ปีศาจน้อยของแม่ทัพคลั่งรัก

131.0K · จบแล้ว
ชาไทยเย็น
63
บท
27.0K
ยอดวิว
8.0
การให้คะแนน

บทย่อ

“ต่อให้เจ้างดงามเพียงใดเจ้าก็ยังคงเป็นปีศาจน้อยของข้าอยู่ดี ข้าปล่อยให้เจ้าเสพสุขในจวนสกุลเฉินมานานกว่าสิบปีแล้ว ได้เวลาที่เจ้าจะต้องชดใช้คืนข้าบ้างแล้ว......ปีศาจน้อย” เมื่อสงครามได้พรากคนที่รักของทั้งสองฝ่ายไป.... "เจียงลี่หลิน" บุตรสาวหมอเทวดาแห่งเมืองฉางที่ครอบครัวถูกพวกข้าศึกฆ่ายกครอบครัว เหลือเพียงแต่นางคนเดียว.... "เฉินจวินเซียว" ที่สูญเสียท่านลุงและอาจารย์คนแรกไปในการช่วยเหลือ "สกุลเจียง" ที่เคยมีพระคุณต่อสกุลเฉิน ในยามนั้นทั้งคู่ยังเด็ก เขา่จึงเกลียดนางและเรียกนางว่า "ปีศาจน้อย" เพราะนางไม่ต่างกับฆาตรกรที่ฆ่าคนในครอบครัวเขาไป.... “ข้าเกลียดนาง!! นางทำให้ท่านลุงต้องตาย เหตุใดต้องให้นางอยู่ที่นี่!!” “เซียวเอ๋อร์…นางจะเป็นน้องสาวของเจ้า รักกันเอาไว้” “ไม่!! ข้าไม่มีทางมีน้องสาว นางคือปีศาจ!!” .............................................................................. “มาทำอะไรที่นี่ยัยปีศาจน้อย” เขาถามนางเมื่อเห็นว่าเด็กน้อยเดินมาตัวคนเดียวที่ลานฝึกด้านหลังจวนซึ่งเป็นสนามขี่ม้าในจวนสกุลเฉิน “ท่านป้าให้ข้ามาตามท่านพี่ไปกินข้าวเจ้าค่ะ” “ใครเป็นพี่เจ้า!! ข้าไม่มีน้องสาวอย่าได้เรียกขานข้าเช่นนั้นอีกเป็นอันขาด!!” ผ่านเวลาไปกว่า 10 ปี... "เจียงลี่หลิน" เติบโตที่ชิงโจวเป็นสาวงามที่บุรุษใดก็ต้องการเป็นคู่ครอง.... "เฉินจวินเซียว" ถูกส่งไปที่แดนเหนือตั้งแต่เด็กเพราะเรื่องทะเลาะรุนแรงที่เกิดขึ้น เขากลับมาชิโจวพร้อมกับตำแหน่งที่ฮ่องเต้ประทานให้ "แม่ทัพพิทักษ์แดนเหนือ" เมื่อทั้งคู่กลับมาพบกันอีกครั้ง.... “อะไรนะ ปีศาจน้อยผู้นั้นก็ถึงวัยปักปิ่นแล้วเช่นกันงั้นหรือ โตแล้วสินะ” “ท่านแม่ทัพ ท่านหมายถึง…. คุณหนูเจียงผู้นั้นหรือขอรับ” “เจ้าเคยได้ยินข้าเรียกผู้ใดว่าปีศาจบ้างเล่าจางเต๋อ” “แต่ว่าเท่าที่ข้าสืบรู้มาก่อนหน้านี้ เห็นว่าคุณหนูเจียงเติบโตขึ้นมาเป็นสตรีที่ทั้งเพียบพร้อมและงดงามด้วยมารยาท ฝีมือดีดพิณและปักลายผ้าของนางเป็นที่หนึ่งในเมืองชิงโจวจนได้รับสมญานามว่า “ธิดาบุปผาเซียน” เลยนะขอรับ” “ต่อให้นางเป็นนางฟ้าลงมาจากแดนเซียน หรือธิดาแห่งสวรรค์แต่สำหรับข้านางก็ยังคงเป็นปีศาจน้อยอยู่ดี” ................................................... “สิบปีแล้วปีศาจน้อย ข้าชดใช้ให้เจ้าโดยถูกส่งมาอยู่แดนไกลนานถึงสิบปีเชียวนะ จากนี้ถึงคราวข้า...แก้แค้นเจ้าบ้างแล้ว” “นางงดงามจนได้สมญานามว่าธิดาบุปผาเซียน มีชายหนุ่มหลายคนเตรียมมอบของขวัญให้นางในวันทำพิธี…” “ต่อให้เจ้างดงามเพียงใดเจ้าก็ยังคงเป็นปีศาจน้อยของข้าอยู่ดี ข้าปล่อยให้เจ้าเสพสุขในจวนสกุลเฉินมานานกว่าสิบปีแล้ว ได้เวลาที่เจ้าจะต้องชดใช้คืนข้าบ้างแล้วปีศาจน้อย” เหตุการณ์ที่พบเจอในวัยเด็กยังคงเป็นความแค้นที่ฝังใจสำหรับเฉินจวินเซียว แต่เมื่อพบหน้านางอีกครั้ง ความรู้สึกเขากลับเปลี่ยนไป.... “กรี๊ด!!” “เจ้า!!” “ออกไปนะ เจ้าเป็นใครกันเหตุใดจึงได้เข้ามาในห้องอาบน้ำของข้า ออกไปนะ!!” “ปีศาจน้อย นี่ข้าเอง!!” “ขออภัยเจ้าค่ะ ข้าไม่ทราบว่าจะมีคนเข้ามาใน…. ในนี้ท่านรีบสวมชุดก่อนเถอะเจ้าค่ะข้าจะออกไปรอข้างนอก” “เจ้าบอกว่าที่นี่…คือห้องอาบน้ำของเจ้างั้นหรือ” “ข้า!!…. ขออภัยท่านแม่ทัพ ระ เรื่องนี้…ทะ ท่านป้าเห็นว่าข้าควรจะแยกห้องอาบน้ำส่วนตัว ก็เลย..สะ สร้างห้องอาบน้ำให้ข้าไว้ที่นี่แต่ข้าไม่คิดว่าท่านแม่ทัพจะเข้ามา ขออภัยเจ้าค่ะ ข้าจะกลับไปใช้…” “เดี๋ยว!!” “ในเมื่อเจ้าบอกว่าเป็นห้องอาบน้ำของเจ้า เช่นนั้นข้าก็ต้องขออภัยที่เข้ามาโดยมิได้รับอนุญาต” “มะ ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ทะ ที่นี่เป็น.... จวนของท่านดังนั้น…” “หือ เจ้าว่าอะไรนะข้าไม่ได้ยินเลย” “ปีศาจน้อย นี่เจ้ากำลังยั่วยวนข้าอยู่งั้นหรือ” แม้ว่าจะพยายามที่จะเกลียด แต่หัวใจเขากลับเรียกร้องหานางตลอดเวลา..... อีกใจอยากจะเกลียด อีกใจหนึ่งอยากทำดีด้วย