ตอนที่ 6 ราชโองการมาถึงแล้ว ก็ไม่อาจขัดได้
นางไม่ได้กล่าวเกินจริง สนมซูเม่ยมองร่างของจ้าวลู่ชิงแล้วยิ้มเย้ยขึ้นที่มุมปาก
เผยแววตาร้ายกาจอยู่แวบหนึ่ง ก่อนจะเปลี่ยนมาแสร้งทำหน้าตกใจกลัว จนอ๋องอี้เฉินต้องจับมือนางมาปลอบขวัญด้วยความใส่ใจ
" เจ้าไม่ต้องกลัว มีข้าอยู่ แม้แต่วิญญาณก็ไม่อาจทำอะไรเจ้าได้ "
ภาพที่ดูห่วงใย รักใคร่กัน ของทั้งสอง ทำให้ความอดทนของบ่าวน้อยผู้ต่ำต้อยอย่างลี่ฉุนหมดลงในทันใด
นางจึงตัดพ้อต่อว่าแทนคุณหนูของตนโดยไม่เหลือความกลัวตายสักนิดเลย
" ท่านอ๋อง คุณหนูข้า มีความรักที่มั่นคงต่อท่านอย่างลึกซึ้ง เหตุใด ท่านถึงตอบแทนความรัก ที่คุณหนูข้ามีให้ ด้วยการเอาชีวิตนาง
นางซื่อสัตย์ ภักดีต่อท่าน ทั้งต่อหน้าและลับหลัง นึกไม่ถึงเลย ว่าท่านจะโหดร้าย เลือดเย็นกับนางเช่นนี้ หากว่าตระกูลจ้าวรู้แต่แรก คงไม่ยอมให้คุณหนูแต่งเข้าจวนท่าน
ท่านมันฆาตรกรเลือดเย็น ให้ฐานะสูงส่ง เพื่อกำจัดอย่างแยบยล จิตใจท่าน อำมหิตเกินมนุษย์จริงๆ
หากไม่ใช่เพราะกฏห้ามผู้ใดแตะพระชายาแม้เพียงปลายเล็บ คุณหนูข้าคงถูกช่วยไว้ทันแต่แรกแล้ว
ในเมื่อ ท่านไม่ได้รักคุณหนูของข้าแต่แรก ทำไมถึงไม่ปฏิเสธราชโองการ ทำไม จิตใจท่านถึงได้โหดร้ายเช่นนี้ "
แม้จะถูกต่อว่า สีหน้าของอ๋องอี้เฉินก็ยังคงนิ่งเฉย เย็นชา ไร้ความรู้สึกเช่นเดิม
จากนั้นก็ยกยิ้มมุมปากขึ้นอย่างเยือกเย็น ทำให้บ่าวรับใช้ที่อยู่แถวนั้น รู้สึกเสียวสันหลังวาบ ปิดปากเงียบจนแทบไม่กล้าหายใจ
อ๋องอี้เฉินปล่อยให้ลี่ฉุนพูดจนหนำใจ จากนั้นตนค่อยออกมาหนัก อย่างไม่รู้สึกสะทกสะท้านใจใดๆ ด้วยถ้อยคำเลือดเย็น
" นางพูดจบแล้ว ก็นำตัวออกไปโบยจนกว่าจะสำนึก แล้วเอาไปขังไว้ในคุกใต้ดิน
เห็นแก่ที่นางภักดีต่อพระชายา ข้าจะเมตตา ละเว้นชีวิตนางสักครั้ง ให้นางอยู่ในคุกมืดตลอดชีวิตพอ "
หลังจากสั่งองครักษ์ข้างกายออกไปเสร็จ ก็หมุนตัวหันหลังเดินจากไป แต่เพิ่งจะก้าวออกไปเพียงก้าวเดียว ก็หันกลับมาอีกครั้งพร้อมกับทิ้งคำสั่งให้องครักษ์ทำ
" เอาร่างของเจ้านายนางโยนเข้าไปในคุกด้วย จะได้ปรนนิบัติรับใช้กันจนลมหายใจสุดท้าย พระชายาจะได้มีสหายร่วมเดินทางไปยังปรโลก "
