ตอนที่ 5 ปีศาจน้อยของข้า
“ปีศาจน้อย”
“อะไรนะลูกเมื่อครู่นี้เจ้าบ่นพึมพำอะไรงั้นหรือ”
“เปล่าขอรับท่านแม่”
“รับดอกไม้สิ น้องอุตส่าห์ทำเพื่อเจ้ารับเอาไว้เป็นไมตรีสักหน่อยนะ”
แม่ทัพหนุ่มมองใบหน้ายิ้มแย้มและคาดหวังของมารดาและบิดาที่พยายามยิ้มและลุ้นว่าเขาจะยังรู้สึกโกรธสตรีตรงหน้านี้อยู่หรือไม่ เขาเดินเข้าไปใกล้นางและไม่รู้ว่ากลิ่นดอกไม้หรือกลิ่นกายจากที่ต้องจมูกเขาราวกับยืนอยู่ท่ามกลางทุ่งดอกไม้ในยามเช้าทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายขึ้น สตรีตรงหน้ามือสั่นเมื่อยื่นช่อดอกไม้มาให้เขา
“สิ่งนี้…เจ้าตั้งใจทำให้ข้างั้นหรือ”
“จะ…เจ้าค่ะ เป็นของขวัญเพื่อต้อนรับท่านแม่ทัพกลับจวนเจ้าค่ะ”
นางยื่นดอกไม้ให้เขา ชายหนุ่มเพียงนึกอยากแกล้งนางเมื่อดอกไม้ถูกส่งมาแต่เขากลับปล่อยให้มันหล่นจนนางตกใจ สีหน้านั้นทำเอาเขาตกตะลึงจนเผลอคว้าทั้งคนทั้งดอกไม้เอาไว้
ใบหน้างามเงยขึ้นมาด้วยความตกใจอีกทั้งลมหายใจของนางและริมฝีปากอิ่มสีชมพูสดตรงหน้ากลับทำให้เขาเกิดความรู้สึกบางอย่างขึ้นซึ่งเป็นความรู้สึกที่ห่างไกลจากคำว่าเกลียด
“ขออภัยเจ้าค่ะข้าไม่ได้ตั้งใจจะทำให้มันหล่น ข้าก็แค่…”
“เจ้าก็ยังซุ่มซ่ามเช่นเดิม…. ปีศาจน้อยของข้า”
ลี่หลินรู้สึกขนลุกทั้งตัวเมื่อเขากระซิบอยู่ข้างใบหูและค่อย ๆ ดึงนางขึ้นมา นางสะบัดมือออกจากตัวเขาอย่างรวดเร็วและเดินไปยืนแอบอยู่หลังมารดาของเขา ใบหน้าแดงก่ำจนถึงใบหูทำเอาเขารู้สึกอยากแกล้งนางให้มากกว่านี้อีกสักนิดหากว่าบิดาของเขาไม่ชักชวนให้เข้าจวนเสียก่อน
“ไปเถอะ ไปศาลบรรพชนสกุลเฉินกับพ่อ ไปไหว้ท่านลุงกับท่านปู่ของเจ้ากัน”
“ขอรับท่านพ่อ”
แม่ทัพหนุ่มเดินตามบิดาเข้าไป ก่อนจะเดินเข้าไปด้านในสายตาของเขาหันมามองสบตานางอีกครั้ง ดวงตากลมโตดุจลูกกวางนั้นทำเอาหัวใจเขาวาบหวิวไปไม่น้อย คิดไม่ถึงว่าเมื่อเติบโตขึ้นมาแล้วปีศาจน้อยผู้นี้จะน่ามองมากกว่าเดิม
“ขอบใจสำหรับดอกไม้”
ห้องโถงกลาง
“พ่อจะจัดงานเลี้ยงเพื่อต้อนรับเจ้าและกองทัพในอีกสามวันข้างหน้าเจ้าคิดว่าอย่างไร”
“ตามใจท่านพ่อเลยขอรับ เรื่องนี้ลูกไม่ขัดข้องแต่ว่าอย่าได้สิ้นเปลืองมากนะขอรับ”
“ไม่หรอก ส่วนใหญ่ก็จะแจกจ่ายข้าวของตามธรรมเนียมและงานเลี้ยงนิดหน่อย เจ้าคงไม่รู้ว่าฝีมือการทำอาหารของน้องสาวเจ้าในวันนี้ยอดเยี่ยมเพียงใด วันนี้นางลงครัวทำอาหารให้เจ้าเองกับมือ ลองชิมดู”
“คิดไม่ถึงว่าพอโตขึ้นแล้วนางจะรู้ความเช่นนี้นะขอรับ”
“จวินเซียว เจ้ายัง….”
