บท
ตั้งค่า

บทที่ 5 อาฆาต

ประโยชน์หน้าชาไปทั้งแถบเพราะฝ่ามือของพิพรรธ ใบหน้าบึ้ง กรามขบแน่น ดวงตาแข็งกร้าว การแก้แค้นล้มเหลวอีกครั้ง

“งานง่ายๆ แค่นี้ก็ทำไม่ได้ ฉันควรจะเลี้ยงแกไว้ต่อรึเปล่าไอ้ประโยชน์ ชื่อแกมันไม่สมชื่อเลย หาประโยชน์ไม่ได้ ไสหัวไป”

เขาชี้มือไล่คนงานอย่างไม่ไยดี ประโยชน์เหลือบมองหน้านาย โบ๊ทสะกิดแล้วกระซิบว่า

“ออกไปก่อน ให้นายอารมณ์ดีค่อยเล่าเรื่องที่แกไปทำไม่สำเร็จมา”

“มึงเก่งนักทำไมไม่ไปเอง”

ประโยชน์ตอบโต้โบ๊ทก่อนจะเดินก้มหน้าออกไป โบ๊ทเข้าใจความรู้สึกของเพื่อนร่วมงานแต่เขาช่วยอะไรไม่ได้นอกจากฟังและดูเงียบๆ เท่านั้น หากพิพรรธโกรธใครก็พูดไม่ได้จนกว่าอารมณ์โกรธของนายจะคลายลง

“มันอยากออกมาดูโลกภายนอกแต่ขี้ขลาด มันกลัวคนเห็นหน้าผีมันแล้วจะเผ่นหนีจนไม่มีใครทำไร่ให้มันละสิ ยัยพลอยน้าจะจัดการมันด้วยมือของน้าเอง”

ประโยคท้ายพิพรรธพึมพำน้ำเสียงอ่อนลง รอยยิ้มบางปรากฏมุมปาก ไม่ว่าเวลาจะผ่านพ้นไปกี่ปีความรู้สึกของเขาที่มีต่อหลานสาวยังเหมือนเดิม พลอยวดียังอยู่ในใจ ความน่ารักสดใสของหลานเด่นชัดในความทรงจำ

“นายจะทำอะไรครับ จะจัดการกับมันยังไงครับ”

หยกถามนายอย่างอยากรู้ ความคิดของพิพรรธแต่ละอย่างพวกเขาตามไม่ค่อยทันแต่ทำตามคำสั่งได้ทุกเรื่อง

“ไอ้โยชน์ ไปบอกทุกคนในไร่ว่าแกเห็นหน้าไอ้โมไนยเป็นผีดิบ มันปิดหน้าผีไม่ให้ใครเห็น คนในไร่มันยังไม่มีใครรู้ พูดให้พวกมันสงสัยอยากเห็นหน้านายของมัน”

พิพรรธไม่มองหยกแต่หันมาออกคำสั่งกับประโยชน์ ลูกน้องก้มศีรษะรับคำสั่งด้วยความกลัว

“ถ้าแกทำไม่ได้ก็ไสหัวออกจากไร่ฉันไป”

“ได้ครับนาย ผมจะทำเดี๋ยวนี้ครับ”

ประโยชน์วิ่งออกไป งานนี้ไม่หนักหนาจนเกินความสามารถ ความสงสัยก่อนหน้านี้ว่าพิพรรธโกรธเกลียดโมไนยกับสินธพเรื่องอะไรยุติลงชั่วขณะ การเอาตัวรอดในนาทีนี้สำคัญกว่าเรื่องที่อยากรู้ซึ่งเป็นเรื่องที่ยากมากสำหรับลูกน้องไม่ค่อยสนิทอย่างเขา

ประตูบานเลื่อนเปิดกว้าง แสงสว่างสาดผ่านเข้ามาเต็มที่ โมไนยก้าวออกไปยืนด้านนอก สายตากวาดไปทั่วระเบียง กระถางต้นไม้ยังวางอยู่ที่เดิมทุกกระถาง ต้นไม้เคลื่อนไหวกิ่งใบตามแรงลม ไม่มีอะไรน่ากลัวสักนิด ชายหนุ่มสูดลมเข้าปอดลึกๆ ผ่อนออกมาเบาๆ รู้สึกผ่อนคลายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

