บทย่อ
ใบหน้างดงามดั่งคุณชายต้องกลายมาเป็นปีศาจร้าย เขาจึงไม่กล้าพบหน้าใคร กระทั่งเธอผู้มีจิตใจดีมาช่วยเปิดหัวใจของเขาให้กล้าเผชิญหน้ากับทุกคนได้อีกครั้ง
บทที่ 1 ฝันร้าย
ชายหนุ่มผวาตื่นกลางดึกกับฝันร้ายที่ไม่เคยเลือนหายไปจากความทรงจำในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา ความเจ็บปวดฝังลึกอยู่ในใจไม่ว่าจะพยายามลืมสักเท่าไรก็ไม่มีวันลืมได้ มือเรียวสะบัดผ้าห่มออกจากตัว เหวี่ยงเท้าลงจากเตียง
ความมืดเป็นความคุ้นชิน ความสว่างเป็นอดีตแสนสวยแต่ปัจจุบันคือแท่นประหารที่ไม่สามารถก้าวข้ามพ้นไปได้
โมไนยเดินจากเตียงไปทิ้งตัวบนเก้าอี้หนังสีดำตัวยาวริมหน้าต่าง ความสว่างของแสงเดือนนอกหน้าต่างสาดผ่านบานกระจกเข้ามาในห้อง คืนพระจันทร์เต็มดวงวนมาอีกรอบ แสงสีนวลกระจายไปทั่วผืนไร่นับดาว
ชายหนุ่มลุกยืนช้าๆ เท้าพาเขาออกจากห้องลงบันไดสู่ชั้นล่าง เลี้ยวไปทางประตูหลังของบ้าน ไม่มีใครในบ้านตื่นกลางดึกเช่นกับเขา
บานประตูไม้ถูกผลักออกจากด้านใน แสงจันทร์ส่องผ่านช่องประตูเข้ามา ร่างสูงก้าวสวนแสงนวลออกไปภายนอก เท้าก้าวเรื่อยๆ ไปตามพื้นหญ้านุ่มซึ่งปลูกไว้รอบบ้าน ต้นไม้ประดับปลูกเป็นระยะตามแนวพื้นหญ้า ไม่มีไม้ดอกชนิดใดมีโอกาสผลิดอกชูช่อล้อลมและอวดความสวยงามในบริเวณตึก 2 ชั้นหลังนี้
เจ้าของบ้านห้ามนำไม้ดอกทุกชนิดเข้ามาในบ้าน เฟอร์นิเจอร์แต่งบ้านมีเพียง 2 สีเท่านั้นคือ สีขาวและสีดำ
ลมยามค่ำคืนพัดเอื่อยเพิ่มบรรยากาศใต้แสงจันทร์ให้รู้สึกเย็นสบาย งดงามในความรู้สึกของผู้ที่หลงใหลธรรมชาติแห่งราตรีกาลแต่สำหรับโมไนย ความรู้สึกเหล่านี้มันโบยบินจากเขาไปตั้งแต่คืนนั้น...
“พี่ไนย พลอยมาหา รออยู่ที่ระเบียงหน้าบ้าน”
สินธพเดินเข้ามาบอกพี่ชายที่ห้องหนังสือ โมไนยเงยหน้าจากตัวหนังสือที่กำลังอ่านมองน้องชาย เขาไม่อยากพบพลอยวดีอีก ไม่อยากให้หล่อนมีความหวังในตัวเขา มันเป็นไปไม่ได้หากจะให้เขาเปลี่ยนความรู้สึกรักหล่อนเช่นน้องสาวให้ขยับขึ้นมาเป็นคนรัก เขาทำไม่ได้
“ไปบอกว่าพี่ไม่ว่าง”
น้ำเสียงเย็นชาของพี่ชายทำไมสินธพจะไม่รู้ เขารู้มาตลอดว่าโมไนยไม่ได้รักพลอยวดีมากไปกว่าน้องสาวแต่พลอยวดีไม่เปิดใจยอมรับความรู้สึกของโมไนย หล่อนยังคงมาหาโมไนยทุกวันแม้ว่าโมไนยจะบอกกับหล่อนเมื่อเช้านี้ว่า เขาเป็นได้แค่พี่ชายของหล่อนเท่านั้น หล่อนวิ่งร้องไห้ออกไปจากบ้าน ทุกคนในบ้านเข้าใจว่าหล่อนคงไม่มาพบโมไนยอีกแต่หลัง 4 ทุ่ม หล่อนก็เดินเข้ามาในบ้าน
