ตอนที่ 4 ไม่ยุติธรรมเลย
พอเตรียมจะขับฝ่าคลื่นที่ล้อมเขาเอาไว้ ก็มีคลื่นลูกใหญ่อีกลูกที่กำลังมาทางพวกเขา คนขับจึงรีบขับหนีออกจากคลื่นวงแหวนไปอย่างสุดความสามารถ
แต่ด้วยความที่ท้องทะเลเกิดการแปรปรวนอย่างหนัก เลยขับฝ่าคลื่นไปอย่างยากลำบากและต้องคอยระมัดระวังความปลอดภัยให้ลูกค้าข้างหลังตลอดเวลา
ทำให้ไม่สามารถเคลื่อนตัวเร็วเหมือนตัวคนเดียว ในจังหวะที่คนขับเร่งความเร็ว บานานาโบตโคลงเคลงคล้ายจะคว่ำ ทำให้ทุกคนส่งเสียงกรีดร้องออกมาด้วยความตกใจ
คลื่นลูกใหญ่ที่ตามหลังบานานาโบตก็ใกล้เข้ามาทุกที ทุกคนที่นั่งบนบานานาโบต หันหลังไปมองคลื่นลูกใหญ่ด้วยแววตาหวาดกลัวกับเหตุการณ์ท้องทะเลแปรปรวนในครั้งนี้
" ฮื้อ...พี่ขับเร็วๆหน่อยค่ะ ฉันกลัว "
พลอยเร่งให้คนขับฝ่าคลื่นวงแหวนออกไปด้วยน้ำเสียงสั่นกลัว
ตอนนี้ เธอกลัวจนขาดสติ สีหน้าซีดเผือด มือเรียวกอดหยกที่นั่งข้างหน้าแน่นแล้วเอ่ยโทษคนอื่นด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
" ฮือ...หยก เป็นเพราะเธอพูดจาไม่ดีแน่เลย ฉัน ฉันยังไม่อยากตายตอนนี้ ฮือ... "
" พลอย! มีสติหน่อยสิ ถ้ากลัวมากก็หลับตาแล้วเงียบซะ "
หยกเอ่ยขึ้นเสียงดุด้วยสีหน้าเข้ม เพราะเธอเองก็กลัวไม่แพ้พลอยเลย แต่พยายามนิ่งเพื่อให้มีสติที่สุด
" ใช่ ไม่ใช่แค่เธอคนเดียวนะ ที่กลัว ทุกคนกลัวกันหมด แต่เขาไม่โวยวายเสียงดังรบกวนสมาธิคนขับที่กำลังหาทางฝ่าออกไป ถ้าอยากรอดก็เงียบซะ อย่าทำให้เขาต้องมาห่วงหน้าพะวงหลัง "
ฝนเอ่ยตำหนิเสียงดุด้วยความโมโห แต่สีหน้าก็หวั่นวิตกไม่ต่างจากคนอื่นเลย
เมื่อโดนดุเช่นนั้น พลอยจึงหลับตาแล้วปิดปากเงียบพร้อมกับโอบกอดเอวหยกไว้แน่นขึ้นกว่าเดิม
ส่วนดีแลนที่มีสติดีกว่าคนอื่น ก็เริ่มรู้สึกสังหรณ์ใจแปลกๆ จึงโอบกอดตันหยงไว้แน่นขึ้นกว่าเดิมเพื่อให้เธออุ่นใจ ให้รู้ว่ามีเขาอยู่ด้วยตลอดเวลา
ในวินาทีชีวิต อยู่ๆเขาก็เขาเกิดความคิดที่ออกมาจากส่วนลึกสุดของหัวใจ อยากจะปกป้องและเคียงข้างตันหยงจนวินาทีสุดท้ายของชีวิต
เพราะการได้เจอกับตันหยง ทำให้เขาเข้าใจความสุขที่แท้จริงของชีวิตมากขึ้นและรู้สึกดีกับเธอมาก ถึงกับเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า
" ตันหยง หากเรามีโอกาสรอดกลับไป ผมจะเดินหน้าจีบคุณแล้วขอคุณแต่งงานทันที "
ดีแลนเอ่ยถ้อยคำที่กลั่นออกมาจากใจ แต่น่าเสียดายที่ตันหยงกลัวจนไม่มีอารมณ์มาได้ยินเลยแม้แต่น้อย
วินาทีต่อมาคลื่นลูกใหญ่มหึมาก็ซัดกระหน่ำใส่บานานาโบตจนพลิกคว่ำ
ทุกคนกระเด็นออกจากบานานาโบต ตกลงไปกลางทะเลคนละทิศคนละทางแต่ก็ยังลอยคออยู่ในทะเลได้ด้วยเสื้อชูชีพที่ช่วยชีวิต
มีเพียงตันหยงที่จมลงไปใต้ท้องทะเล เนื่องจากเสื้อชูชีพหลุดออกจากตัว
แม้ว่าเธอ จะพยายามดีดขา ถีบตัวขึ้นจากใต้น้ำหลายครั้ง แต่ก็ทำไม่สำเร็จ
เพราะเธอไม่มีทักษะในการว่ายน้ำหรือการเอาตัวรอดใต้น้ำเลย สุดท้ายก็หมดแรงจนจมดิ่งลงไปอย่างช้าๆ
ส่วนคนอื่น โชคดีที่เสื้อชูชีพไม่หลุดออกจากตัวทั้งยังว่ายน้ำเป็นพอเอาตัวรอดได้ จึงว่ายกลับมาเกาะบานานาโบตเอาไว้ เพื่อเก็บแรงรอการช่วยเหลือต่อไป
ในขณะที่ตันหยงจมหายไปคลื่นและกระแสลมก็ค่อยๆสงบ ทุกคนจึงลอยอยู่กลางทะเลอย่างปลอดภัย
ขวัญสำรวจดูเพื่อนๆแล้วดวงตาก็เบิกกว้างขึ้นด้วยด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนก
" แล้วตันหยงล่ะ! "
เธอถามขึ้นด้วยสีหน้าตระหนกตกใจเมื่อไม่เห็นตันหยงในขณะที่คนอื่นลอยคอกอดบานานาไว้
" อย่าบอกนะ ว่า ตันหยงจมลงไปในทะเลน่ะ "
[ ตันหยง! ]
ทันทีที่ดีแลนไม่เห็นตันหยง เขาก็ไม่รอช้า รีบผละตัวออกจากบานานาโบตแล้ว ดำลงไปหาตันหยงใต้น้ำอย่างไม่คิดชีวิต
แต่ไม่ว่าจะดำหายังไง เขาก็ไม่เจอตัวตันหยง ยิ่งหา ในใจก็ยิ่งเกิดความกลัว
[ ตันหยง คุณอยู่ไหน ขออย่าได้เกิดเรื่องไม่ดีกับคุณเลย ]
ดีแลนได้แต่พูดในระหว่างดำหาตันหยงใต้น้ำ
ทางด้านตันหยงแม้จะหมดเรี่ยวแรงแต่เธอก็ยังไม่ยอมแพ้
ขณะที่ร่างจมดิ่งลงใต้ท้องทะเลลึกเรื่อยๆ เธอก็พยายามกลั้นหายใจแล้วตะเกียดตะกายช่วยเหลือตัวเอง พยายามทะลึ่งตัวขึ้นเหนือน้ำครั้ง แล้วครั้งเล่าแต่ก็ไม่สำเร็จ
ยิ่งพยายามก็ยิ่งรู้สึกอ่อนแรงเรื่อยๆ เหมือนร่างกายถูกดูดลงไปใต้น้ำเร็วขึ้นทุกที
[ นี่เราจะต้องตายในวันเกิดตัวเองจริงๆเหรอ ]
เธอรู้สึกสิ้นหวัง เมื่อเริ่มกลั้นหายใจไม่ไหว
[ ไม่ยุติธรรมเลย ทำไมเราจะต้องมีจุดจบอย่างโดดเดี่ยวใต้ผิวน้ำอันมืดมิดที่เย็นยะเยือกนี่ด้วยนะ จะไม่มีใครมาช่วยทันเลยเหรอ ฮือ... ]
เธอพึมพำในใจด้วยความสิ้นหวังและอ่อนแรงใกล้หมดสติเข้าทุกที
วินาทีต่อมา เธอรู้สึกเหมือนร่างกายถูกแรงดันบางอย่าง บีบอัดจนร่างแหลกสลาย
จากนั้นร่างถูกดูดลงไปใต้ท้องทะเลอย่างรวดเร็วจนเธอแทบไม่รู้สึกตัวเลย
[ นี่มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมใต้น้ำถึงได้มีแรงดูดขนาดนี้ ราวกับมีคลื่นแม่เหล็กอยู่ใต้ก้นมหาสมุทรเลย ]
ในขณะที่พึมพำกับตัวเองในใจ อยู่ๆใต้ล่างของมหาสมุทรอันมืดมิด ก็ปรากฏน้ำวนขึ้นสองวง ขยับเคลื่อนตัวเป็นคู่ขนานกัน ราวกับเป็นสิ่งมีชีวิต
[ อ๊ะ! นั่นมันน้ำวนไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมถึงมีน้ำวนใต้มหาสมุทรล่ะ ]
ทันทีที่เห็นน้ำวน ตันหยงก็เริ่มเข้าใจสาเหตุที่เกิดแรงดูดใต้น้ำที่ดูดร่างเธอลงมา
[ นี่คงเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ ที่แปลกประหลาดใต้ท้องทะเลสินะ ไม่รู้ว่าเป็นบุญหรือกรรมกันนะ ที่ได้เห็นความแปลกประหลาดนี้ก่อนตาย ]
[ ขนาดน้ำวนยังมีเป็นคู่เลย แล้วทำไมเราถึงได้ตายอย่างโดดเดี่ยวแบบนี้ สวรรค์ช่างไม่ยุติธรรมกับเราเลย หากชาติหน้ามีจริง ไม่ขอพึ่งสวรรค์ และจะไม่ยอมให้ฟ้ามาลิขิตชะตาแล้ว ]
เธอรู้ ว่าตอนนี้ตัวเองไม่รอดแล้วแน่นอน เพราะตั้งแต่เกิดมา ยังไม่เคยได้ยิน ว่ามีใครรอดจากน้ำวนได้เลย
นี่เป็นน้ำวนใต้ท้องทะเลอีก เธอดูแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่จะรอดกลับไป
เลยทำได้แค่ปลงในใจแล้วปล่อยร่างกายไปตามแรงดูด หลับตาลงยอมรับชะตากรรมที่ต้องตายเป็นผีเฝ้าทะเลอย่างสงบแล้วเอ่ยลาพ่อแม่ด้วยความเศร้าใจ
[ ลาก่อนนะคะ คุณพ่อ คุณแม่ ขอบคุณที่เลี้ยงดูฟูมฟักหนูเป็นอย่างดี ขอโทษ ที่ต้องมาตายจากก่อนวัยอันควร หากชาติหน้ามีจริง ขอให้หนูได้เกิดเป็นลูกคุณพ่อกับคุณแม่อีกนะคะ ]
หลังจากที่หลับตาลง เอ่ยลาพ่อแม่อย่างสงบแล้ว วินาทีต่อมาร่างของเธอก็ถูกดูดเข้าไปในแกนกลางของหลุมน้ำวนอย่างรวดเร็ว
รอบตัวมืดสนิท ในหูได้ยินเพียงเสียงคล้ายพัดลมกำลังหมุนด้วยเบอร์แรง ร่างกายเจ็บปวดร้าวราวกับถูกบีบอัดเข้ากับบางอย่าง คล้ายดวงจิตกำลังแหลกสลาย
เพียงไม่นาน สมองของเธอก็ไม่ทำงานอีกต่อไป ร่างกายไม่รับรู้ความเจ็บปวด ไม่ตอบสนองต่อสิ่งเร้าใดๆอีกเลย
ทุกอย่างว่างเปล่า คล้ายดวงจิตหลุดออกจากร่างกายโดยสมบูรณ์