แต่ปากกลับเอาแต่ประชดประชันเมื่อพบหน้า..... “อย่าเจ้าค่ะ!!” “ข้าถามเจ้าอยู่นะ เจ้ายั่วยวนบุรุษทั้งเมืองชิงโจวแล้ว ยังคิดอยากจะยั่วยวนข้าด้วยอีกคนงั้นหรือ ยัยปีศาจน้อยช่างกล้านักนะ” “ปล่อยข้าเถอะเจ้าค่ะ ข้าไม่ได้ตั้งใจจะทำเช่นนี้ ข้าเปล่ายั่วยวนท่านนะเจ้าคะ ท่านเข้าใจผิดแล้ว” “อย่ามองนะ!! ปล่อยข้า!! ฮึก!!” “เจ้าพรวดพราดเข้ามาในนี้เองแต่กลับกล่าวโทษข้า มาในตอนนี้ยังกล้าตะคอกข้า นี่เจ้าคิดว่าตนเองเป็นบุตรสาวสกุลเฉินไปแล้วหรืออย่างไร” “ปล่อยนะ ข้า…. ท่านแม่ทัพหากท่านไม่ปล่อยข้าจะ….” “หยุดนะเจ้าทำอะไร!!” นางคว้าเครื่องประดับบนศีรษะลงมาพาดคอตัวเองและเริ่มกรีดจนเป็นรอย แม่ทัพหนุ่มถึงกับตกใจและไม่คิดว่านางจะขู่เขาด้วยวิธีนี้ “เจ้าบ้าไปแล้วงั้นหรือ” “ได้โปรด…ปล่อยข้าไป” “ผ่านมาสิบปีเจ้าก็ยังไม่เปลี่ยนไปจากเดิม ยังใช้น้ำตานั่นเรียกร้องความสงสารความเห็นใจไม่หยุด น่ารำคาญ!!” เมื่อศัตรูหัวใจปรากฏ.....แม่ทัพหนุ่มผู้กล้าในสนามรบ เมื่อพบรักในสมรภูมิรัก เขาจะเอาชนะได้หรือไม่... “ทำไมล่ะ ทีกับผู้อื่นเจ้ากล้าคุยด้วยได้ตามปกติแต่พบข้าทีไรเหตุใดต้องทำท่ารังเกียจถึงเพียงนี้ หรือว่าเจ้าคิดจะหลอกล่อผู้ชายอื่นในจวนของข้างั้นหรือ” “ท่านแม่ทัพ!! เหตุใดท่านจึงได้…กล่าวหาข้ารุนแรงเช่นนี้ ข้ากับพี่เล่อหาน…” “พี่เล่อหาน!! หึ เรียกชื่อได้เต็มปากเต็มคำ นิสัยอยากได้พี่ชายจนตัวสั่นของเจ้านี่ไม่เคยเปลี่ยนเลยนะ ปีศาจน้อยเช่นเจ้ามันขาดความอบอุ่นมากเลยหรืออย่างไรถึงได้เอาแต่เรียกคนโน้นคนนี้ว่าพี่ตลอดเวลา!!” “เจ้าร้องไห้อีกแล้ว เอะอะก็บีบน้ำตาเจ้าคิดว่าข้าจะหลงกลเจ้างั้นหรือ ข้ามิใช่เจ้าบัณฑิตหน้าอ่อนนั่น ลูกไม้เช่นนี้ไม่ต้องนำมาใช้กับข้า” สุดท้ายความแค้นระหว่างเขากับนาง....จะจบลงเช่นไร ความรู้สึกที่เปลี่ยนไปจะเอาชนะความปากแข็งของแม่ทัพหนุ่มได้หรือไม่ และลี่หลินของเราจะสามารถข้ามผ่านความหวาดกลัวในตัวเขาไปได้หรือไม่... ติดตามต่อกันได้เลยนะคะ.....

