บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 3 แม่ทัพพิทักษ์แดนเหนือ

“คุณหนูเจ้าคะ อย่าได้โทษตัวเองเช่นนั้นเลยนะเจ้าคะ ช้าหรือเร็วคุณชายก็ต้องเดินทางไปเรียนที่นั่นอยู่ดีเพราะที่สำนักดาบนั่นเป็นสำนักที่ท่านแม่ทัพและแม่ทัพใหญ่เฉินร่ำเรียนมาก่อนเจ้าค่ะ”

“งั้นหรือเจ้าคะ”

“อย่าคิดมากเลยนะเจ้าคะ ได้เวลาดื่มยาแล้วเจ้าค่ะ”

หลังจากเรื่องในวันนั้น ผ่านเวลาไปเกือบสิบปีที่นางใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางความอบอุ่นในจวนสกุลเฉิน ดูแลแม่ทัพและเฉินฮูหยินแทนบุตรชายที่ไปร่ำเรียนและข่าวร่ำลือในตอนนี้ เขาเป็นแม่ทัพแดนเหนือที่ไร้พ่ายในทุกสนามรบ ไม่ว่าจะสนามน้อยใหญ่ที่เกิดขึ้นล้วนได้แม่ทัพเฉินน้อยที่ปราบจนสิ้น

“ประทานยศเป็นแม่ทัพพิทักษ์แดนเหนือ”

“จริงหรือเจ้าคะท่านพี่ ยอดเยี่ยมไปเลยเช่นนั้นแบบนี้แสดงว่า....”

“ใช่แล้วล่ะ ยศนี้ฝ่าบาทอยากจะประทานให้ข้ามานานแล้วแต่ข้าในไม่กล้ารับจริง ๆ ตอนนั้นเสียพี่ใหญ่ไป แม้ว่าศึกครั้งนั้นเราจะชนะแคว้นเว่ยได้ แต่ข้าก็ไม่อยากจะรับแต่ในตอนนี้เซียวเอ๋อร์ของเราเขาได้ตำแหน่งนี้มาด้วยฝีมือและความสามารถ เขาเหมาะสมกับตำแหน่งนี้มากกว่าข้า”

“ท่านพี่ เช่นนี้…ลูกจะได้กลับมาเมืองชิงโจวแล้วสินะเจ้าคะ”

“ใช่แล้วล่ะ เขาจะกลับมาแล้ว ได้กลับบ้านเสียที”

“เพล้ง!!”

สองสามีภรรยาหันมามองใบหน้าที่ซีดเผือดของหลานสาวในวัยสิบเจ็ดปีเต็มที่จะเข้าพิธีปักปิ่นในเร็ววันนี้ นางมือไม้สั่นเล็กน้อยเมื่อได้รู้ข่าวว่าแม่ทัพเฉินน้อยหรือบัดนี้ที่ได้รับพระราชทานยศ “แม่ทัพพิทักษ์แดนเหนือ” หมาด ๆ กำลังจะกลับมาเมืองชิงโจวอีกครั้ง

“หลินเอ๋อร์เจ้าบาดเจ็บหรือไม่ อาหลันรีบเก็บไปทีเร็ว ๆ เข้า”

“เจ้าค่ะฮูหยิน คุณหนูท่านถูกบาดหรือไม่เจ้าคะ”

“ไม่ ๆ ข้าไม่เป็นอะไรอาหลันเจ้ารีบเก็บเถอะข้าช่วยเอง”

“ไม่ต้องเจ้าค่ะ เดี๋ยวมือท่านจะถูกบาดเอา อีกสิบวันจะถึงพิธีปักปิ่นแล้วท่านต้องดีดพิณในงานอย่าได้ให้นิ้วบาดเจ็บจะดีกว่าเจ้าค่ะ"

เฉินฮูหยินพยุงลี่หลินลุกขึ้นและเดินมานั่งที่เก้าอี้ แม่ทัพเฉินเข้าใจความรู้สึกของหลานสาวดีว่ากำลังคิดสิ่งใดอยู่ นางคงกำลังกังวลเรื่องที่บุตรชายของเขากำลังจะกลับมา

“หลินเอ๋อร์ ไม่ต้องห่วงนะ เซียวเอ๋อร์และเจ้าต่างก็โตแล้วและในตอนนี้เขาเองก็เป็นถึงแม่ทัพใหญ่ เรื่องราวในอดีตน่ะเขาปล่อยวางจนหมดแล้วล่ะ เจ้าก็อย่าได้นึกกลัวพี่เขาไปเลย”

