลดลงมาก และเมื่อสนิทกันมากขึ้นจินก็ค้นพบว่าแทนเป็นคนพูดเก่งกว่าที่คิด
“ผมเล่นดีขึ้นบ้างหรือเปล่าครับพี่”
แทนเดินมานั่งข้างกันเมื่อแอคติ้งคลาสจบลง คนที่กำลังดูดน้ำชะงักไปนิด เมื่อกี้ก็เห็นแล้วว่าหมอนี่ตั้งใจจริง ๆ แต่ถ้าจะบอกว่าเล่นดีก็ยังไม่ใกล้เคียง
แต่ถึงจินจะไม่พูด แค่เห็นสีหน้าของเขา แทนก็เดาได้ไม่ยาก
“ผมคงเล่นแย่จริง ๆ เหมือนที่คนอื่นว่า”
“ไม่มีใครเก่งมาตั้งแต่เกิดหรอก” จินตบไหล่อีกฝ่ายปลอบใจ แต่สีหน้าของคนที่มาทรุดนั่งข้างกันก็ยังไม่ดีขึ้น
“แต่ก็มีบทที่นายเล่นได้ดีนะ”
”บทไหนครับ” ใบหน้าหล่อเหลาที่ซึมลง ตื่นเต้นขึ้นมาทันใด เมื่อได้ยินเขาพูดแบบนั้น
“บทต่อยกับคนอื่น”
“โธ่! พี่ครับ” แบบนั้นจะเรียกว่าเล่นได้ดีได้ยังไง สมัยมัธยมเขาก็มีเรื่องต่อยตีกับชาวบ้านเป็นประจำ บทแบบนี้ไม่ต้องใช้ความพยายามอะไรเลยสักนิด
“แล้วบทแบบไหนที่ผมต้องฝึกเพิ่ม”
“เอ่อ…ก็พวกบทแสดงอารมณ์” ไหน ๆ หมอนี่ก็ถามแล้ว จินคิดว่าก็บอกไปตรง ๆ เลยแล้วกัน แทนจะได้ไปฝึกฝนแล้วพัฒนาฝีมือเพิ่มขึ้น
“งั้นพี่สอนสิ” คนที่มานั่งข้างกันเริ่มเบียดตัวเข้าหาอีกนิด
“อะไรวะ! แล้วตอนครูสอนนายไม่ตั้งใจล่ะ” แค่อนุญาตให้เรียกพี่ได้ แทนก็ทำตัวสนิทสนมกับเขาราวกับรู้จักกันมานานเสียอย่างนั้น
“ก็ตั้งใจแต่ผมเป็นคนหัวช้า พี่บอกเองนี่ว่าตอนเย็นวันไหนพี่ว่างให้ไปเรียนกับพี่ที่คอนโดได้นะ ๆ” ไม่เพียงแต่พูดหน้าคมยังขยับมาเสียชิดแล้วเขย่าแขนจินไปด้วย
“ดูเป็นตัวอย่างแล้วจำไว้นะ” เห็นเขากระตือรือร้น คุณครูจินก็เริ่มรู้สึกสนุกที่จะสอน
โดยที่แทนไม่ทันตั้งตัว จินหันหน้ามาสบตาคนที่นั่งข้าง ๆ เขยิบเข้าใกล้จนเข่าชิดกัน แล้วจับหน้าคมไว้ด้วยมือทั้งสองข้าง ใบหน้าขาวใสของเขาเคลื่อนเข้าใกล้ จนจมูกรั้นของจินแทบชิดจมูกโด่งของแทน
“ฉันก็ชอบนายเหมือนกัน"
ตอนที่จินพูดสายตาของแทนเผลอมองไปที่ริมฝีปากอิ่มอย่างคนสุขภาพดีที่เคลื่อนเข้าหา ยิ่งเขาเคลื่อนเข้าใกล้มากเท่าไหร่ หน้าคมที่ถูกจินจับไว้ก็ยิ่งไม่กล้าแม้แต่จะปล่อยลมหายใจออกมา มือสีแทนที่วางอยู่บนเข่ากำเข้าหากันแน่น เมื่อริมฝีปากจิ้มลิ้มเคลื่อนเข้าใกล้จนได้กลิ่นลมหายใจเจือกลิ่นมินต์ แทนจำได้ว่ามีฉากนี้ในบท มีฉากที่นับหนึ่งซึ่งรับบทโดยจินบอกรักวิน แล้วจูบที่ริมฝีปากแผ่วเบา แต่กว่าจะถึงฉากนี้ก็ปาเข้าไปท้ายเรื่องแล้ว ไม่นึกว่าพี่จินจะรีบซ้อมแบบนี้ ตาคมปิดลงอย่างรอคอย ใจของเขาเต้นแรง เหงื่อไหลออกมาที่มือทั้งสองข้างทั้งที่อากาศก็ไม่ได้ร้อน ดีหน่อยที่ผิวของเขาเข้มไม่อย่างนั้นอยู่ใกล้ขนาดนี้จินคงได้เห็นว่าแก้มของเขาแดงร้อนขึ้น
“นายใจเต้นแรงมาก”
โอ๊ย! ถ้าใจเขาไม่เต้นก็คงตายแล้ว แทนเม้มปากแน่นเมื่อรู้สึกว่าลมหายใจของจินใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ
“ทำอะไรกัน!” เสียงแหลมของมีนตราดังขึ้น
คนทั้งคู่ที่กำลังซ้อมบทกันอยู่ผละออกจากกัน จินปล่อยมือจากใบหน้าคมของแทนแล้วหันมามองผู้จัดการส่วนตัวของตัวเอง แต่อีกคนนี่สิ ท่าทางเลิ่กลั่ก มือของเขายกขึ้นมากำ แล้วคลายออกเหมือนไม่รู้จะวางไว้ตรงไหนดี
มีนตรานิยามท่าทางแบบนี้ได้ว่ามีพิรุธ
“เล่นอะไรกัน” มีนตราถามซ้ำ เธอไปดูแลเคนที่งานอีเว้นท์ ส่งเขากลับไปพักผ่อนเรียบร้อยจึงกลับมาดูจินต่อ ปกติมีนตราไม่ใช่คนจู้จี้ แต่ไม่รู้ทำไมกับแทนเธอกลับรู้สึกไม่ถูกชะตาอย่างประหลาด ทั้งที่คนอื่น ๆ ในกองต่างชมว่าหนุ่มคนนี้น่ารัก มีสัมมาคารวะ ถ่อมตัวและขยัน
“ผมกำลังสอนแอคติ้งให้แทน” จินพูดกับผู้จัดการส่วนตัวของเขาอย่างใจเย็น
“แล้วทำไมไม่ตั้งใจเรียนตอนครูสอน” มีนตรายังคงถามต่อด้วยน้ำเสียงคาดคั้น
“พอแล้วน่าพี่มีน” จินลุกขึ้นดึงแขนผู้จัดการส่วนตัวไว้ เมื่อรู้สึกว่าอีกฝ่ายทำเกินไป และไม่เข้าใจว่าทำไมมีนตราถึงได้อคติกับแทนขนาดนั้น
มีนตราเองก็ได้สติว่าตัวเองเสียงดังเกินไปเมื่อคนอื่น ๆ เริ่มหันมามอง
“กลับกันเถอะ เสร็จแล้วนี่” เธอพูดจบก็สะบัดหน้าเดินนำไปที่รถ
“ขอโทษแทนพี่มีนด้วยนะ”
“ไม่เป็นไรครับพี่” แทนยักไหล่ขึ้น ทำท่าทางเหมือนไม่ถือสาเลยจริง ๆ
“ความจริงพี่มีนเป็นคนใจดีนะ นายเคยไปมีเรื่องอะไรกับพี่มีนหรือเปล่า”
“ฮึ! ไม่เคย” แทนส่ายหน้าปฏิเสธ ดวงตาของเขาใสซื่อ ใบหน้ามึนงง
เห็นท่าทางแบบนั้น จินก็เชื่อว่าอีกฝ่ายไม่ได้โกหกจริง ๆ
“เอาเถอะเดี๋ยวพี่คุยกับพี่มีนให้ ขอโทษนายอีกครั้งนะ”
“ไม่เป็นไรจริง ๆ ครับ”
จินพยักหน้า สบายใจขึ้นเมื่อแทนยืนยันแบบนั้น เขาหยิบกระเป๋าของตัวเองโบกมือลาอีกฝ่าย แล้วหันหลังเดินจากไป จึงไม่ได้เห็นว่าคนที่เขาทิ้งไว้เบื้องหลังมองตามเขาด้วยสายตาแบบไหน
ตลอดทางกลับคอนโด จินมองออกไปนอกหน้าต่างไม่ยอมหันกลับมามองผู้จัดการส่วนตัวของเขาเลยแม้แต่น้อย ทั้งสองนั่งรถด้วยกันไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งรถจอดที่บริเวณลานจอดรถของคอนโด มีนตราจึงเป็นฝ่ายเริ่มพูดกับจินก่อน
“นี่จะโกรธพี่จริง ๆ เหรอ” เสียงแหลมของมีนตราถามขึ้นอย่างอดน้อยใจไม่ได้ ที่ผ่านมาจินเป็นเด็กดีเชื่อฟังเธอมาตลอด แต่เพราะนักแสดงใหม่เพียงคนเดียวเขากลับมึนตึงใส่เธอ
“ผมไม่เคยเห็นพี่เป็นแบบนี้มาก่อน แทนมันไปทำอะไรให้” จินถามคนอายุมากกว่า น้ำเสียงของเขามีแววอ่อนอกอ่อนใจ แต่สายตาภายใต้แว่นกันแดดสีดำยังคงมองออกไปนอกหน้าต่าง ไม่ได้หันกลับมามองคนที่เขากำลังคุยด้วย
มีนตราเม้มริมฝีปากแน่น นั่นสิหมอนั่นทำอะไรเธอก็ตอบไม่ได้ อาจเพราะเธอไม่ไว้ใจสายตาที่แทนมองจิน มีนตรารู้สึกว่ามันแปลก แต่ก็ตอบไม่ถูกว่าแปลกแบบไหน หรือบางทีเพราะเธอดูแลจินมาตั้งแต่เด็ก เห็นเขาไม่ต่างจากลูกชายแท้ ๆ เธอจึงเป็นห่วงเขามากเกินไป ทั้งที่ตอนนี้เขาก็อายุยี่สิบเจ็ดปีแล้ว ไม่ใช่เด็กหนุ่มคนเดิมที่คอยเชื่อฟังเธอทุกอย่างเหมือนในอดีต
“พี่ขอโทษ พี่คงเหนื่อยมากไปหน่อย ไว้พรุ่งนี้พี่จะไปขอโทษแทนแล้วกัน” มีนตราถอนหายใจ บางทีเธอควรจะปลงบ้าง ทุกคนล้วนต้องมีเส้นทางชีวิตของตัวเอง
จินยกมุมปากขึ้นเป็นรอยยิ้มเมื่อได้ยินผู้จัดการส่วนตัวของเขาพูดแบบนั้น อย่างที่เขาบอกแทนไปก่อนหน้านี้ไม่มีผิด ความจริงมีนตราเป็นคนใจดีและที่สำคัญเธอเป็นผู้ใหญ่ที่มีเหตุผล หน้าขาวใสอย่างคนที่ดูแลตัวเองอยู่เสมอหันกลับมามองผู้จัดการส่วนตัวของเขา
“แทนไม่ใช่คนที่แย่นะพี่มีน”
ถึงจะเพิ่งรู้จักกันไม่นาน แต่เขาก็รู้สึกว่าแววตามันหลอกกันไม่ได้ ดวงตาดำสนิทคู่นั้น เขาไม่เห็นความล่อกแล่ก ดูไม่น่าไว้ใจตรงไหนเลยสักนิด
“และที่สำคัญถ้าพี่อคติกับแทน ผมเองก็ทำงานลำบาก”
คำพูดนี้ถือว่าปิดประตูความลังเลไม่มั่นใจของมีนตราไปได้สนิท ความสบายใจของจินย่อมสำคัญที่สุดสำหรับเธอ เพราะเธอรู้ว่าจินตั้งใจกับงานทุกงานมาก เธอไม่ควรเอาความคิดและอารมณ์ส่วนตัวของตัวเองไปทำให้เขาเสียงานจริง ๆ
มีนตราหันมาสบตาเขา พูดสิ่งที่ตัวเองเพิ่งปลงตกและตัดสินใจได้
“พี่ขอโทษจริง ๆ ต่อไปพี่จะไม่ทำแบบนี้อีก”
จินเองก็ยิ้มให้เธอด้วยความขอบคุณ ขอบคุณผู้หญิงคนนี้ที่รักและห่วงใยเขาเสมอ และสุดท้ายทุกเรื่องที่เธอตัดสินใจก็ยังนึกถึงความรู้สึกของเขาก่อนเป็นหลัก
หลังจากมีนตรากลับไป ก่อนที่ร่างสูงที่มีเพียงผ้าขนหนูผืนเดียวพันอยู่รอบเอวจะเดินไปอาบน้ำ โทรศัพท์มือถือที่จินวางไว้โต๊ะข้างเตียงก็ดังขึ้น จินหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแล้วคิ้วเรียวก็เลิกขึ้นเล็กน้อยด้วยความแปลกใจเมื่อเห็นว่าเป็นเบอร์ใคร วันที่มาส่งอาหารก่อนจะกลับไปแทนขอแลกเบอร์โทรศัพท์กับเขา เพราะเขาบอกว่าจะซ้อมบทให้ถ้าว่าง
[พี่มีนไม่ได้ว่าอะไรพี่ใช่ไหมครับ] เสียงทุ้มมีแววร้อนรนถามทันทีที่เขากดรับสาย
จินเกือบจะขำออกมาเมื่อได้ยินประโยคนั้น คนที่มีนตราต่อว่ามาตลอดคือแทนต่างหากไม่ใช่เขา ดังนั้นถ้าจะกังวลหมอนี่ก็ควรจะกังวลเรื่องของตัวเองก่อนดีกว่าจะมาห่วงคนอื่น
“พี่มีนจะว่าอะไรล่ะ พี่แกแค่ทำงานหนักมากเกินไปช่วงนี้เลยหงุดหงิดง่าย” จินเล่าให้อีกฝ่ายฟัง ตามที่มีนตราบอก
[ผมนึกว่าพี่มีน...ไม่อยากให้พี่คบกับผม] น้ำเสียงร้อนรนเปลี่ยนเป็นสิ้นหวังจนคนฟังยังสัมผัสได้
“เฮ้ย! ไม่ใช่แบบนั้น”
จินเสียงดังขึ้น อยากแก้ตัวให้ผู้จัดการส่วนตัวของตัวเองเสียหน่อย
“พี่มีนไม่ใช่คนดูถูกคนอื่น” เธอยังมีความเมตตาและยื่นโอกาสให้คนอื่นเสมอด้วยซ้ำ ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่สามารถมายืนอยู่จุดนี้ได้ แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้พูดหรืออธิบายอะไรต่อ เสียงทุ้มของคนที่อยู่ปลายสายกลับเปลี่ยนเรื่อง ราวกับว่าแค่รู้ว่ามีนตราไม่ได้ห้ามที่จะคบหากัน เขาก็สบายใจแล้วจึงเป็นฝ่ายเปลี่ยนเรื่องไปเสียเอง
[พี่กินอะไรหรือยังครับ]
ความตั้งใจในตอนแรกของจินคือแค่จะรับโทรศัพท์พูดกับแทนสั้น ๆ ก่อนจะไปอาบน้ำ แต่ร่างสูงก็ต้องทรุดลงนั่งปลายเตียงเมื่อบทสนทนาดูเหมือนจะไม่จบลงง่าย ๆ
“ว่าจะลดน้ำหนักแล้วเนี่ย ไม่งั้นฉากถอดเสื้อคงมีปัญหาแน่”
[พี่ไม่เห็นอ้วน]
“นายเคยเห็นหรือไง”
[เคย ก็วันนั้นที่ผมไปส่งอาหารไงพี่ไม่ได้ใส่เสื้อ]
คิดถึงเหตุการณ์วันนั้น หน้าขาวของจินก็อดขึ้นสีระเรื่อขึ้นไม่ได้ ปกติเขาไม่ใช่พวกมั่นใจหุ่นตัวเองขนาดจะถอดเสื้อโชว์ใคร ถ้ามีฉากในละครที่ต้องถอดเสื้อ ช่วงนั้นเขาก็จะฟิตหุ่นก่อน ซึ่งช่วงนี้ก็ไม่มีเวลาไปฟิตเนสเลย
“เอาเป็นว่าวันนี้พี่ไม่กินอะไรแล้ว แค่นี้นะ”
จินตัดบทแล้ววางสายไป มือขาวก้มลงหยิกหน้าท้องที่เริ่มมีเนื้อขึ้นของตัวเอง แล้วนึกไปถึงหุ่นล่ำที่มีมัดกล้ามเนื้อสวยของแทนก็เริ่มรู้สึกอิจฉาอีกฝ่ายขึ้นมา เขาเองก็ควรหาเวลาไปออกกำลังกายบ้างแล้ว ไม่อย่างนั้นแทนที่บทบาทใหม่นี้จะทำให้เขาดังมากขึ้นอาจกลายเป็นดับได้
จินอยู่ในวงการนี้มานาน ทำให้ได้เรียนรู้ว่าสังคมสมัยนี้สามารถวิพากษ์วิจารณ์กันได้ง่ายๆ โดยเฉพาะในช่องทางโซเชียลมีเดีย ซึ่งหลายครั้งการวิพากษ์วิจารณ์รูปร่างหน้าตาก็ทำให้ศิลปินและนักแสดงขาดความมั่นใจ เขาจึงพยายามพัฒนาตัวเองอยู่เสมอในทุก ๆ เรื่อง เพราะไม่อยากทำอะไรที่จะทำให้มีใครเอาไปวิจารณ์ได้ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหรือพฤติกรรมส่วนตัว