นิยายรักโรแมนติกนิยายจีนโบราณแม่ทัพนางเอกเก่งโตมาด้วยจีนโบราณพระเอกเก่งฟินๆ

ตอนที่ 1 นางคือปีศาจ!!

จวนแม่ทัพเฉิน / เมืองหลวง

“เพี๊ยะ!!”

“ฮูหยินพอเถอะเจ้าค่ะคุณชาย…กลัวแล้วเจ้าค่ะ ได้โปรดสั่งให้หยุดโบยเถิดเจ้าค่ะ”

“แม่นมถง ข้ามิได้สั่งโบยเพราะจะให้เขากลัวแต่ข้าอยากให้เขาจดจำว่าไม่ควรทิ้งน้องให้ยืนตากฝนอยู่ข้างนอกนั่น!!”

เสียงไม้โบยยังดังอยู่อีกสามครั้งจนจบ “เฉินจวินเซียว” ในอายุสิบสองปีหันมามองใบหน้าของมารดาที่ยืนกอดเด็กน้อยในวัยเจ็ดปีเต็มในอ้อมกอด นางร้องไห้และขอร้องมารดาของเขาให้ปล่อยเขาไปแต่มารดาของเขาที่โกรธเพราะเด็กน้อยผู้นั้นเปียกฝนไปทั้งตัว

“ท่านป้าเจ้าคะ อย่าตีคุณชายอีกเลย”

“เด็กน้อยเจ้ารีบเข้าไปข้างในให้อาหลันอาบน้ำให้ ทำร่างกายให้อบอุ่นเร็วเข้า”

“เจียงลี่หลิน” ในวัยเพียงเจ็ดขวบหันมามองผู้เป็นพี่ชายซึ่งทั้งสองมิได้มีความเกี่ยวพันกันทางสายเลือด สายตาที่เขามองนางตอนนี้ยิ่งทวีความเกลียดชังขึ้นมากกว่าเดิม

เขาไม่เคยเห็นว่านางเป็นน้องสาวและไม่เคยพูดจากับนางดี ๆ สักครั้งนับตั้งแต่นางก้าวเข้ามาในจวนสกุลเฉินแห่งนี้

หกเดือนก่อน

“หมายความว่าอย่างไร…. ท่านจะบอกว่าท่านอาจารย์ของข้า…ท่านลุงของข้าตายอยู่ที่เมืองฉางงั้นหรือ แล้วท่านพ่อข้าล่ะท่านแม่ขอรับลูกอยากจะไปหาท่านพ่อกับท่านลุง”

“เซียวเอ๋อร์อย่าทำความวุ่นวาย ท่านพ่อของเจ้ากำลังจะพาท่านลุงกลับมา เจ้าอย่าได้….ฮึก!!”

สกุลเฉินสูญเสียครั้งใหญ่เมื่อแม่ทัพใหญ่ “เฉินฮ่าว” ที่นำทัพไปปราบข้าศึกแคว้นเว่ยที่เมืองฉางเพื่อช่วยท่านหมอเทวดาและครอบครัว “สกุลเจียง” ของเขาที่ถูกฆ่าล้างตระกูลเนื่องจากข้าศึกต้องการแผ่อำนาจและชิงตำรับยาสกุลเจียงไปรักษากองทัพที่ติดโรคระบาด

เมื่อทราบข่าว เฉินฮ่าวพร้อมกับกองทัพสกุลเฉินจึงเดินทางไปช่วยครอบครัวท่านหมอเทวดานามว่า “เจียงอวี่ซิน” แต่เมื่อไปถึงกลับถูกล้อมและลอบโจมตีจนเกือบเอากองทัพไปทิ้ง

โชคดีที่ “เฉินลู่” น้องชายซึ่งเป็นรองแม่ทัพยกทัพไปช่วยเอาไว้ได้ทันแต่ทว่า…กลับสูญเสียแม่ทัพใหญ่ไปอย่างไม่มีวันกลับ

“ยังมีคนรอด สกุลเจียงคนสุดท้าย…. ฝากนางด้วย”

“พี่ใหญ่!!”

นั่นเป็นคำพูดสุดท้ายของแม่ทัพใหญ่ที่กล่าวเอาไว้ก่อนสิ้นลม เฉินลู่หันมามองหน้าเด็กน้อยที่ตัวสั่นไปทั้งตัวและร้องไห้พร้อมกับถือผ้าเปื้อนเลือดในมือ นางคงช่วยแม่ทัพเอาไว้อย่างเต็มที่ของเด็กน้อยในวัยนี้แล้ว

“ข้าพยายามห้ามเลือดเอาไว้ และ และ…. ให้ท่านลุงดื่มยา แต่ว่า แต่…”

รองแม่ทัพเฉินดึงเด็กน้อยเข้ามากอดพร้อมกับปลอบเอาไว้ว่านั่นไม่ใช่ความผิดของนาง แม้ว่าจะมีนางอยู่หรือไม่ก็มิอาจช่วยชีวิตแม่ทัพใหญ่เฉินฮ่าวได้ บุตรีคนเดียวที่เหลืออยู่ของสกุลเจียงพร้อมกับตำราแพทย์เดินได้เดินทางมากับ “เฉินลู่”หลังจบศึกเมืองฉางที่แคว้นฉินปราบศัตรูได้ในที่สุด

“ข้าเกลียดนาง!! นางทำให้ท่านลุงต้องตาย เหตุใดต้องให้นางอยู่ที่นี่!!”

“เซียวเอ๋อร์ต่อไปนางจะเป็นน้องสาวของเจ้า รักกันเอาไว้”

“ไม่!! ข้าไม่มีทางมีน้องสาว นางคือปีศาจ!!”

“เซียวเอ๋อร์!! เจ้าหยุดนะ แม่นมถงรีบพาลี่หลินเข้าไปข้างในก่อนพานางไปอาบน้ำแต่งตัวให้สะอาด นางคงตกใจแย่แล้วรีบไปเถอะ”

สายตาของเด็กน้อยวัยหกขวบกว่าในวันนั้นมองเด็กชายที่อายุมากกว่านางด้วยความกลัวสุดชีวิต นางไม่รู้ว่าตัวเองทำสิ่งใดผิดจึงทำให้พี่ชายต่างวัยผู้นี้เกลียดนางได้ถึงเพียงนี้

“ข้าทำสิ่งใดผิดหรือเจ้าคะ ข้าก็แค่ช่วยท่านลุงผู้นั้นไม่ได้แต่ข้าก็พยายามแล้ว แต่ว่า….”

“คุณหนูเจ้าคะ อย่าได้คิดมากไปเลยเจ้าค่ะ คุณชายเพียงแค่….”

แม่นมถงพยายามหาคำพูดปลอบใจเด็กน้อยแต่ก็กลืนทุกคำลงไป สภาพนางที่เห็น “เจียงลี่หลิน” ในตอนนี้ ทั้งหวาดกลัวทั้งระแวงและน่าสงสารคนทั้งตระกูลตายหมด ทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพียงคืนเดียวยังติดตาราวกับฝันร้าย

“อย่าคิดอะไรมากเลยนะเจ้าคะ ตอนนี้ท่านต้องเข้มแข็งและรักษาตัวให้แข็งแรงเพื่อที่จะ…มีชีวิตอยู่ต่อไป”

“แต่ข้าอยากไปอยู่กับท่านพ่อท่านแม่ ที่นี่ไม่ใช่บ้านข้าไม่มีใครรักข้า พี่ชายคนนั้นก็ยัง…ไล่ข้าไปอีกข้าไม่อยากอยู่ที่นี่”

“โธ่…คุณหนู”

แม่นมถงอดที่จะเสียน้ำตาให้กับเด็กน้อยไม่ได้ จำได้ว่านางและฮูหยินต้องผลัดกันพานางไปนอนด้วยเพราะว่า “เจียงลี่หลิน” มักจะฝันร้ายและสะดุ้งตื่นขึ้นมาทุกคืนและเป็นเช่นนี้อยู่ราว ๆ สามเดือนกว่าอาการจะดีขึ้น

“พิษที่ท่านลุงโดนจากข้าศึกคือ “พิษเฉวียนอี้” เจ้าค่ะ ใช้ยาที่ข้าผสมอยู่ทาที่แผลและกินยาขวดนี้เป็นเวลาสามวันท่านลุงก็จะดีขึ้น”

“หลินเอ๋อร์ลุงขอบใจเจ้ามากนะ คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะสืบทอดวิชาแพทย์ของท่านหมอเจียงมาได้เกือบหมด เอ่อ….”

เฉินฮูหยินรีบตีแขนของสามีทันทีบัดนี้สามีนางได้เลื่อนยศเป็นแม่ทัพเฉินแทนตำแหน่งที่ว่างลงหลังจากพี่ชายของเขาสิ้นชีพไป เด็กน้อยแม้หน้าตาจะสลดลงแต่ก็ยังมีรอยยิ้มมากกว่าเดิม

“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะท่านป้า ข้าไม่เป็นอะไรแล้วจริง ๆ”

“หลินเอ๋อร์เด็กดี ท่านพ่อท่านแม่เจ้าต้องภูมิใจในตัวเจ้า อย่าคิดว่าป้าเป็นคนอื่น เจ้าจะเรียกป้าว่าท่านแม่ก็ได้นะ”

“ไม่ดีกว่าเจ้าค่ะท่านป้า ข้าไม่อยาก…สูญเสียใครไปอีกแล้ว”

แม้จะยังเด็กแต่ความสูญเสียที่ยิ่งใหญ่นั้นเป็นแผลในใจของลี่หลินที่มิอาจหาย นางอยู่ที่จวนสกุลเฉินมาได้เกือบสองเดือนแล้วและมักจะเห็น “เฉินจวินเซียว” ฝึกดาบอยู่ที่จวนบ่อย ๆ นางพยายามทำดีกับเขาทุกวิถีทาง

“ท่านพี่เจ้าคะ ท่านป้าให้ข้ายกขนมมาให้…”

“เพล้ง!!”

มือของเด็กชายที่สูงวัยกว่าปัดไปโดนเพราะไม่ทันเห็นนางที่เดินมาด้านหลัง เมื่อเขาเห็นว่าเป็นนางก็หงุดหงิดขึ้นมาในทันที

“ซุ่มซ่ามจริง!! เจ้ามาทำอะไรที่นี่ เกะกะสายตาจริง ๆ จางเต๋อ จางอี้ ไปฝึกที่อื่นเถอะ”

""ขอรับ""

เด็กน้อยถูกทิ้งไว้ที่ลานฝึกอาวุธพร้อมกับจานที่แตกและขนมที่ปั้นเองกับมือบนพื้น นางค่อย ๆ หยิบมันใส่จานและพึ่งสังเกตเห็นว่าที่ฝ่ามือน้อย ๆ นั้นถูกจานบาดเข้า

“ตายจริงคุณหนูเหตุใดจึงได้เป็นเช่นนี้ มาเจ้าค่ะแม่นมจะใส่ยาให้นะเจ้าคะ”

“แม่นมเหตุใดท่านพี่ถึงได้เกลียดข้าเจ้าคะ ท่านพี่โกรธที่ข้าทำท่านลุงของเขาตายหรือเจ้าคะ”

“คุณหนู ท่านพี่มิได้เกลียดท่านเจ้าค่ะ เด็กผู้ชายไม่ชอบเล่นกับเด็กผู้หญิงอยู่แล้วท่านอย่าคิดมากเลยเจ้าค่ะ”

“แต่เขาไม่เคยพูดกับข้าดี ๆ สักครั้งเลย เวลาที่พบกันเมื่อใดเขาก็เรียกข้าว่า…ยัยตัวยุ่ง”

“โถคุณหนูเจ้าคะ นั่นเป็นคำเรียกที่พี่ชายเรียกน้องสาวอยู่แล้วนะเจ้าคะ”

“งั้นหรือเจ้าคะแม่นม”

“ใช่แล้ว ๆ ท่านอย่าได้เคืองท่านพี่ไปเลยนะเจ้าคะ”

ลี่หลินไม่กล้าบอกผู้อื่น ว่าลับหลังเวลาไม่มีผู้รู้เห็น จวินเซียวมิได้เรียกขานนางว่า “ยัยตัวยุ่ง” อย่างที่นางบอกผู้อื่น แต่เขาเรียกนางว่า “ปีศาจน้อย” ด้วยสายตาเกลียดชังอย่างลึกสุดหัวใจ

แม้นางจะเริ่มชินกับสายตาและคำพูดร้ายกาจนี้แล้วแต่ในหัวใจของเด็กน้อยก็เพียงแค่อยากมีเพื่อนเล่นในวัยใกล้เคียงกันเท่านั้น แต่ความปรารถนานี้ของนางไม่เคยได้รับจากบุตรชายแม่ทัพใหญ่เลยสักครั้ง และนับวันความเกลียดนี้ดูเหมือนจะเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ

“มาทำอะไรที่นี่ยัยปีศาจน้อย”

เขาถามนางเมื่อเห็นว่าเด็กน้อยเดินมาตัวคนเดียวที่ลานฝึกด้านหลังจวนซึ่งเป็นสนามขี่ม้าในจวนสกุลเฉิน

“ท่านป้าให้ข้ามาตามท่านพี่ไปกินข้าวเจ้าค่ะ”

“ใครเป็นพี่เจ้า!! ข้าไม่มีน้องสาวอย่าได้เรียกขานข้าเช่นนั้นอีกเป็นอันขาด!!”