ตอนที่ 4 เวลาชดใช้คืนบ้างแล้ว
“ท่านแม่ทัพขอรับ หรือว่าท่านยัง….”
“พวกเจ้าออกไปได้แล้วข้าจะนอนพัก พรุ่งนี้ต้องรีบออกเดินทางแต่เช้า”
""ขอรับ""
จางเต๋อไม่กล้าถามเขาซ้ำอีกรอบ แม้ว่าพวกเขาจะจากเมืองชิงโจวไปถึงสิบปีเต็มแต่ในตอนที่พวกเขาจากมา จำได้ว่าครั้งนั้นคุณชายพึ่งจะหายจากพิษไข้ที่ถูกโบยและตากฝนเพื่อไปช่วยคุณหนูเจียง
พวกเขาได้ยินคุณชายร้องไห้ตลอดทางพร้อมกับคำพูดว่า “เหตุใดต้องส่งเขามาไกลถึงเพียงนี้ เขาทำผิดถึงขนาดนี้เชียวหรือถึงให้อภัยกันไม่ได้” พวกเขาทั้งสองไม่กล้าเอ่ยปาก ทำได้เพียงแค่ปลอบใจคุณชายจนเขาสงบลงได้และเริ่มฝึกหนักอย่างตั้งใจนับแต่นั้นเป็นต้นมา
“พิธีปักปิ่นงั้นหรือ”
เฉินจวินเซียวเดินมาที่เตียงของเขาและค่อย ๆ หยิบบางอย่างออกมาจากห่อผ้าที่เขาสวมติดตัวเอาไว้ ในนั้นมีทั้งอาวุธและหีบไม้สีน้ำตาลเข้ม เมื่อเขาหยิบและเปิดออกมาในนั้นมีปิ่นทองที่ถูกทำขึ้นจากช่างฝีมือแดนเหนือแสงเงาสะท้อนจากปิ่นทองประดับมุกและทับทิมระย้าสีแดงถูกยกขึ้นมา
“สิบปีแล้วปีศาจน้อย ข้าชดใช้ให้เจ้าโดยถูกส่งมาอยู่แดนไกลนานถึงสิบปีเชียวนะ จากนี้ถึงคราวข้า...แก้แค้นเจ้าบ้างแล้ว”
ปิ่นนกยูงประดับถูกวางกลับไปในกล่องไม้ที่รองด้วยผ้ากำมะหยี่สีม่วงหรูหราและปิดลง เขาห่อเก็บอีกครั้งก่อนจะล้มตัวลงนอนและนึกถึงคำพูดขององครักษ์ของเขาเมื่อครู่
“นางงดงามจนได้สมญานามว่าธิดาบุปผาเซียน มีชายหนุ่มหลายคนเตรียมมอบของขวัญให้นางในวันทำพิธี…”
“ต่อให้เจ้างดงามเพียงใดเจ้าก็ยังคงเป็นปีศาจน้อยของข้าอยู่ดี ข้าปล่อยให้เจ้าเสพสุขในจวนสกุลเฉินมานานกว่าสิบปีแล้ว ได้เวลาที่เจ้าจะต้องชดใช้คืนข้าบ้างแล้วปีศาจน้อย”
สองวันถัดมา / เมืองชิงโจว
ขบวนกองทัพของแม่ทัพคนใหม่ของเมืองชิงโจวที่ควบตำแหน่งท่านแม่ทัพพิทักษ์แผ่นดินชิงโจวค่อย ๆ เคลื่อนพลเข้ามาในเมืองที่ถูกประดับตกแต่งด้วยดอกเบญจมาศสีเหลืองไปทั่วเมืองตั้งแต่ประตูทางเข้า บุรุษหนุ่มในชุดเกราะสีเงินอาชาสีขาวค่อย ๆ นำกองทัพเข้าเมือง
“เขาอยู่นั่นเจ้าค่ะคุณหนู”
“คนผู้นั้นหรือคือท่านแม่ทัพเฉิน แม่ทัพคนใหม่ของเมืองชิงโจว”
“หลี่หนิงฮวา” บุตรีของใต้เท้า “หลี่เจา” ชะเง้อมองตามขบวนกองทัพที่ค่อย ๆ เคลื่อนตัวเข้าเมืองมาอย่างช้า ๆ แต่ใบหน้าของท่านแม่ทัพคนใหม่นั้นตราตรึงใจสตรีทั่วเมืองชิงโจวเพราะความรูปงามและสง่า ท่วงท่าที่บังคับบังเหียนอยู่นั้นมากไปด้วยเสน่ห์
อีกทั้งวันนี้แม่ทัพหนุ่มยังผูกรวบขึ้นสวมกวานสีเงินปล่อยหางม้ายาวอยู่ด้านหลัง ใบหน้าที่รูปงามดุจรูปปั้นในอารามหลวงยิ่งทำให้ผู้ที่ได้พบเห็นต่างชื่นชม
“ช่างรูปงามยิ่งนัก”
“ท่านแม่ทัพเจ้าคะ”
“นั่นผู้ใดกัน”
“ดูเหมือนจะเป็นบุตรของขุนนางกรมขุนนางนะขอรับ ชื่ออะไรนะ…”
“คุณหนูหลี่ บุตรสกุลหลี่ขุนนางกรมขุนนางขอรับ”
“อ้อ งั้นหรือ”
“ท่านแม่ทัพ ดูเหมือนว่านางจะเตรียมช่อดอกเบญจมาศมาด้วย หรือว่า…นางคิดจะโยนให้กับท่าน”
“ไร้สาระ รีบไปเถอะ”
“เอ่อ ขอรับ”
“อ้าว!! เหตุใดจึงวิ่งผ่านไปรวดเร็วนักเล่า ข้ายังไม่ทันได้โยนดอกไม้ไปให้เขาเลย”
“คุณหนูเจ้าคะ จะลองไปที่หน้าจวนสกุลเฉินดูดีหรือไม่เจ้าคะ”
“ไม่เอาหรอก ถึงอย่างไรก็ต้องมีงานเลี้ยงต้อนรับอยู่แล้ว เอาไว้พบกันในวันนั้นจะดีกว่าข้าเป็นสตรีก็ต้องเก็บตัวหน่อยเจ้าว่าหรือไม่เล่า”
“เจ้าค่ะ ข้าเองก็คิดเช่นนั้นเจ้าค่ะ”
“แต่ว่า!!…ที่นั่นยังมีเจียงลี่หลิน เหตุใดข้าถึงลืมนึกถึงเรื่องนี้ไปได้นะ”
“แต่ว่าคุณหนูเจ้าคะ เห็นว่าท่านแม่ทัพไม่ชอบหน้าคุณหนูผู้นั้นนี่เจ้าคะ ถึงขั้นเกลียดเลยนะเจ้าคะ”
“จริงหรือ!! เป็นไปได้เช่นไรกันแล้วทำไมพวกเขาถึงต้องเกลียดกัน”
“คือเรื่องนี้….”
นับว่าสาวใช้ของหลี่หนิงฮวาเตรียมการมาเป็นอย่างดีและเล่าเรื่องในสกุลเฉินให้นางฟังจนนางเริ่มยิ้มออกมาได้ แม้ว่าก่อนหน้านี้นางจะไม่เคยรู้ว่าสกุลเฉินมีบุตรชายที่เก่งกาจเช่นนี้อยู่ก็ตาม แต่ในเมื่อวันนี้ได้เห็นแม่ทัพเฉินน้อยแล้วนางก็ยิ่งรู้สึกว่าชอบเขา
“เขาช่างเหมาะสมกับข้ายิ่งนัก ทั่วเมืองชิงโจวนี้ไม่มีบุรุษใดที่ต้องตาต้องใจข้าเท่าเขาอีกแล้ว”
“คุณหนู แล้วคุณชายหย่งเล่าเจ้าคะ”
“เฮ้อ แม้ว่าจะรูปงามแต่คุณชายหย่งเป็นบัณฑิตที่เอาใจยากเมื่อเทียบกับแม่ทัพเฉินผู้นี้แล้วเขาน่าสนใจกว่ามากนัก ขอเพียงครั้งนี้ไม่มีเจียงลี่หลินมาวุ่นวาย บุรุษผู้นี้ไม่พ้นต้องเป็นเขยสกุลหลี่เป็นแน่”
หลี่หนิงฮวามองตามขบวนกองทัพที่มุ่งตรงไปยังจวนแม่ทัพเฉินพร้อมกับรอยยิ้มที่คาดหวังอยู่ไม่น้อยว่านางจะต้องเป็นสตรีในดวงใจท่านแม่ทัพคนใหม่แห่งเมืองชิงโจวผู้นี้อย่างแน่นอน
จวนสกุลเฉิน
“มาแล้วเจ้าค่ะ มาแล้ว ๆ”
“ท่านแม่ทัพมาถึงแล้ว”
“หลินเอ๋อร์ พี่เจ้ามาแล้วรีบ ๆ ออกไปรอต้อนรับเร็วเข้า”
“จะ…เจ้าค่ะท่านป้า”
ลี่หลินที่ยืนถือช่อดอกเบญจมาศสีเหลืองและขาวที่นางทำขึ้นมาด้วยตนเองด้วยมือที่สั่นและหัวใจที่เต้นรัวดุจกลองศึก เสียงอาชาของบรรดากองทัพค่อย ๆ เคลื่อนเข้ามาใกล้พร้อมกับธงสีแดงขาวที่มีสัญลักษณ์ราชสีห์ของสกุลเฉินอยู่
“คุณหนูเจ้าคะ เหตุใดท่านถึงได้ตัวสั่นเช่นนี้เจ้าคะ”
“คุณหนู ท่านยืนไหวอยู่หรือไม่เจ้าคะ”
“แม่นม ข้า…. ข้ายังไหวอยู่”