เขาก้าวไปยืนชิดขอบระเบียง เพ่งสายตาไปยังหลังคาศาลาประชุมคนงาน รถปิคอั้พแล่นไปตามเส้นทางสู่ท้ายไร่ สินธพพาแขกพิเศษเยี่ยมชมไร่องุ่น เขาอยากเป็นคนพาแขกไปเอง รอยยิ้มผุดบนใบหน้าแต่เพียงครู่เดียวก็จางหายไปอย่างรวดเร็ว

มือเรียวยกขึ้นแตะหนังย่นยับบนใบหน้า กรามขบแน่นอย่างลืมตัวเพราะผู้หญิงใจร้ายคนนั้นคนเดียว นับจากวินาทีนี้เป็นต้นไป เขาจะสู้เพื่อให้หลุดพ้นอำนาจของวิญญาณอาฆาต เขาจะเป็นฝ่ายอาฆาตและจะไม่กลัวต่อภาพหลอนเหล่านั้นอีก

“ฉันต่างหากที่ต้องโกรธ เกลียดเธอ พลอยวดี ฉันเกลียดเธอได้ยินมั้ย ได้ยินมั้ย ได้ยินมั้ย”

เสียงตะโกนดังกังวานออกไปและสะท้อนกลับมาแต่ไม่ใช่เสียงของโมไนยเพียงเสียงเดียว เสียงแทรกมาเบาแต่เต็มไปด้วยความโกรธ

“แกไม่มีทางหลุดพ้นจากฉัน ฉันจะตามแกไปทุกที่ ผู้หญิงทุกคนที่แกชอบจะเกลียดแก ขยะแขยงแก พวกมันเกลียดแก เกลียดแก”

“โอ๊ย..โอ๊ย..โอ๊ย..โอ๊ยย...”

มือยกกุมศีรษะทรุดตัวคุกเข่า เสียงก้องวกวนอยู่ในหู สกัดความเข้มแข็งที่วิ่งแซงขึ้นมาให้ถอยล่นกลับไป

“พอซะที พอที ฉันบอกให้พอที เลิกรังควานฉันได้แล้ว เลิกได้แล้ว พอได้แล้ว”

พร่ำขอแต่ไม่มีผลใดๆ นอกจากเสียงหัวเราะแหลมลึกเยาะหยัน ผู้ชายตัวสูง ท่าทางเข้มแข็งแต่ไม่ได้เป็นอย่างที่สายตาของคนภายนอกเห็น เขาอ่อนแอ หวาดกลัวกับภาพหลอนที่ไม่ใช่เป็นเพียงภาพ

ดวงวิญญาณพลอยวดีไม่ยอมหยุด มากไปกว่านั้นทวีความรุนแรงขึ้นทุกวัน วันนี้โมไนยสัมผัสได้แม้เป็นเวลากลางวัน

ร่างสูงค้อมตัวงองุ้มซบหน้ากับพื้นระเบียง หน้าผีบิดเบี้ยวทรมานกับเสียงที่ได้ยิน มือปิดหูแน่น ฟันขบจนรู้สึกร้าวไปทั่วทั้งปาก

“ฉันจะทำยังไงเธอถึงจะพอใจ ฉันจะทำยังไง”

“ตายตามฉัน เป็นวิธีเดียวเท่านั้นที่จะหยุดฉันได้”

“ไม่มีทาง ไม่มีวันที่แกจะได้ชีวิตฉัน ขอให้แกเป็นวิญญาณอาฆาตไปตลอดชาติ ขอให้แกถูกลงโทษไปตลอดชาติ”

อยู่ๆ ร่างที่นอนกลิ้งเกลือกกับพื้นก็ลุกพรวดขึ้นนั่ง ดวงตาพุ่งตรงไปข้างหน้า เปลวแดดเต้นระยิบ อยู่ไกลๆ ท้องฟ้าไม่มืดครึ้มเช่นความรู้สึกเมื่อครู่ เขาค่อยๆ ลุกยืนเต็มความสูง ใบหน้าสวย ดวงตาสุกใสราวกับดาวประจำเมืองส่องเหนือไร่นับดาวยามตะวันลาลับขอบฟ้าลอยเด่นในมโนสำนึก

“ใจดี..ช่วยฉันด้วยนะ”

“ฮะ ฮะ ฮะ ฮะ ฮะ ฮะ ฮะ ฮะ ฝันไปเถอะว่ามันจะทำให้แกหาย ฝันไปเถอะ”

“เพล้ง!”