น้ำเสียงอันสุขุม ราบเรียบที่แฝงไปด้วยความโหดเหี้ยม เลือดเย็น ไร้หัวใจของอี้เฉินอ๋อง ทำให้ลี่ฉุนโกรธจัดจนแทบกระอักเลือด
แม้แต่ร่างไร้วิญญาณของคุณหนู อ๋องอี้เฉินก็ไม่ใยดี ปฏิบัติต่อร่างคุณหนูนางเยี่ยงสัตว์จรจัดข้างถนน
นางโกรธแค้นจนไม่รู้จะทำยังไงแล้ว จึงหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง คล้ายคนเสียสติ
" ฮ่าๆๆ ฮ้า ฮ่าๆๆ "
จากนั้นนางจึงเอ่ยขึ้น
" เป็นไปตามที่ท่านแม่ทัพคาดการณ์เอาไว้ก่อนหน้า ไม่มีผิดเลยจริงๆ "
นางนึกถึงวันที่คุณหนูของนางแต่งงาน ก่อนขบวนเจ้าสาวจะมาถึง แม่ทัพจ้าวเรียกนางออกไปพูดคุย กำชับด้วยความเป็นห่วงบุตรสาว ที่ต้องจากตน แต่งเข้าจวนอ๋องตามราชโองการของฮ่องเต้
" ลี่ฉุน เจ้ากับลู่ชิงโตมาด้วยกัน นางรักเจ้าเสมือนพี่น้องในสายเลือด ยามนี้ นางต้องไปจากจวน แต่งเข้าจวนอ๋องอี้เฉิน ข้าขอฝากเจ้าดูแลนางแทนข้าให้ดีหน่อย หลังจากนี้ไป เจ้ากับนางจะใช้ชีวิตเช่นทุกวันไม่ได้แล้ว ทุกย่างก้าวล้วนแล้วแต่มีชีวิตเป็นเดิมพัน จงระมัดระวัง รักษาเนื้อรักษาตัวให้ดี "
ได้ยินคำเตือนเช่นนั้น ลี่ฉุนจึงถามขึ้นทันที
" ท่านแม่ทัพอยากจะบอกอะไรบ่าวหรือเจ้าคะ "
" ยามนี้ ราชสำนักยังไม่มั่นคง ในสายพระเนตรของฮ่องเต้องค์ใหม่ ตระกูลจ้าว ล้วนเป็นภัยต่อความมั่นคงในราชสำนัก
และในสายตาราชวงศ์พระองค์อื่น ข้านั้นสามารถทำให้บัลลังก์มังกรสั่นคลอได้
ด้วยเหตุนี้ ฮ่องเต้จึงมีราชโองการประทานอภิเษกสมรส ระหว่างอี้เฉินอ๋องกับลู่ชิง "
" แท้จริงแล้ว ฮ่องเต้แค่ต้องการขังคุณหนูไว้ ให้อยู่ในสายตาตลอดเวลา เพื่อใช้ชีวิตคุณหนู เอาไว้ต่อกรกับท่าน บ่าวเดาถูกหรือไม่เจ้าคะ "
" ถูกต้อง ยามนี้ ลู่ชิงลุ่มหลงในตัวอี้เฉินอ๋องผู้นั้นมาก ความประทับใจเพียงครั้งเดียว ก็สามารถทำให้นางหลงบุรุษผู้นั้นจนไม่ลืมหูลืมตา
แต่ไม่เป็นไร ข้าจะให้นางได้เรียนรู้รสชาติความเจ็บปวด จากความลุ่มหลงเสียก่อน หลังจากนั้น เจ้าก็ค่อยๆพูดให้นางตาสว่าง "
" ได้เจ้าค่ะ "
ลี่ฉุนรับคำอย่างหนักแน่นด้วยความเข้าใจ แล้วแม่ทัพจ้าวจึงเอ่ยต่อว่า