“เหตุใดท่านจึงได้หายใจแรง หอบถี่เช่นนี้เจ้าคะคุณหนู ท่านคงมิได้…. แม่นมแย่แล้วอาการหอบของคุณหนูกำเริบหรือไม่เจ้าคะ”
“ไม่ ๆ ข้าไม่ได้เป็นอะไร จริง ๆ นะไม่ต้องห่วง ขบวนกองทัพมาถึงแล้ว ท่านป้ากับท่านลุง…”
“รีบไปเถอะเจ้าค่ะ นายท่านทั้งสองอยู่หน้าจวนแล้ว”
“ได้สิ ข้าไป ข้า…ไม่เป็นไร”
เจียงลี่หลินค่อย ๆ เดินก้าวออกไปด้านหน้าจวน เฉินฮูหยินดึงนางมายืนใกล้ ๆ เมื่อขบวนม้าสีขาวเข้ามาใกล้ และเพียงอึดใจเดียว บุรุษหนุ่มรูปร่างกำยำก็ลงจากหลังอาชาที่สง่างามลงมาพร้อมกับคำนับให้กับทั้งสอง
“เฉินจวินเซียว คารวะท่านพ่อท่านแม่ขอรับ”
“ลูกแม่!! เจ้ากลับมาแล้วจริง ๆ ไหนมาให้แม่ดูหน้าเจ้าให้ชัด ๆ หน่อยเซียวเอ๋อร์ของแม่ จากกันนับสิบปีไม่คิดเลยว่าเจ้าจะเติบโตขึ้นมารูปงามเช่นนี้ เจ้าสบายดีหรือไม่เจ็บไข้ได้ป่วยบ้างหรือเปล่า เจ้าไม่ค่อยตอบจดหมายของแม่จนแม่ใจคอไม่ดีเลย”
“แม่ของเจ้าบ่นทุกวันหากว่าเจ้าไม่กลับมาเห็นทีพวกเราคงได้อพยพไปที่เมืองเหนือเพื่อไปอยู่กับเจ้าที่โน่นเป็นแน่”
“ท่านพ่อ ขออภัยจริง ๆ ขอรับทางเหนือตอนนี้ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงเท่าใดนัก อากาศก็กำลังดีเพียงแต่ว่าการขนส่งและกว่าที่ข้าจะได้รับจดหมายอาจจะล่าช้าไปบ้างก็เท่านั้น ข้าสบายดีขอรับ”
“ยอดเยี่ยมเหลือเกินเจ้ากลับมาครั้งนี้จะไม่กลับไปแล้วใช่หรือไม่”
“ฮูหยิน ลูกเราได้รับยศแม่ทัพแล้วจากนี้จะไปที่ใดได้ก็ต้องอยู่ในเมืองชิงโจวสิ”
“ท่านแม่ ลูกอกตัญญูไม่ได้อยู่ดูแลท่าน ตลอดสิบปีนี้ท่านสบายดีหรือไม่ ได้ข่าวว่าท่านไม่สบายบ่อยครั้ง”
“แม่ไม่เป็นอะไรเลยเจ้าดูแม่สิ แม่ยังแข็งแรงดีทุกอย่างนี่หากไม่ได้หลินเอ๋อร์คอยดูแลก็คงแย่ นางน่ะเก่งสารพัดทั้งจัดยาให้และคอยดูแลสุขภาพทั้งท่านพ่อเจ้าและแม่ เจ้าดูนี่สิชุดนี้นางก็เป็นผู้ตัดเย็บและปักผ้าด้วยตัวเอง งดงามหรือไม่เล่า”
“ขอรับ งดงาม…...ยิ่งนัก”
“หลินเอ๋อร์มานี่เร็ว ๆ สิรีบมาทักทายพี่เขาหน่อย เจ้าอุตส่าห์ตื่นเพื่อจัดเตรียมของต้อนรับพี่ของเจ้าด้วยตนเองเอาไว้ตั้งมากมายมิใช่หรือ”
สตรีตัวเล็กในชุดสีม่วงอ่อนที่ขับกับผิวขาวของนางแม้จะดูบอบบางแต่นางสูงขึ้นมากแล้วจากความทรงจำของเขาในครั้งก่อน ช่อดอกเบญจมาศในมือของนางสั่นเล็กน้อยเมื่อเดินเข้ามาหาเขา
ใบหน้าที่คุ้นเคยแต่ในเวลานี้เติบโตขึ้นจนเป็นสตรีที่งดงาม แม้แต่จางเต๋อและจางอี้ก็อดตกตะลึงในความงามนั้นไม่ได้ แน่นอนว่า รวมถึงแม่ทัพหนุ่มอย่าง “เฉินจวินเซียว” ที่มองนางราวกับตกอยู่ในภวังค์อยู่สักพักเช่นกัน
“เจียงลี่หลินคารวะท่านแม่ทัพเฉิน ยินดีต้อนรับท่านกลับสู่เมืองชิงโจวเจ้าค่ะ”