“โอ๊ย!”

ทันทีที่เสียงร้องหยุดลง ร่างสูงล้มทั้งยืน ข้อมือเจ็บแปลบ เลือดสีแดงสดไหลทะลัก เขายกมือขึ้นแล้วก็ต้องดีดตัวลุกนั่งรวดเร็ว ดวงตามองตรงไปข้างหน้าขณะมืออีกข้างยกกำข้อมือไว้แน่น

ผนังกระจกเป็นจุดขาว รอบๆ จุดร้าวเป็นเส้นยาว รอยร้าวส่วนหนึ่งแตกออกเป็นรูโหว่และเศษกระจกที่แตกปลิวตรงมาที่ข้อมือโมไนยมันเร็วเกินกว่าเขาจะทันรู้ตัวและไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในช่วงเวลาอันสั้นนี้

“ไม่..เป็นไปไม่ได้ แกไม่ได้ทำให้มันเกิดแน่ ฉันไม่เชื่อ..แกไม่ได้ทำ แกไม่มีพลังมากขนาดนี้”

เลือดยังไหลไม่หยุดแม้ว่าเจ้าตัวจะกำตรงแผลไว้แน่นก็ตาม ร่างสูงลุกยืนก้าวยาวๆ ไปที่โต๊ะหัวเตียง มือเปื้อนเลือดหยิบโทรศัพท์กดโทร.ออกตามที่สมองสั่ง

“ครับพี่”

เสียงปลายสายดังมา เขานิ่งไปครู่หนึ่ง หากเขาบอกสินธพว่าเกิดอะไรกับเขา น้องชายต้องทิ้งแขกกลับมาดูแลเขาซึ่งเขายอมให้น้องทำอย่างนั้นกับผู้หญิงที่เขารู้สึกดีๆ กับหล่อนไม่ได้

“สิน พี่ดวงอยู่ตรงนั้นมั้ย”

“อยู่ครับ มีอะไรครับ”

“ให้พี่ดวงมาบ้านแป๊บนึง มาเดี๋ยวนะเดี๋ยวค่อยให้กลับไปช่วยแกดูแลแขก”

“ครับพี่”

สินธพกะพริบตา น้ำเสียงโมไนยปกติแต่เขาจับโทนเสียงสั่นได้ พี่ชายของเขาจะเป็นลมหรือเปล่า ความเครียดกำลังทำร้ายพี่อีกแล้ว เขาเดินเข้าไปหยุดข้างดวงดี

“พี่ดวง กลับบ้านเร็ว พี่ไนยโทร.มาตาม ต้องมีอะไรแน่ เสียงพี่ไนยเหมือนจะสั่นแต่ไม่ยอมบอกผม”

“ครับคุณสิน”

“ถ้ามีอะไรร้ายแรงโทร.บอกผมด่วน”

ดวงดีพยักหน้าเร็ว หมุนตัววิ่งกลับไปที่รถซึ่งอยู่ไม่ไกลจากจุดที่พวกเขายืนเท่าไรนัก ใจดีหันมามองสินธพ สีหน้าของเขาบอกชัดว่ากำลังมีเรื่องไม่ค่อยดีเกิดขึ้น คนของเขารีบร้อนออกไป

“มีอะไรรึเปล่าคะคุณสิน”

“ไม่มีอะไรครับ ไปต่อครับ”

เขายิ้มกับคนถามแต่แอบผ่อนลมหายใจ ความกังวลวิ่งอยู่ในดวงตา เขาเป็นห่วงโมไนย เหตุการณ์ที่เกิดเมื่อครู่ใหญ่บั่นทอนจิตใจและความกล้าของโมไนย ความกลัวกลับมาหาพี่ชายของเขาอีกครั้ง