“ท่านพ่อ บัดนี้ข้าก็เติบโตแล้วนะขอรับนางเองก็ดูแลท่านกับท่านแม่แทนข้ามานานถึงสิบปี เรื่องในอดีตที่ผ่านมาข้าไม่คิดถือสาแล้วขอรับ เมื่อครู่นี้ตอนกราบไหว้ท่านลุงข้าเองก็บอกไปแล้วเช่นกัน”
“ดีแล้วล่ะ จากนี้ไปจะได้อยู่ในจวนร่วมกันอย่างสงบเสียที”
“ได้ข่าวว่าอีกไม่กี่วันจะมีพิธีปักปิ่นของนางแล้วมิใช่หรือขอรับ”
“อ้อจริงสิพ่อเกือบลืมเรื่องนี้ไปเลยหากเจ้าไม่กล่าวเตือน ที่จริงก็มิใช่งานใหญ่อะไร แต่หลินเอ๋อร์ที่เสียครอบครัวไปแต่เด็กทำให้เสียเวลาไปกว่าสองปีจึงปักปิ่นช้ากว่าผู้อื่น พ่อเลยอยากจัดให้ยิ่งใหญ่สมเกียรติที่อยากมอบให้สกุลเจียง อีกอย่างเจ้าก็พึ่งจะกลับมาชาวเมืองชิงโจวเองก็ยังได้ต้อนรับแม่ทัพเช่นเจ้าดังนั้นพิธีปักปิ่นในครั้งนี้เลยว่าจะจัดขึ้นที่จวนของเรา”
“เช่นนั้นเอง ข้าตั้งตารอเลยขอรับท่านพ่อ”
“นี่เจ้าคงจะไม่รู้สินะ มีบุรุษทั่วเมืองชิงโจวที่ชื่นชมน้องของเจ้า แต่ว่าหลินเอ๋อร์น่ะสนใจแต่ตำราแพทย์และการปรุงยากับดีดพิณ พ่อคิดว่านางคงจะเลือกคนคบหายาก”
“หึ งั้นหรือขอรับ ก็ดีแล้วนางยังเด็กไม่ต้องรีบร้อนหรอกขอรับ”
“แต่ว่าพ่อคิดว่าบัณฑิตอันดับหนึ่งนั่นก็พอจะเหมาะสมกับนางอยู่ หลินเอ๋อร์เองก็คุ้นเคยกับคุณชายหย่งผู้นี้ดี”
“อะไรนะขอรับ”
เฉินจวินเซียวหันมามองบิดาเขาทันทีเมื่อสิ้นคำกล่าวนี้ นี่หมายความว่าคำร่ำลือที่ได้ยินมาจากจางอี้มิใช่เรื่องโกหกงั้นหรือ สตรีที่อยู่จวนเขามาสิบกว่าปี ที่สุดแล้วก็มีคนมาชื่นชมในตัวนางงั้นหรือ
“เจ้าตกใจอะไรกัน เจ้าน่ะจากเมืองชิงโจวไปนานเลยไม่รู้ว่าหลินเอ๋อร์น่ะนะเป็นสตรีงดงามแม้ว่านางจะถ่อมตัวและไม่ค่อยชอบออกงานสังคมแต่ทุกครั้งที่นางปรากฏตัวทุกคนล้วนต่างรอคอย ชายหนุ่มทั่วเมืองนี้ก็เช่นเดียวกัน”
“งั้นหรือขอรับ”
แม่ทัพหนุ่มเดินกลับไปที่ห้องพักที่ถูกจัดเตรียมเอาไว้อย่างดี เขาโยนกล่องที่พกมากับตัวไปที่เตียง กล่องไม้สีน้ำตาลเข้มนั้นหลุดออกมาจากห่อ เขาจึงดึงมันออกมาและเก็บยัดใส่ไปที่ตู้เสื้อผ้าอย่างไม่ใจนัก
“คิดไม่ถึงว่าจะมีคนที่ตาไร้แววมาชื่นชมปีศาจน้อยอย่างเจ้า ของชิ้นนี้…. ของบ้านี่!!….ข้าอุตส่าห์….ช่างเถอะ!! ไหน ๆ ก็ทำมาแล้วนี่”
เขาปิดตู้ลงด้วยความหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก มันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเลยกับการที่เพียงแค่ฟังจากคำบอกเล่าของบิดาเรื่องที่นางมีชายหลายคนชื่นชมกลับทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมเพราะแรกเริ่มที่นางเข้ามาอยู่ในจวนก็มีเพียงเขาคนเดียวที่พบเห็นนาง แต่ผ่านมาสิบปีแล้วทุกอย่างกลับเปลี่ยนไป
“คิดจะหาทางรอดจากจวนสกุลเฉินของข้าแล้วไปพึ่งพิงที่อื่นงั้นหรือ ปีศาจน้อยอย่างเจ้าช่างมากแผนการยิ่งนัก ยั่วยวนชายหนุ่มไปทั่วเมืองชิงโจว ข้าจะคอยดูสิว่าจะมีบุรุษคนใดที่ตาบอดมาลุ่มหลงเจ้า!!”
เขาจำได้ว่าไม่เคยโมโหจนปวดหัวเช่นนี้มานานแล้ว เมื่อลุกขึ้นจากสระน้ำอุ่นที่เข้ามาอาบ ดูเหมือนแม่ทัพเฉินจะสร้างห้องอาบน้ำนี้ขึ้นมาใหม่ด้วย เขาเดินกึ่งเปลือยและสวมเพียงกางเกงตัวเดียวเดินออกมาเพื่อเปลี่ยนชุด
นึกไม่ถึงว่าในเวลานี้จะพบกับคนที่ไม่คาดคิดว่าจะพบได้ เจียงลี่หลินเดินเข้ามาในห้องอาบน้ำพร้อมกับชุดคลุมชั้นในบางเบาเพียงตัวเดียวและห่อผ้าคลุมชุดนอน เมื่อนางเปิดเข้ามาก็พบจวินเซียวที่เปลือยช่วงอกยืนอยู่ข้างใน
“กรี๊ด!!”
“เจ้า!!”
“ออกไปนะ เจ้าเป็นใครกันเหตุใดจึงได้เข้ามาในห้องอาบน้ำของข้า ออกไปนะ!!”
“ปีศาจน้อย นี่ข้าเอง!!”
จะมีผู้ใดที่เรียกนางด้วยคำหยาบคายเช่นนี้หากมิใช่เขา ท่านแม่ทัพคนใหม่ของเมืองชิงโจว พี่ชายต่างสายเลือดที่เกลียดชังนางมาตั้งแต่เด็ก นางรีบหันหลังให้เขาในทันที
“ขออภัยเจ้าค่ะ ข้าไม่ทราบว่าจะมีคนเข้ามาใน…. ในนี้ท่านรีบสวมชุดก่อนเถอะเจ้าค่ะข้าจะออกไปรอข้างนอก”
“เจ้าบอกว่าที่นี่…คือห้องอาบน้ำของเจ้างั้นหรือ”
“ข้า!!…. ขออภัยท่านแม่ทัพ ระ เรื่องนี้…ทะ ท่านป้าเห็นว่าข้าควรจะแยกห้องอาบน้ำส่วนตัว ก็เลย..สะ สร้างห้องอาบน้ำให้ข้าไว้ที่นี่แต่ข้าไม่คิดว่าท่านแม่ทัพจะเข้ามา ขออภัยเจ้าค่ะข้าจะกลับไปใช้…”
“เดี๋ยว!!”
ใบหูที่แดงก่ำของนางที่ยืนหันหลังห่อตัวทำให้เขานึกอยากจะแกล้ง แกล้งจนนางต้องร้องไห้และโผเข้าซบอกของเขา เพียงเท่านี้เขาคงจะรู้สึกดีไม่น้อย ตอนเด็ก ๆ นางมักอยากจะเรียกเขาว่า “ท่านพี่” มิใช่หรือ แต่ตอนนี้นางเอาแต่เรียกเขาว่า “ท่านแม่ทัพ” ตั้งแต่เขาก้าวขาเข้ามาในจวน
“ในเมื่อเจ้าบอกว่าเป็นห้องอาบน้ำของเจ้า เช่นนั้นข้าก็ต้องขออภัยที่เข้ามาโดยมิได้รับอนุญาต”
“มะ ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ทะ ที่นี่เป็น.... จวนของท่านดังนั้น…”
“หือ เจ้าว่าอะไรนะข้าไม่ได้ยินเลย”
แม่ทัพหนุ่มเดินเข้าไปจนประชิดตัวนางและก้มลงกระซิบที่ข้างใบหูจนลี่หลินตกใจและหันมากะทันหัน พื้นที่ลื่นอีกทั้งตัวของแม่ทัพที่เปียกอยู่ทำให้ทั้งสองล้มลงไปทันที
โชคดีที่จวินเซียวนั้นจับศีรษะของนางเอาไว้ได้ทันเขาพลิกตัวลงไปกระแทกพื้นแทนนางและตัวนางก็ล้มทับอยู่บนตัวของเขา บางอย่างที่นิ่มกำลังดันมาที่หน้าอกของเขา ร่างกายของชายหนุ่มพลันรู้สึกกระหายขึ้นทันที
“ปีศาจน้อย นี่เจ้ากำลังยั่วยวนข้าอยู่งั้นหรือ”