“นั่นสิหลินเอ๋อร์ เชื่อป้านะเซียวเอ๋อร์ไม่ได้มีความคิดเช่นในวันเก่า ๆ แล้วอย่าได้กลัวเกินเหตุไปเลยนะ”

“เจ้าค่ะ เช่นนั้นหลานขออนุญาตกลับห้องก่อนนะเจ้าคะ ท่านลุงท่านป้า แล้วท่านแม่ทัพจะกลับมาถึงที่นี่วันไหนเจ้าคะ”

“ดูเจ้าสิยังไม่เรียกว่าท่านพี่อีกหรือ เหตุใดยังเรียกตามยศเช่นนี้อยู่อีก”

“หลานขออภัยเจ้าค่ะท่านป้าข้าเพียงแค่ไม่ชินเท่านั้นเจ้าค่ะ”

“ช่างเถอะ ๆ เอาไว้รอให้พบกันค่อยปรับตัวกันไป”

“เจ้าค่ะ”

แม้ว่าท่านแม่ทัพเฉินจะพูดเช่นนั้นแต่สำหรับเจียงลี่หลินแล้ว ไม่มีสิ่งใดน่ากลัวไปกว่าการจะต้องเผชิญหน้ากับคุณชายใหญ่สกุลเฉินอย่างเฉินจวินเซียวอีกครั้ง

“คุณหนูเจ้าคะ ท่านอย่าได้กังวลไปเลยนะเจ้าคะ ตอนนี้ท่านและคุณชายต่างก็เติบโตขึ้นมากแล้วอีกอย่างพวกท่านไม่ได้พบหน้ากันมาสิบปีแล้ว…”

“เจ้าคิดว่าคุณชาย…เอ่อท่านแม่ทัพจะยังโกรธข้าอยู่หรือไม่”

“คุณหนู เรื่องนั้นมันผ่านมานานแล้วนะเจ้าคะ อาหลันพูดถูกคุณชายเองก็เติบโตจนเป็นถึงท่านแม่ทัพแล้ว ไม่คิดติดใจเรื่องราวในวัยเด็กหรอกเจ้าค่ะ”

“แม่นม ข้ากลัวจริง ๆ เจ้าค่ะ กลัวว่าเหตุการณ์เหมือนครั้งที่ข้าพึ่งเข้ามาอยู่ในจวนนี้จะกลับมาอีกครั้ง หรือว่าข้าควรจะย้ายออกจากจวนก่อนที่ท่านแม่ทัพจะกลับมาดีเจ้าคะ”

“ไม่ได้นะเจ้าคะ ที่นี่ท่านไม่มีญาติที่ใดแล้วนอกจากนายท่านกับฮูหยิน และนายท่านทั้งสองก็คงไม่ยอมให้ท่านจากไปเป็นแน่ คุณหนูเชื่อบ่าวสักครั้งนะเจ้าคะ รอคุณชาย...เอ่อ ท่านแม่ทัพกลับมาก่อนแล้วค่อยดูท่าทีของท่านอีกครั้งหนึ่งก็ยังไม่สาย ถึงอย่างไรเรื่องราวก็ผ่านมาเกือบสิบปีแล้ว”

“เจ้าค่ะแม่นม คืนนี้ท่าน…มานอนกับข้าได้หรือไม่เจ้าคะ”

“คุณหนู ได้สิเจ้าคะ”

ลี่หลินกอดแม่นมถงเอาไว้แน่น แม้ว่าจะคลายความไม่สบายใจออกไปได้บ้างแต่ถึงอย่างไรจะช้าหรือเร็วนางก็ต้องพบกับเขาอยู่ดี คุณชายใหญ่สกุลเฉินจากบ้านไปสิบปี กลับมาครั้งนี้เขาจะเปลี่ยนไปมากเพียงใดนางเองก็ใคร่รู้ยิ่งนัก

นอกเมืองชิงโจว ระหว่างทางกลับ

“จางเต๋อ”

“ขอรับท่านแม่ทัพ”

“อีกกี่วันถึงจะถึงเมืองชิงโจว”

“อีกราว ๆ สองวันขอรับ เส้นทางนี้เป็นเส้นทางที่ใกล้ที่สุดแล้วขอรับ”

“ไม่ได้กลับมาเสียนานเลยสินะ”

เขาได้รับจดหมายจากท่านพ่อเมื่อเดือนก่อน ในจดหมายบอกเขาถึงความเป็นอยู่ในจวนและบอกว่าท่านแม่สบายดี มีป่วยกระเสาะกระแสะตามวัยบ้างแต่นางก็ยังมีคนที่ดูแลนางอยู่ ซึ่งบัดนี้นางแทบจะเป็นหมอประจำจวนสกุลเฉินไปแล้ว