“สิน ฉันขอพบพี่ไนย ขอพบเป็นครั้งสุดท้าย”
ใบหน้าของหล่อนหม่นเศร้าขณะเอ่ยขอในสิ่งที่หล่อนต้องการแต่น้ำเสียงตอนท้ายขาดหาย สินธพขมวดคิ้วรู้สึกแปลกๆ กับคำพูดของหล่อน
“ได้ เดี๋ยวฉันไปตามให้ นั่งรอที่ห้องรับแขกก่อน”
“ไม่เป็นไร ฉันรอที่ระเบียงหน้าบ้าน บอกพี่ไนยว่าฉันขอพบเป็นครั้งสุดท้ายจริงๆ ฉันจะไม่มาให้เขาเห็นหน้าอีก”
เสียงเศร้าจนสินธพใจหาย หล่อนกำลังคิดจะทำอะไร เขาพยักหน้า หมุนตัวก้าวกลับเข้าไปในตัวบ้าน ตามหาพี่ชายที่ห้องนอนไม่พบจึงเดินไปที่ห้องหนังสือ โมไนยชอบเข้ามาอ่านหนังสือหลังทานอาหารเย็นและใช้เวลาอยู่กับหนังสือถึงเที่ยงคืนจึงเข้านอน สินธพเปิดประตู เดินยิ้มเข้าไปเมื่อเห็นพี่ชายนั่งอ่านหนังสืออยู่ บอกพี่ชายตามที่พลอยวดีขอร้องแต่โมไนยปฏิเสธอย่างไร้เยื่อไย สินธพถอนใจยาว
“พี่ไนย ไปพบเธอเถอะครับ เธอพูดแปลกๆ บอกว่าจะขอพบพี่เป็นครั้งสุดท้าย ไปพบเธอหน่อยนะครับ อย่างน้อยก็ให้จากกันด้วยดีนะพี่”
“อือ..แกไปกับพี่ด้วย”
โมไนยวางหนังสือในมือลงบนโต๊ะลุกเดินออกจากห้องหนังสือ สินธพเดินตามไปจนถึงห้องรับแขกแต่ไม่เห็นพลอยวดี เขาหันมามองน้องชาย สินธพพยักหน้าไปทางระเบียงหน้าบ้าน
“ยัยพลอยรออยู่ที่ระเบียงครับ”
โมนัยไม่พูดอะไรเดินไปตามที่สินธพบอก ระเบียงอยู่ทางซ้ายมือจากประตูบ้านแต่งด้วยต้นไม้ประดับประเภทโชว์ใบและกล้วยไม้ดินปลูกในกระถางดินเผา เก้าอี้ไม้เก่าตั้งมุมริมสุดสำหรับนั่งพักผ่อน โต๊ะไม้เก่าเช่นเก้าอี้ตั้งใกล้กัน
พลอยวดีนั่งตัวตรงมองออกไปทางสวนหลังบ้าน ความมืดปกปิดความสวยงามของไม้ดอกมีเพียงเงาดำตะคุ่มให้เห็นเท่านั้น
โมไนยเดินมาหยุดยืนห่างจากเก้าอี้ที่พลอยวดีนั่งเล็กน้อย หล่อนเหลียวมามองแล้วลุกขึ้นยืน กิริยายินดีโผเข้ามากอดเขาเช่นทุกครั้งไม่มีให้เห็น ชายหนุ่มยิ้มแล้วเอ่ยขึ้น
“มีอะไรหรือพลอย มาหาพี่ดึกป่านนี้ ที่จริงพรุ่งนี้ค่อยมาก็ได้”
“ไม่ได้ค่ะ ต้องวันนี้ พลอยอยากได้ยินคำตอบจากพี่ไนยอีกครั้งว่าพี่ไนยเกลียดพลอย”
เด็กสาวจ้องหน้าชายหนุ่ม ดวงตาของหล่อนรื้นไปด้วยหยาดน้ำแต่มันไม่ได้รินไหลเพียงแพรวพราวอยู่ในดวงตา โมไนยยิ้มแล้วส่ายหน้าช้าๆ