ใจดีเป็นผู้หญิงคนเดียวที่เปลี่ยนความรู้สึกของโมไนยได้มากเพียงแค่ชื่อก็ทำให้เขาอยากเห็นหน้าและกล้าเผชิญหน้าต่อสายตาทุกคู่ในเช้าวันนี้แต่จู่ๆ เหตุการณ์ที่ทำให้ความกลัววิ่งกลับมาเช่นเดิมก็เกิดต่อหน้าผู้หญิงที่เขาพอใจ

เหตุนี้ทำให้สินธพเป็นห่วงพี่ชายจนแทบไม่มีสมาธิพาสองสาวดูงานในไร่ จันทนาสังเกตเห็นกิริยาไม่เต็มที่ของเขาจึงเอ่ยออกมา

“คุณสินคะ ฉันว่าคุณกลับไปดูพี่ชายดีมั้ยคะ พวกเราจะไปด้วย ถ้ามีอะไรจะได้ช่วยกัน”

“ไม่เป็นไรครับ ผมให้พี่ดวงไปแล้ว คงไม่มีอะไร ขอบคุณที่เป็นห่วงครับ”

เขายิ้มกับคนถามแต่หล่อนไม่ยิ้มตอบ ดวงตาของหล่อนจับนิ่งที่ดวงตาของเขา เขาเมินหนี ถอนใจเบาๆ

“ฉันว่าเรากลับกันเถอะค่ะ ร้อนมากแล้ว ฉันปวดหัว”

ใจดีเอ่ยขึ้น หล่อนรู้สึกเหมือนที่จันทนารู้ สินธพไม่พร้อมจะนำพวกหล่อนชมสวน โมไนยต้องมีปัญหามากทีเดียวไม่อย่างนั้นน้องชายไม่มีสีหน้ากังวลอย่างเห็นได้ชัดเช่นนี้

“ผมต้องขอโทษพวกคุณด้วยที่รับรองไม่ดี พรุ่งนี้คุณมาแต่เช้านะครับผมจะพาทัวร์ให้ทั่วไร่”

“ไม่เป็นไรค่ะแค่นี้ก็พอจะรู้แล้วว่าไร่ของคุณบริหารดีมาก ปุ๋ยส่วนใหญ่คุณทำเองทั้งหมดใช่มั้ยคะ”

ใจดีชวนคุยขณะเดินกลับมาที่รถ เพื่อให้สินธพรู้สึกผิดน้อยลงกับการต้อนรับเกษตรอำเภออย่างพวกหล่อน

“ครับ พี่ไนยคิดสูตรใหม่ๆ ออกมาเรื่อยๆ ปรับเปลี่ยนตลอดไม่อย่างนั้นผลผลิตของเราไม่เป็นอย่างที่เห็นนี่หรอกครับ”

“คุณโมไนยคิดสูตรปุ๋ยออกมาเองหรือคะ เก่งนะคะ”

ใจดีหันมาจ้องหน้าสินธพ เริ่มสนใจผู้ชายร่างสูงมีผ้าปิดหน้าคนนั้นเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ ทั้งอยากเห็นหน้าเขาเต็มตาและอยากรู้ว่าเขาเป็นภูมิแพ้ชนิดไหนถึงต้องปิดหน้าเกือบมิดอย่างนั้น

“ครับ พี่ชายผมเก่งมาก คุณอยากได้สูตรมั้ยครับ เราให้ดูได้แต่หวงครับกลัวจะรู้ถึงไร่ข้างๆ”

“ไร่ข้างๆ ไร่ปุยเมฆใช่มั้ยคะ ทำไมคะ แข่งกันอยู่หรือคะ”

ใจดีถามตรงๆ สินธพยิ้มไม่ตอบคำถามหล่อนแต่เปิดประตูให้หล่อนก้าวขึ้นไปนั่งตอนหน้าคู่กับเขาแล้วหันมาเปิดประตูเบาะหลังให้จันทนา ปิดประตูเบามือเมื่อหล่อนก้าวเข้าไปนั่งเรียบร้อย ความเป็นห่วงพี่ชายมีมากกว่าสิ่งใดในนาทีนี้