“เจียงลี่หลิน ยัยปีศาจน้อยของข้าคงจะเติบโตขึ้นแล้วสินะ”

บุรุษหนุ่มรูปร่างกำยำสูงใหญ่อีกทั้งใบหน้าของเขายังหล่อคมเข้ม คิ้วดำดุจหมึกสายตาดุจเหยี่ยวที่ไม่เกรงกลัวต่อผู้ใด จมูกเป็นสันได้รูปริมฝีปากหนาผิวหน้าละเอียดไม่ต่างกับสตรีเพราะชายแดนเหนือที่เขาอาศัยอยู่อากาศเย็นตลอดทั้งปี

ดังนั้นทั้งผิวพรรณและใบหน้าของเขาแม้ว่าปีนี้เฉินจวินเซียวจะอายุย่างเข้าปีที่ยี่สิบสามแต่ใบหน้าของแม่ทัพหนุ่มยังคงดูอ่อนกว่าวัยอยู่มาก

“ท่านแม่ทัพขอรับ”

“จางอี้ เจ้ารีบร้อนอะไรขนาดนั้น”

“จดหมายจากฮูหยินขอรับ”

“ท่านแม่ส่งจดหมายมางั้นหรือ มีเรื่องด่วนอะไรกันหรือว่ามีผู้ใดเป็นอะไรหรือไม่”

“ไม่ขอรับ ๆ เพียงแต่มีหมายกำหนดการอยู่ข้างในบอกให้ท่านทราบขอรับ”

“หมายกำหนดการอะไรกัน เอามานี่สิ”

จดหมายถูกส่งมาให้เขาที่เดินเข้ามาในห้องของโรงเตี๊ยมต่างเมืองซึ่งเขาเลือกพักก่อนจะเดินทางเข้าเมืองชิงโจวในวันพรุ่งนี้

“พิธีปักปิ่นของสตรีในเมืองชิงโจว เฮ้อ…. ดูท่าแล้วท่านแม่ของข้าคงไม่พ้นอยากจะให้ข้าหาฮูหยินโดยเร็วสินะ”

จางเต๋อและจางอี้หันมามองหน้ากันอย่างใคร่รู้ระคนแปลกใจไม่น้อยแต่พวกเขาติดตามท่านแม่ทัพเฉินน้อยมาตั้งแต่วัยเด็ก ย่อมรู้ดีว่าแม่ทัพเฉินผู้นี้ไม่สนใจสตรี

เมืองข่านเล่อที่อยู่ทางเหนือมีสตรีงดงามมากมายมาให้เขาได้เลือกแต่ว่าแม่ทัพเฉินหาได้สนใจพวกนางไม่ แม้ว่าองค์หญิงต่างแคว้นที่ให้ความสนใจเขา เฉินจวินเซียวก็ยังเห็นนางเป็นเพียงแค่สหายเท่านั้น

“อะไรนะ ปีศาจน้อยผู้นั้นก็ถึงวัยปักปิ่นแล้วเช่นกันงั้นหรือ โตแล้วสินะ”

“ท่านแม่ทัพ ท่านหมายถึงคุณหนูเจียงผู้นั้นหรือขอรับ”

“เจ้าเคยได้ยินข้าเรียกผู้ใดว่าปีศาจบ้างเล่าจางเต๋อ”

“แต่ว่าเท่าที่ข้าสืบรู้มาก่อนหน้านี้ เห็นว่าคุณหนูเจียงเติบโตขึ้นมาเป็นสตรีที่ทั้งเพียบพร้อมและงดงามด้วยมารยาท ฝีมือดีดพิณและปักลายผ้าของนางเป็นที่หนึ่งในเมืองชิงโจวจนได้รับสมญานามว่า “ธิดาบุปผาเซียน” เลยนะขอรับ”

“ข้าเองก็ได้ยินมาว่าคุณชายในเมืองชิงโจวต่างก็รอจะมอบของกำนัลให้คุณหนูเจียงในพิธีปักปิ่น หลังจากนี้คิดว่าคงจะมีเทียบสู่ขอมาส่งให้ที่จวนไม่หยุดเป็นแน่ขอรับ”

“ต่อให้นางเป็นนางฟ้าลงมาจากแดนเซียน หรือธิดาแห่งสวรรค์แต่สำหรับข้านางก็ยังคงเป็นปีศาจน้อยอยู่ดี”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel