ตอนที่ 2 ข้าไม่มีน้อง!!
“ข้ามาเรียกท่านไปกินข้าว ท่านป้าบอกว่าได้เวลาอาบน้ำแล้ว”
“คุณชายท่านกลับไปเถอะ คุณหนูเจียงมาเรียกแล้ว”
“ใครเป็นคุณหนู แล้วเหตุใดข้าจะต้องเชื่อฟังนางด้วย ก็แค่ปีศาจตัวน้อยที่ฆ่าท่านลุงข้าเท่านั้น!!”
“คุณชาย พูดแรงไปหรือไม่ขอรับ…คุณหนูเจียงข้าว่าท่าน….”
จางเต๋อหันมามองใบหน้าของเด็กหญิงที่เริ่มตาแดงก่ำและตัวสั่นเมื่อมองมาที่คุณชายที่ปากร้าย ทั้งว่านางเป็นปีศาจและยังกล่าวหาว่านางฆ่าท่านลุงของเขาอีกด้วย
“หากอยากจะรอก็รออยู่นี่ ข้ายังมีเรื่องต้องทำอีกเสร็จแล้วจะกลับไป”
สายตาของคุณชายน้อยเริ่มอ่อนลงเมื่อเห็นว่าลี่หลินที่อายุน้อยกว่าเขาห้าปียืนเช็ดน้ำตาเงียบ ๆ อยู่ จางเต๋อและจางอี้รีบหาผ้าเช็ดหน้าให้นางเช็ดน้ำตาจนเขาต้องแผดเสียงขึ้นอีกครั้ง
“พวกเจ้าอย่ายุ่งกับนาง!! ปล่อยนางเอาไว้ตรงนั้นแหละ เรายังฝึกไม่เสร็จ!!”
""ขอรับ""
พวกเขาจำใจต้องเดินตามคุณชายเฉินเข้าไปในโรงฝึกดาบ ทิ้งให้เด็กน้อยยืนตากแดดรออยู่ด้านนอกเพราะคำสั่งของเฉินจวินเซียวทำให้นางไม่กล้าเดินไปที่อื่น แต่เวลาเริ่มผ่านไปจวินเซียวไม่เพียงไม่ได้กลับมาทางนี้แต่เขาลืมเสียสนิทเลยว่าให้นางยืนคอยอยู่ข้างนอก
เฉินจวินเซียวกลับจวนจนอาบน้ำเสร็จแล้วและเริ่มได้ยินเสียงคนถามหาเจียงลี่หลินเพราะข้างนอกเริ่มมีฝนตกแล้วนั่นแหละ เขาจึงได้นึกออก
“แย่แล้ว!!”
เฉินจวินเซียววิ่งออกมาพร้อมกับไปหาสาวใช้ที่กำลังเดินตามหาคุณหนูเล็กของจวนอยู่
“แม่นม!!”
“คุณชายท่านออกมาทำไมเจ้าคะฝนตกแล้วเดี๋ยวโดนละอองฝนจะป่วยเอานะเจ้าคะ”
“พวกท่านหา.... นางเจอหรือยัง”
“คุณชาย ท่านรู้หรือเจ้าคะว่าคุณหนูหายไปที่ใด”
“ตามข้ามา!!”
เฉินจวินเซียวในวัยสิบสองปีวิ่งนำหน้าสาวใช้ไปยังลานฝึกด้านหลังจวน ที่นี่เมื่อมืดแล้วจะไม่มีคนมาดังนั้นต่อให้หาอย่างไรก็ไม่พบ เมื่อพวกเขาไปถึงก็พบเด็กน้อยวัยเจ็ดปีนั่งกอดเข่าอยู่ริมลานฝึกตัวเปียกฝนไปทั้งร่างและหนาวสั่น
“นั่น!! นางอยู่ที่นั่น…เจียงลี่หลิน!!”
เขาตะโกนเรียกชื่อนางเป็นครั้งแรกในรอบสามเดือนนับตั้งแต่ที่นางมาอยู่ที่นี่ ลี่หลินเมื่อได้ยินเสียงของจวินเซียวก็ค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมองผ่านม่านสายฝนที่ตกกระหน่ำแรงขึ้น เขาวิ่งเข้ามาและดึงนางขึ้นแต่เด็กน้อยไร้เรี่ยวแรงจนล้มลง แม่นมถงรีบวิ่งมารับตัวนางทันที
“คุณหนู!! เหตุใดท่านมาอยู่ตรงนี้ได้เจ้าคะ”
“แม่นม…ข้า…”
“รีบพานางกลับเข้าไปก่อนเถอะ”
“เจ้าค่ะ ๆ”
“ข้าพานางไปเอง”
“แต่ว่าคุณชาย ตัวท่านเปียกไปหมดแล้วนะเจ้าคะ”
“รีบไปเถอะ!!”
“เจ้าค่ะ”
ทั้งหมดรีบพาลี่หลินเดินกลับไป นางขี่หลังของเฉินจวินเซียวไปเมื่อถึงหน้าเรือนใหญ่ก็พบว่าเฉินฮูหยินยืนมองด้วยความตกใจเมื่อเห็นสภาพของทั้งคู่ที่เดินกลับมาตัวเปียกตั้งแต่หัวจรดเท้า
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น!!”
“ฮูหยินเจ้าคะ คือว่า….”
“ข้าถามว่าเหตุใดหลินเอ๋อร์ถึงได้มีสภาพเช่นนั้น!!”
“ท่านแม่ เป็น...ความผิดของลูกเองขอรับลูกให้นาง…”
“ว่าอย่างไรนะเซียวเอ๋อร์นี่เจ้า…. เจ้าอย่าบอกนะว่าน้อง…ยืนตากฝนตั้งแต่ช่วงเย็นจนถึงตอนนี้ นี่เจ้ายังเป็นคนอยู่หรือไม่เฉินจวินเซียว!!”
“ฮูหยินเจ้าคะ คุณชายไม่ได้ตั้งใจนะเจ้าคะ”
“ไม่ได้ตั้งใจงั้นหรือ ตอนบ่ายแดดแรงแค่ไหนพวกเจ้าก็เห็น ข้าให้นางไปเรียกเจ้ามาอาบน้ำและกินข้าว แต่เจ้ากลับปล่อยให้นางยืนรอจนฝนตกโดนทั้งแดดและฝน นางเป็นน้องเจ้านะ!!”
“ไม่ใช่!! ข้าไม่มีน้อง!!”
“เฉินจวินเซียว!!”
สายตาที่ดื้อดึงนั้นมองมารดาด้วยความโกรธ ตอนนี้เด็กน้อยถูกพาตัวเข้าไปข้างในแล้ว แม่นมถงรีบหาผ้ามาคลุมตัวก่อนจะสั่งให้คนไปตามท่านหมอของจวนมาดูอาการให้นาง ฮูหยินที่ยืนโมโหอยู่มองมาที่บุตรชายอีกครั้งง
“แม้ว่าเจ้าจะไม่ยอมรับนาง แต่ไม่มีสิทธิ์ที่จะทำเช่นนี้กับนาง”
“ท่านแม่…ลูกก็แค่….”
“เจ้าไม่แยกแยะดีชั่ว นางเป็นเพียงเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ซ้ำยังอ่อนแอแต่เจ้าปล่อยให้นางยืนตากแดดตากฝนเจ้าคิดอะไรอยู่!!"
“ท่านแม่ลูกไม่ได้บอกให้นางทำเช่นนั้นสักหน่อย ลูกก็แค่…”
“เจ้าอย่าคิดว่าแม่ไม่รู้เรื่องว่าลับหลังเจ้าเรียกนางว่าอย่างไร อย่าคิดว่าจะไม่มีผู้ใดรู้แล้วเจ้าจะทำตามใจเจ้าได้นะ เอาไม้มาวันนี้ข้าจะต้องลงโทษเขา!!”
“ฮูหยินเจ้าคะอย่าเลยเจ้าค่ะเพียงเท่านี้ก็…”
“หุบปาก!! หากข้าไม่โบยเขาในวันนี้เขาก็คงคิดว่าจะทำอะไรตามแต่ใจได้ตลอดไป ข้าบอกให้เอาไม้มา!!”
“ท่านป้า อย่าเจ้าค่ะอย่าโบยคุณชาย…”
“นี่เจ้ายังจะขอร้องแทนเขาทั้ง ๆ ที่…หลินเอ๋อร์ รีบพานางเข้าไปข้าจะโบยเจ้าเด็กไม่รักดีคนนี้!!”
“ท่านแม่!!”
“ท่านป้าอย่าโบยเจ้าค่ะข้าผิดเองอย่าโบยคุณชาย…อย่า…”
“โบย!!”
สายตาของเฉินจวินเซียวในวันนั้นเป็นสิ่งที่เจียงลี่หลินมิอาจลืม เหมือนกับสายตาของแม่ทัพเฉินฮ่าวที่มองนางก่อนตายและสายตาของท่านพ่อท่านแม่ที่บอกลานางก่อนสิ้นใจ…..
สามวันถัดมา
“หลินเอ๋อร์เป็นอย่างไรบ้าง”
“ท่านหมอบอกว่าอาการปอดบวมทุเลาลงแล้ว ยังดีที่มียาสกุลเจียงที่ขับโรคได้ตอนนี้นางนอนพักอยู่เจ้าค่ะ”
“เฮ้อ…แล้วเซียวเอ๋อร์เล่า เป็นเช่นไรบ้าง”
“หึ เจ้าลูกไม่รักดีนั่นก็ได้ยาที่หลินเอ๋อร์หาให้ แม่นมถงเอาไปทาแล้วคิดว่าไม่เกินสี่วันก็คงจะลุกขึ้นมากระโดดโลดเต้นได้เช่นเดิม แต่อาการของหลินเอ๋อร์ ท่านหมอบอกว่าหากได้เคยเป็นแล้ว โรคปอดบวมนี่หลังจากนี้สภาพร่างกายนางจะอ่อนแอลงเจ้าค่ะ ต้องหมั่นดูแลนางให้ดีกว่านี้”
“เฮ้อ เจ้าไม่น่าใจร้อนโบยลูกเช่นนั้น”
“แต่ข้าโมโหนี่เจ้าคะ สภาพหลินเอ๋อร์ในวันนั้นทำให้ข้านึกถึงใบหน้าของเจียงฮูหยินขึ้นมา ข้าดูแลนางไม่ดีเท่ากับผิดต่อพวกเขา แล้วลูกของเราก็…. ท่านก็รู้ว่า…”
“ข้าตัดสินใจแล้ว ครั้งนี้ข้าต้องเดินทางออกศึกที่ชายแดนเหนือ ข้าจะพาเซียวเอ๋อร์ไปด้วย”
“ท่านพี่!! แต่ลูกยังเล็กอยู่นะเจ้าคะ”
“เดิมทีคิดว่าจะเข้ากันได้ง่ายกว่านี้ แต่ตอนนี้ดูท่าแล้วการที่เขาถูกโบยไปวันก่อน คงจะสานสัมพันธ์กันยากขึ้นแล้ว”
“ท่านจะโทษข้างั้นหรือเจ้าคะ”
“เปล่าเลยฮูหยินข้าไม่ได้โทษเจ้า แต่ช้าหรือเร็วก็ต้องเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นเซียวเอ๋อร์เองก็โตขึ้นแล้ว เขาโตพอที่จะเรียนรู้งานในกองทัพได้แล้วล่ะ”
“ท่านพี่ แล้วครั้งนี้ท่านจะไปนานเท่าใดเจ้าคะ”
“ข้าไปไม่นาน แต่ข้าจะส่งเซียวเอ๋อร์ไปร่ำเรียนที่นั่น ทางเหนือเก่งด้านวิชายุทธ์และสำนักดาบอันดับหนึ่งก็อยู่ที่นั่นด้วย ให้เขาไปเรียนรู้ข้างนอกก็ยังดีกว่าอยู่ที่นี่ เจ้าไม่ต้องห่วงเรื่องการศึกในเวลานี้ไม่ได้มีอะไรน่าเป็นห่วงเท่าไหร่ ส่งลูกไปเรียนในตอนนี้ดีที่สุดแล้ว”
“เจ้าค่ะ”
หลังจากเวลานั้น เกือบสิบวันกว่าที่ลี่หลินจะลุกขึ้นจากเตียงได้ การป่วยของนางในครั้งนั้นถือว่ารุนแรงมากจริง ๆ และเมื่อนางรู้สึกตัวครึ่งเดือนถัดมาจึงได้ทราบว่าเฉินจวินเซียวไม่ได้อยู่ที่จวนสกุลเฉินนี้แล้ว
“อะไรนะเจ้าคะ ท่าน...เอ่อ คุณชายเฉินไปแล้ว”
“เจ้าค่ะคุณหนู ท่านแม่ทัพส่งคุณชายไปเรียนที่สำนักดาบทางเหนือเจ้าค่ะแต่เพราะท่านยังป่วยอยู่ วันที่คุณชายเดินทางจึงไม่ทันได้ร่ำลากัน”
“เป็นเพราะข้างั้นหรือเจ้าคะ ที่คุณชายเฉินถูกส่งไปที่อื่น เป็นเพราะเรื่องของข้า”