เขาขับรถมาจอดหน้าศาลาประชุม เสียงโทรศัพท์ดังก่อนที่เขาจะก้าวลงจากรถ

“ว่าไงพี่ดวง พี่ไนยเป็นอะไร”

“กระจกบาดครับ ผมทำแผลให้แล้ว คุณไนยจะคุยกับคุณสินครับ”

เสียงดวงดีเงียบไป เสียงโมไนยดังมา สินธพฟังโทนเสียงของพี่ชายเป็นปกติ เขาถอนใจโล่งอกออกมา รอยยิ้มบางกระจายเต็มใบหน้า

“ไม่ต้องห่วงพี่นะสิน ดูแลแขกให้ดี อย่าให้เขาว่าเราได้ พี่ฝากขอโทษพวกเขาด้วย”

“ครับพี่”

โมไนยวางสายไปก่อนน้องชาย เขาเป็นห่วงแขกมากกว่าตัวเองกำชับสินธพให้ดูแลอย่างดี เขาไม่เคยเป็นอย่างนี้มาก่อน ความกลัวเมื่อครู่ใหญ่มลายหายไปแทบจำไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา สิ่งที่เขาคิดถึงและจำฝังแน่นในหัวใจคือรอยยิ้มและใบหน้าเกลี้ยงเกลาของใจดี

ใจดีมองตรงไปข้างหน้า บ้านตึกหลังคาสีเขียวอมฟ้าโดดเด่นท่ามกลางไร่องุ่น ตัวบ้านปลูกบนเนินดินยิ่งเด่นสำหรับผู้ที่เข้ามาชมสวนชมไร่นับดาว หล่อนอยากเข้าไปดูบ้านใกล้ๆ แต่ท่าทางเจ้าของบ้านจะไม่ยินดีต้อนรับเพราะสาเหตุใดนั้นหล่อนไม่รู้

อาจเป็นเพราะความลึกลับของการเปิดเผยโฉมหน้าของโมไนยจึงทำให้ใจดีอยากค้นหารวมไปถึงบ้านหลังสวยนั่นด้วย

สินธพส่งแขกในตอนบ่ายเกือบ 2 โมงเย็น รถของทีมใจดีแล่นห่างออกไปพร้อมเสียงถอนใจโล่งของเจ้าของไร่หนุ่ม เขาขับรถกลับบ้านหลังจากสั่งงานกับจอมทองเรียบร้อยแล้ว

โมไนยรอน้องชายอยู่ในห้องโถงรับแขกซึ่งไม่เคยมีปรากฏการณ์เช่นนี้มาก่อน ดวงดียืนนิ่งอยู่ห่างจากนายใหญ่เล็กน้อย

“โอ้โห วันนี้พี่ชายผมมารอรับผมเชียวหรือครับ เอ.อยากรู้เรื่องงานหรือว่าเรื่องอื่นครับเนี่ย”

สินธพเดินยิ้มไปนั่งข้างโมไนยพร้อมคำพูดดักคอกับความเปลี่ยนแปลงของพี่ชายในขณะเดียวกันค่อนข้างตกใจที่ผู้หญิงหน้าตาดีชื่อแปลกจะทำให้พี่ชายของเขากลายเป็นคนกระตือรือร้นและสดชื่นมากเพียงนี้

“คุณสิน เรื่องอื่นนี่เรื่องอะไรครับ”

ดวงดีทำหน้าสงสัยเหมือนคำถาม สินธพอมยิ้มแทนคำตอบปล่อยให้คนสนิทงงกับคำพูดของเขาต่อไปเรื่อยๆ ยังไม่ถึงเวลาที่ดวงดีกับวิไลรู้เรื่องใหม่ของนายใหญ่

“แกอยากโดนเตะก่อนใช่มั้ยไอ้สินถึงจะบอกได้”

“ใจเย็นๆสิครับพี่ชาย ผมขอดูแผลก่อน ทำไมถึงถูกกระจกบาด กระจกแตกได้ไงครับ”

สายตาจับที่ผ้าพันแผลสีขาวบนแขนโมไนย สิ่งนี้ต่างหากที่เขาสนใจมากกว่าเรื่องงานที่พี่ถาม ดวงดีเอ่ยขึ้นเมื่อโมไนยเงียบ

“ผมเข้าไปดูในห้องแล้วครับ กระจกผนังตรงประตูออกระเบียงร้าวเหมือนโดนก้อนหินขว้างมาจากด้านนอกแต่ไม่มีอะไรตกอยู่เลยครับ”

“ก้อนหินเหรอ?” สินธพจ้องหน้าคนรับใช้ ดวงตาที่มองนั้นมีคำถามมากมาย

“ครับ แต่ผมอาจจะเดาผิดก็ได้ อาจจะตัวอะไรบินมาชนอย่างแรงจนกระจกร้าวก็ได้นะครับ”

“นกเหรอ?”