“ใครบอกว่าพี่เกลียดพลอย พี่ไม่เคยรู้สึกอย่างนั้น”
“แต่พี่ไม่รักพลอย”
หล่อนสวนคำพูดของเขาเร็วและน้ำเสียงกร้าวอย่างที่โมไนยเคยได้ยิน หากเขาไม่ทำตามใจหล่อน เขาถอนใจอย่างเบื่อหน่าย
“พี่ว่าพี่พูดกับพลอยเข้าใจแล้วนะ พลอยยังเด็ก ตั้งใจเรียน อีกหน่อยพลอยจะพบคนที่ใช่สำหรับพลอยซึ่งไม่ใช่พี่”
“ใช่ค่ะ พี่ไนยเป็นผู้ชายคนเดียวที่พลอยรัก”
เสียงดังกว่าเดิม ใบหน้าเครียด ดวงตาเป็นประกายวาววับ ไม่เหมือนคำพูดที่บอกว่ารักแต่เหมือนความโกรธแค้น
“พลอย..มีเหตุผลบ้างสิ พี่คิดว่าพลอยรู้เรื่องที่พี่พูดตั้งแต่เมื่อวานแล้วนะ ทำไมพลอยยังไม่เข้าใจอะไรอีก ยังไงพี่ก็ไม่ได้รักพลอยแบบคนรัก พี่รักพลอยเหมือนที่พี่รักเจ้าสิน”
ความอดทนของโมไนยมีไม่มากนักกับเด็กเอาแต่ใจอย่างพลอยวดี เขาอธิบายและชี้แจงเหตุผลให้หล่อนรับฟังหลายครั้งถึงอย่างไรเขาก็รักหล่อนเช่นคนรักไม่ได้
น้ำเสียงของเขาดังพอควรและโทนเสียงค่อนข้างห้วน ใบหน้าเกลี้ยงเกลานั้นเข้มขึ้น รอยยิ้มจางหายไปนานแล้ว เขาสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆแล้วผ่อนออกมายาว พยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติ
“พี่ว่าพลอยกลับบ้านเถอะดึกมากแล้ว พี่จะไปอ่านหนังสือต่อ”
เขามองหล่อนด้วยสายตาเย็นชา ในเมื่อพูดไม่รู้เรื่องเขาก็จะไม่พูดอีก ร่างสูงหมุนตัวก้าวเท้าจะเดินจากไป พลอยวดีไม่ยอมให้เขาทำเช่นนี้กับหล่อน
“พี่ไนย”
เขาเหลียวมามองหล่อน รอฟังว่าหล่อนจะพูดอะไรอีก เขาให้โอกาสหล่อนอีกครั้งเพื่อยุติการพูดคุยในคืนนี้ หากเป็นไปได้เขาจะไม่พบหล่อนอีก
“มีอะไร”
เขาหมุนตัวกลับมาจ้องหน้าหล่อนตรงๆ น้ำเสียงห่างเหินจนเด็กสาวรู้สึก หล่อนหันไปหยิบกระเป๋าถือทำเหมือนจะกลับแต่หล่อนล้วงมือเข้าไปในกระเป๋า หันกลับมามองหน้าเขา
“พลอยมีอะไรจะให้พี่ก่อนที่พลอยจะไป”
หล่อนก้าวเข้ามาใกล้เขาอีกก้าว มือของหล่อนยังอยู่ในกระเป๋า เขาหลุบสายตาลงมองกระเป๋าถือ ไม่อยากได้อะไรจากหล่อน
“ไม่เป็นไร ไม่ต้องให้พี่หรอก พลอยกลับเถอะ เดี๋ยวพี่จะให้คนขับรถไปส่งที่บ้าน”
“ไม่..ยังไงพี่ต้องรับไว้ พี่จะได้คิดถึงพลอยไม่ลืมไงล่ะ ในเมื่อพลอยไม่ได้ก็อย่าหวังว่าใครจะได้เลย พลอยไม่ยอมให้พี่เป็นของใคร...”
ประโยคท้ายเน้นเสียงแหลมดังไปถึงห้องรับแขก สินธพลุกจากก้าวอี้เดินเร็วออกมาที่ประตู พลอยวดีอาละวาดกับโมไนย เขาต้องห้ามหล่อนแต่ความคิดของเขาช้าไปเมื่อเสียงร้องของพี่ชายดังขึ้น
“โอ๊ยยย...ๆๆ”
ร่างของโมไนยซวนเซแล้วล้มลงเกลือกกลิ้งกับพื้น มือสองข้างยกปิดที่ใบหน้า ทุกอย่างมันรวดเร็วเกินกว่าจะป้องกัน
พลอยวดีดึงขวดแก้วทรงเตี้ยออกจากกระเป๋าถือหลังจากที่หล่อนพูดจบและสาดน้ำในขวดใส่หน้าโมไนยโดยที่เขาไม่ทันระวัง น้ำถูกใบหน้าเกลี้ยงเกลาทั้งหน้ามันออกฤทธิ์ร้ายแรงของมันทันที
“นี่แหละที่พลอยจะให้พี่ ในเมื่อพลอยไม่ได้คนอื่นก็ต้องไม่ได้”
เด็กสาวโยนขวดทิ้ง เสียงหัวเราะดังแข่งกับเสียงร้องเจ็บปวดของโมไนย สินธพวิ่งเข้ามาประคองร่างพี่ชายที่ดิ้นอยู่กับพื้นด้วยความตกใจ
“พลอย เธอทำอะไรพี่ฉัน”
ไม่มีเสียงตอบจากหล่อนนอกจากเสียงหัวเราะราวกับคนเสียสติ หล่อนวิ่งออกไปก่อนที่คนรับใช้ในบ้านจะออกมา
“สิน ปวด ร้อน สินช่วยพี่ด้วย ช่วยพี่ด้วย”
โมไนยร้องขอความช่วยเหลือจากน้องชาย สินธพรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับโมไนย เขาเรียกคนรับใช้ลั่นบ้าน
“พี่ดวง พี่ดวง มานี่เร็ว”
ดวงดีวิ่งออกมาตามเสียงเรียก พอถึงระเบียงคนรับใช้หนุ่มก็ต้องยืนตะลึง ลูกชายคนโตของเจ้านายดิ้นพล่านอยู่กับพื้น ร้องโอดโอยอย่างเจ็บปวด มือปิดที่ใบหน้า
“คุณสิน เกิดอะไรขึ้นครับ”
“ไปเอารถออกเร็วๆ”
สินธพไม่ตอบคำถามของคนรับใช้ เขาสั่งเสียงรัว โมไนยต้องถึงมือหมอเร็วที่สุด เขาคิดอะไรไม่ออกนอกจากโรงพยาบาล ดวงดีทำตามคำสั่งท่าทางลังเล วิไลวิ่งตามดวงดีผู้เป็นสามี หล่อนยืนงงเช่นเดียวกับดวงดี น้ำบนพื้นข้างตัวโมไนยเดือดเป็นฟอง ขวดแก้วกลิ้งอยู่ใกล้ตัวเขา สาวใช้กลืนน้ำลายลงคอ
“คุณสิน คุณไนยโดนน้ำกรดใช่มั้ยคะ”
“ใช่..ยัยพลอยสาดน้ำกรดใส่พี่ไนย”
สินธพยังพูดไม่จบ วิไลวิ่งกลับเข้าไปในบ้าน ครู่เดียวถือชามแก้วใบย่อมมีน้ำอยู่เต็มชามมาวางข้างสินธพและยื่นผ้าให้นาย
“คุณสินซับหน้าคุณไนยให้แห้งแล้วล้างน้ำเปล่ามันช่วยลดความเข้มข้นของน้ำกรด พี่เคยดูในทีวีค่ะ เร็วค่ะคุณสิน”
วิไลพูดทั้งน้ำตาเพราะสงสารนายหนุ่ม สินธพดึงมือโมไนยออกจากใบหน้าที่บัดนี้แดงทั่วทั้งหน้า โมไนยหลับตาแน่น ปากร้องครวญครางไม่หยุด
“พี่ไนย ทนหน่อยนะพี่”
สินธพใช้ผ้าซับใบหน้าพี่ชายอย่างยากลำบากเพราะโมไนยดิ้นส่ายหน้าหนี เขาเทน้ำในชามแก้วลงบนใบหน้าพี่ชาย ดวงดีวิ่งมาทรุดนั่งข้างวิไล สายตาจับที่ร่างของนายหนุ่ม
“คุณสิน พาคุณไนยไปโรงพยาบาลเถอะครับ”
ดวงดีเร่งนายน้อย สินธพพยักหน้าประคองตัวพี่ชายลุกนั่ง ดวงดีเข้ามาช่วยพยุงให้ลุกยืน วิไลปลดกระดุมเสื้อดึงเสื้อโมไนยออกจากตัว
“รอพี่แป๊บเดียวพี่จะไปเอาเสื้อตัวใหม่คุณไนยค่ะ”
หล่อนพูดกับเจ้านายรองแล้ววิ่งหายเข้าไปในบ้านครู่เดียวก็วิ่งกลับออกมาพร้อมเสื้อเชิ้ตแขนสั้น สินธพสวมเสื้อให้พี่ชาย ไม่มีเวลาติดกระดุม สิ่งที่เขาต้องทำตอนนี้คือพาพี่ส่งโรงพยาบาล ดวงดีเข้าประจำที่คนขับ เพียงครู่เดียวรถก็เลี้ยวลับรั้วบ้าน...
หลังจากคืนนั้น อนาคต ความหวัง ความฝันของโมไนยสิ้นสุดลงโดยที่ไม่มีใครสามารถช่วยเขาได้แม้แต่มาโนชผู้เป็นพ่อและสาลินี แม่ที่รักเขาปานดวงใจ
โครงการเรียนต่อต่างประเทศยกเลิก โมไนยกลายเป็นคนเงียบขรึมทั้งที่เขาร่าเริงขี้เล่นคอยพูดอำคนรับใช้ให้งงและหลงเชื่อเขาหลายครั้ง คนอารมณ์ดีเปลี่ยนเป็นโมโหร้ายไร้เหตุผล ไม่ยอมพบเพื่อนที่แวะเวียนมาเยี่ยม ไม่ให้ใครเห็นหน้าปีศาจของเขา
มาโนชกับสาลินีทนเห็นลูกชายเก็บตัวอยู่แต่ในห้องไม่ได้ พวกเขาคิดจะพาโมไนยไปผ่าตัดต่างประเทศแต่ลูกชายไม่ยอมไป
“ถ้าคุณพ่อจะกรุณา พาผมไปอยู่ที่อื่น ผมไม่อยากอยู่ที่นี่”
“พ่อพาลูกไปอยู่ที่อื่นได้แต่พ่ออยากให้ลูกหายเป็นปกติ ไปเมืองนอกกับพ่อ หมอที่นั่นเก่งเขาทำศัลกรรมให้ลูกเป็นเหมือนเดิมได้”
“ไม่.ผมกลัว หมอบอกว่ามันกัดถึงกระดูก ถ้าผ่าตัดหน้าผมจะหายไปซีกหนึ่ง ผมจะกลายเป็นคนพิการตลอดชีวิต ผมไม่อยากเป็นอย่างนั้น”
แผลเป็นยับย่นรั้งใบหน้าบิดเบี้ยว โชคดีที่น้ำกรดไม่ถูกดวงตาของโมไนย เขาหลับตาขณะพลอยวดีสาดน้ำใส่หน้าของเขาแต่ฤทธิ์ร้ายแรงของกรดทำให้ใบหน้าเกลี้ยงน่าเกลียดน่าขยะแขยงสำหรับผู้พบเห็นและคำตอบของหมอที่โมไนยได้ยินเสมือนคมมีดกรีดซ้ำบนใบหน้ามันเจ็บปวดถึงหัวใจ เขาจะไม่มีวันเป็นปกติได้
ใบหน้าที่ตัวเองภูมิใจว่าหล่อไม่แพ้ใครเป็นเพียงอดีต ดวงตาคมภายใต้ขนตายาวเป็นแพรคล้ายผู้หญิง จมูกโด่งเป็นสัน คิ้วเข้ม ปากกระจับสีชมพู รูปหน้ามนงดงามหากแต่งเป็นหญิงสาว บัดนี้รูปลักษณ์นั้นอันตรธานหายไป มีใบหน้าปีศาจปรากฏในกระจกบานใหญ่แทน
โมไนยไม่ส่องกระจก ไม่เฉียดเข้าใกล้สิ่งของมันวาวที่สามารถส่องเห็นใบหน้าผีของเขาได้ เขาร่ำร้องจะไปจากบ้านหลังนี้ไปจากความเลวร้ายที่เกิดขึ้นกับชีวิตของเขา
ขณะที่โมไนยอยู่ในโรงพยาบาล ผู้ก่อเหตุร้ายปลิดชีวิตตัวเองอย่างเลือดเย็นบนเตียงนอนหนานุ่มในห้องแอร์เย็นฉ่ำ
เลือดสีแดงเข้มซึมกระจายบนผ้าปูที่นอนสีขาว พลอยวดีเปลี่ยนผ้าปูที่นอนด้วยตัวเอง ปลอกหมอนสีขาวเข้าชุดกับผ้าปู ชุดนอนที่หล่อนเลือกสวมสีขาวเช่นเดียวกับผ้าปูที่นอนแต่มีดที่กรีดข้อมือไม่ใช่สีขาว ด้ามมีดเป็นสีดำ...
พิมพ์สุภาเป็นลมล้มทั้งยืนเมื่อเห็นลูกสาวคนเดียวนอนเหยียดยาวบนเตียงที่เต็มไปด้วยเลือด ใบหน้าของลูกสาวซีดขาว ดวงตาหลับแต่ไม่สนิทเหมือนกังวลอะไรบางอย่าง
พันตำรวจโทวรพรตนิ่งงันกับภาพตรงหน้า พลอยวดีเล่นละครหลอกพ่อกับแม่หรืออย่างไร ทำไมเลือดจึงนองพื้นที่นอนอย่างนี้ หัวใจของผู้เป็นพ่อกับแม่แทบสลายเมื่อร่างของลูกสาวไร้ลมหายใจไปหลายชั่วโมงแล้ว
พิพรรธบินกลับเมืองไทยโดยด่วนเมื่อพิมพ์สุภาโทรศัพท์บอกข่าวร้ายกับเขา หลานสาวที่รักดังดวงใจเสียชีวิต เขาไม่เชื่อแต่ก็ต้องเชื่อ ร่างไร้วิญญาณนอนสงบนิ่งในโลงไม้ศักดิ์นี่คือความจริงที่เขารับไม่ได้
“ทำไมเป็นอย่างนี้ครับพี่ ยัยพลอยทำร้ายตัวเองได้ยังไง มีเรื่องอะไรร้ายแรงถึงกับต้องตายเชียวหรือครับ”
ชายหนุ่มกำลังเรียนปริญญาโทที่อเมริกาอีกปีเดียวเขาจะมารับหลานสาวไปอยู่เมืองนอกกับเขาให้หลานเรียนที่นั่นจนกว่าจะจบปริญญาตรีแต่ความฝันของเขาสลายไปพร้อมกับลมหายใจของหลานสาวสุดที่รัก
“เพราะมัน ทำให้ยัยพลอยต้องตาย ตาพรรธแกต้องแก้แค้นให้หลานนะ อย่าให้พวกมันมีความสุขตลอดชาตินี้”
พิมพ์สุภาร่ำไห้ปานจะขาดใจ หล่อนเป็นลมหลายครั้งในวันเดียว พิพรรธมองหน้าพี่สาวไม่เข้าใจกับคำพูดของพี่ เขาหันมามองพี่เขย
“พี่พรต มันเรื่องอะไรกันครับ เล่าให้ผมฟังหน่อยได้มั้ย”
นายตำรวจหนุ่มถอนใจยาว ความโกรธคุกรุ่นในใจจางลงเมื่อคิดทบทวนถึงวันที่ผ่านมา พิมพ์สุภาไม่ยอมรับความจริงเรื่องนี้ พลอยวดีเป็นฝ่ายไปหาผู้ชาย ไปทุกวันหยุด บางวันกลับจากโรงเรียนก็บังคับคนขับรถไปส่งบ้านผู้ชายที่ไม่สนใจหล่อน ไม่รักหล่อน เขารู้ดีว่าโมไนยไม่ได้รักลูกสาวเขามากเกินไปกว่าน้องสาวเท่านั้น
“บอกตาพรรธไปสิคะว่าไอ้พวกนั้นหลอกให้ยัยพลอยหลงรักแล้วก็เฉดหัวลูกสาวเรากลับมา ยัยพลอยเสียใจมากถึงได้...”
พิมพ์สุภาร้องไห้โฮออกมา วรพรตถอนใจอีกครั้ง เขาจะเล่าความจริงให้พิพรรธฟัง ความจริงที่น้องภรรยาต้องยอมรับและเลิกกล่าวโทษคนอื่นเหมือนที่ภรรยาของเขากำลังทำอยู่ขณะนี้