" การแต่งเข้าจวนอี้เฉินอ๋องนี้ ไม่เป็นผลดีต่อลู่ชิง ในเมื่อราชโองการมาถึงแล้ว ผู้ใดก็ไม่อาจขัดได้
ข้าได้แต่หวัง ว่า หลังจากบุตรสาวข้าก้าวออกจากประตูจวนแล้ว นางจะปลอดภัย ไม่เป็นเครื่องมือให้ผู้ใดทำลายตระกูลจ้าว
สิ่งเดียวที่ข้าห่วง คือ จิตใจ แม้นางจะมีความสามารถโดดเด่นในการขี่ม้า ยิงธนู ไม่เป็นรองบุรุษ มีพรสวรรค์รอบด้านเหนือสตรีในเมืองหลวง
แต่จิตใจนางกลับอ่อนโยน มีเมตตาเกินไป เกรงจะไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมของบุรุษอย่างอี้เฉินอ๋อง ที่ฆ่าคนเหมือนผักปลา ทั้งยังผ่านการสู้รบมานับไม่ถ้วน
ความเลือดเย็ด โหดเหี้ยม อำมหิตของอ๋องผู้นี้ ล้วนเป็นที่ประจัก ยำเกรงในหมู่ศัตรู
ส่วนความฉลาด เจ้าเล่ห์ มากกลอุบายนั้น ก็ไม่อาจหาผู้ใดมาเทียบได้ แม้แต่ข้าเองก็ยังนับถือ ชื่นชม "
[ โห ขนาดท่านแม่ทัพยังชื่นชม แบบนี้ข้ากับคุณหนู ก็ลำบากแล้ว หากว่า ท่านอ๋องผู้นั้น มีใจให้คุณหนูสักนิด เมตตาต่อนางสักหน่อย ก็คงดีไม่น้อย ]
ลี่ฉุนฟังแล้วก็พึมพำในใจ นางเริ่มรู้สึกหวั่นเกรงแต่ก็ไม่ถึงขั้นขี้ขลาดนัก จึงเอ่ยตอบท่านแม่ทัพจ้าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
" บ่าวเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ บ่าวจะดูแลคุณหนูให้ดีที่สุด ท่านแม่ทัพอย่าได้กังวลเจ้าค่ะ "
เมื่อนึกถึงคำพูดที่เคยรับปากแม่ทัพจ้าวและเรื่องที่แม่ทัพจ้าวห่วง กังวลในวันนั้น มันได้เกิดขึ้นในวันนี้แล้วจริงๆ
ยิ่งคิด ลี่ฉุนก็ยิ่งสงสารคุณหนูผู้งดงาม ที่มีจิตใจบริสุทธิ์ของนางมาก เดิมที่ตั้งใจกันไว้ ว่าจะไม่ออกเรือน จะอุทิศตนช่วยเหลือผู้ยากไร้ในเขตสงคราม
ใช้ชีวิตเลยวัยปักปิ่นมาจนอายุครบสิบแปดปี คุณหนูของนาง เพิ่งจะมีใจรักใคร่ ชอบพอบุรุษเป็นครั้งแรก ในงานเทศกาลหยวนเซียว(เทศกาลแขวนโคม)
แต่บุรุษรูปงาม ที่ช่วยนางแขวนโคมวันนั้น กลับใช้นางเป็นแค่เครื่องมือทางการเมือง
[ คุณหนูจากไป แม้แต่บิดาก็ไม่มีโอกาสได้ร่ำลา มันช่างสลดจิต คับแค้นใจจริงๆ ]
ลี่ฉุนร้องให้ออกมาด้วยความรู้สึกสำนึกเสียใจ ที่ทำตามคำสั่ง ตามที่รับปากท่านแม่ทัพไม่ได้