“ไม่แน่ใจครับ”

ดวงดีตอบตามความคิดของตัวเองแต่สินธพไม่คิดว่าเป็นนก เขาหันไปสบตาโมไนย พี่ชายหลบสายตา มือวางบนหน้าขาสั่นเล็กน้อย

“อีกแล้วหรือครับพี่ไนย นี่กลางวันนะครับไม่ใช่กลางคืน ไม่ใช่คืนเดือนมืดด้วย”

ความโกรธพุ่งขึ้นมาแทนความสงสัย หากเขาเดาไม่ผิดโมไนยถูกผีร้ายนั่นหลอนอีกแล้วแต่ที่น่าแปลกใจทำไมตอนกลางวันจึงเห็นหรือโมไนยคิดไปเอง จินตนาการไปเอง เขาจับมือพี่ชายมากุมไว้ตบหลังมือเพื่อให้คลายความหวาดกลัว

โมไนยยกมือขึ้น กลืนน้ำลายลงคอแม้จะยากลำบากแต่เขาก็กลืนมันลงไปได้สำเร็จ ความกลัวที่วิ่งเข้ามาค่อยๆ จางออกทีละนิด เขาหลับตาลงครู่หนึ่งจึงลืมขึ้น

“ไม่เป็นไร พี่ไม่เป็นไร ไม่ต้องห่วงพี่ ที่พี่เห็นเพราะคิดไปเอง ต่อไปนี้พี่จะพยายามไม่คิด ไม่กลัว มันทำอะไรพี่ไม่ได้หรอกสิน”

“ผมเชื่อพี่ครับ ยังไงมันทำร้ายพี่ได้ไม่ตลอดหรอกครับ ผมจะพาคุณใจดีมาหาพี่ที่บ้าน”

“ไม่ได้..”

โมไนยขัดเสียงเข้มและอย่างรวดเร็ว เขายอมให้ผู้หญิงคนนั้นเห็นสภาพที่แท้จริงของเขาไม่ได้ เขากลัวความผิดหวังที่เพิ่งจะหวังไม่กี่ชั่วโมง ใจดีต้องไม่เห็นหน้าปีศาจของเขา หล่อนจะได้ยินแค่เสียงเท่านั้น

“ทำไมล่ะครับ พี่อยากพบเธอไม่ใช่หรือครับ”

“ใช่.แต่ว่า พี่ไม่อยากให้เธอเห็นพี่แบบ..”

“พี่ไนย..คุณใจดีอาจไม่เป็นอย่างที่เราคิด เธออาจเข้าใจก็ได้นะครับ ถ้าเราเล่าให้เธอฟัง”

“ไม่..อย่าบอกเธอ ยังไงพี่ก็ไม่ยอมให้เธอเห็นหน้าพี่”

เขาลุกยืนเต็มความสูง มือสองข้างกำแน่น ใบหน้ากระตุก สินธพลุกตาม ความกลัวยังไม่หลุดพ้นจากใจโมไนย ใจดียังไม่สามารถลบล้างความกลัวให้หมดไปได้ หล่อนเพิ่งก้าวเข้ามาอยู่ในความรู้สึกดีๆ เท่านั้น

“ถ้าไม่บอก ก็ห้ามเธอเข้าบ้านเรานะครับ”

สินธพเอ่ยเสียงเบา โมไนยหันมามองน้องชาย ใช่.ใจดีเข้ามาบ้านเขาไม่ได้โดยเด็ดขาด มีทางเดียวที่เขาจะได้เห็นหน้าหล่อน

“พี่จะออกไปหาเธอเอง...”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel