5 เรื่องราวดี ๆ
เมื่อรู้ว่าพระมารดากำลังทรงพระครรภ์ หลี่เฟิ่งหมิงก็ลืมเรื่องของฉีหลินไปจนหมดสิ้น วัน ๆ เอาแต่คอยดูแลพระมารดาของตนเอง
“เสด็จแม่เดินเบาๆ”
“เสด็จแม่อย่าเดินเร็ว”
“เสด็จแม่สวมเสื้อหนา ๆ เดี๋ยวน้องของข้าจะหนาว”
“เสด็จพ่อห้ามเข้าใกล้เสด็จแม่เด็ดขาดเวลา พระองค์กอดเสด็จแม่จะทำน้องของหม่อมฉันอึดอัด” สุดท้ายก็มีแต่นางเท่านั้นที่กอดพระมารดาได้เพียงคนเดียว โดยอ้างว่าเพราะนางตัวเล็กแรงกอดไม่เท่าไร ไม่ทำให้เสด็จแม่อึดอัด
แม้กระทั่งเจ้าสามสีก็พลอยได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้ไปด้วย จากที่แต่เดิมมันชอบไปนั่งตักของฮองเฮา กลายเป็นว่าทุกครั้งที่เข้าใกล้ก็ถูกหลี่เฟิ่งหมิงลากเอามากอดเอง ความน่ารักไร้เดียงสาขององค์หญิงที่อีกไม่นานจะกลายเป็นองค์หญิงใหญ่ เป็นที่เอ็นดูของข้าราชบริพารวังหลวง
หลี่เว่ยจนใจแต่ยามใดที่นางเผลอเขาก็อดไม่ได้ที่กอดภรรยาอย่างรักใคร่อยู่ดี เจ้าตัวแสบเมื่อรู้ว่าห้ามไม่ได้จึงได้แต่ปล่อยเลยตามเลย ขึ้นมาแทรกตัวนอนกึ่งกลางระหว่างพระบิดาและพระมารดาหลับไปด้วยกันในทุก ๆ คืน ภาพพ่อแม่ลูกที่รักใคร่พานทำให้ผู้ที่พบเห็นพลอยมีความสุขใจไปด้วย
*****
ยามบ่าย ที่อากาศเย็นสบายเด็กชายวัยสิบขวบทอดสายตามองออกไปนอกหน้าต่างห้องเขียนหนังสือก่อนจะนึกถึงใบหน้าน่ารักของเด็กหญิงผู้หนึ่ง เขาถอนหายใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า ได้ยินว่าในอนาคตนางจะต้องแต่งงานไปอยู่ฉีหลิน เขาไม่ชอบเลย ไม่รู้ว่าเพราะเหตุผลใดจึงทำเสิ่นหยวนเชาไม่ชอบ
“คุณชาย” บ่าวรับใช้เห็นเจ้านายของตนเองถอนหายใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า ท่าทางดูคล้ายกับมีความกังวลใจ “ข้าน้อยเห็นท่านถอนหายใจเช่นนี้มาตั้งแต่เช้าแล้วนะขอรับ”
“...” เด็กชายที่สวมชุดสีขาวสะอาด ผินหน้าไปมองหน้าบ่าวรับใช้แล้ว แล้วผินกลับออกไปมองนอกหน้าต่าง
“หรือว่าคุณชายคิดถึงองค์หญิงเฟิ่งหมิง ตั้งแต่นางไปตำหนักระหว่างแคว้น ท่านก็ไม่ได้พบหน้านางมาหลายเดือนแล้ว ไม่สู้ว่าวันนี้พวกเราสองคนนำขนมจากหอมธุรสที่องค์หญิงชอบไปถวายดีหรือไม่”
“...” เด็กชายนิ่งเงียบ ปกติสหายของเขาคนนี้เป็นคนไม่คิดซับซ้อน ไม่ยักรู้ว่าจะสามารถคิดเรื่องเช่นนี้ได้ด้วย
“เอ๋...หรือว่าคุณชายไม่อยากไป”
“ไปสิ ข้าต้องไปอยู่แล้ว องค์หญิงน่ะชอบผลไม้อบแห้งและขนมจากหอมธุรสที่ข้าซื้อให้นั่นแหละ” กล่าวจบเด็กชายก็วิ่งกลับไปที่เรือนของตนเอง แต่งตัวให้เรียบร้อยเลือกชุดสีขาวสะอาด นางเป็นคนบอกเองว่าเมื่อเขาสวมชุดขาวหล่อเหลาประดุจเทพเซียน ตั้งแต่นั้นมาชุดเสื้อผ้าสีอื่น ๆ ในตู้ ก็ถูกยกให้กับผู้อื่นไปหมด เหลือแค่เพียงชุดสีขาวสะอาดตา
เมื่อได้รับอนุญาตอัครเสนาบดีผู้เป็นบิดา เสิ่นหยวนเชาก็เร่งรีบวิ่งออกไปจากจวนอย่างไม่รักษากิริยาในทันที อันดับแรกมุ่งหน้าไปยังหอมธุรส กว้านซื้อขนมที่เขาจำได้ว่านางชอบ แล้วจึงเดินกลับออกมาขึ้นรถม้า ใบหน้าหล่อเหลาเวลานี้กลายเป็นสีแดงระเรื่อมีเหงื่อไหลซึมเป็นหยดน้ำสีเงินประดับหน้าผาก
“คุณชายของข้าน้อยงดงามเช่นนี้ มีหรือองค์หญิงจะไม่ชอบ ในวันข้างหน้าพวกท่านทั้งสองต้องเป็นคู่ตุนาหงันที่สมบูรณ์แบบ” บ่าวน้อยรุ่นพี่นามว่าอาชิ่งกล่าว โดยไม่ได้มองสีหน้าของผู้เป็นนายเลยสักนิดว่าเวลานี้กำลังเป็นเช่นไร
“...” เด็กชายอ้าปากพะงาบ ๆ อย่างจะกล่าวอะไรสักอย่างก็ต้องเก็บคำพูดกลืนลงท้อง มีใครในราชสำนักไม่รู้บ้างว่าองค์หญิงเฟิ่งหมิงเสด็จประพาสตำหนักระหว่างแคว้นเมื่อหลายเดือนก่อน เนื่องด้วยสาเหตุใด นั่นเป็นเพราะนางไปจับคู่ดูตัวว่าที่พระคู่หมั้นต่างหาก เมื่อคิดมาถึงเรื่องนี้เสิ่นหยวนเชาถึงกับซึม
อาชิ่งเห็นสีหน้าของผู้เป็นนายจึงได้รู้ว่าตนนั้นกล่าวอะไรผิดไป
“เอ่อ...คุณชาย ข้างนอกมีสิ่งของน่ารักหลากหลาย ปักเป็นรูปดอกนานาพันธุ์ ท่านซื้อเข้าไปฝากองค์หญิงสิขอรับ อีกไม่นานก็จะถึงวันเกิดนางแล้ว แต่ว่าตอนนั้นท่านไม่อยู่ต้องไปเรียนหนังสือที่ต่างแคว้น คงไม่ได้พบหน้ากันอีกพักใหญ่ สู้มอบอะไรสักอย่างฝากเอาไว้ให้นาง องค์หญิงจะได้ไม่ลืมท่าน”
เสิ่นหยวนเชาเห็นด้วย อีกไม่นานเขาจะต้องไปจากที่นี่ คงไม่ได้พบหน้านางอีกหลายปี ถึงตอนนั้นไม่รู้ว่านางจะลืมเขาหรือไม่ คำแนะนำของอาชิ่งนับว่าไม่เลว
ทั้งนายและบ่าวเดินลงมาจากรถม้ากวาดสายตามองไปรอบ ๆ ตัว ก่อนจะไปสะดุดตากับผ้าเช็ดหน้าที่ปักรูปแมวสามสีตัวอ้วนเอาไว้ เหมือนกับเจ้าถั่วของนางไม่มีผิด สุดท้ายเขาก็ตัดสินใจเลือกผ้าเช็ดหน้าปักลายแมวสามสี
ทั้งหมดเดินทางเข้าไปในวังหลวง เพราะได้รับอนุญาตเป็นพิเศษมาตั้งแต่แรก รถม้าจวนอัครเสนาบดีจึงสามารถเคลื่อนตัวเข้าไปจนถึงเขตพระราชฐานชั้นในได้อย่างง่ายดาย เมื่อมาถึงจุดที่รถม้าไม่สามารถไปต่อได้แล้วทั้งนายและบ่าวจึงลงเดิน
กระทั่งมาหยุดอยู่หน้าตำหนักคุนหนิง ขันทีประจำตำหนักรีบเข้าไปรายงาน
“กราบทูลฮองเฮา คุณชายเสิ่น บุตรชายอัครเสนาบดีเสิ่นขอเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ”
“พี่อาหยวนมางั้นหรือ” เส้าฮองเฮายังไม่จะตรัสสิ่งใดเด็กหญิงตัวน้อยก็วิ่งพรวดพราดออกมาจากด้านใน
“พี่อาหยวนมาหาแม่ต่างหาก” อายุยังน้อยแต่มีหนุ่ม ๆ มาหาไม่ขาดสายเมื่อโตขึ้นจะเป็นยังไงกันนะ พระมารดาได้แต่คิดในใจ
“พี่อาหยวนเป็นเพื่อนของหม่อมฉัน เขามาหาหม่อมฉันต่างหาก” เด็กหญิงเถียงกลับ
“เอาเถอะ แม่เดินไม่ไหว อย่างไรฝากเสี่ยวหมิงออกไปต้อนรับพี่อาหยวนของเจ้าแทนแม่ได้หรือไม่” ฮองเฮารู้ทัน จึงอ้างเรื่องท้องแก่เดินไม่ไหว
“งั้นหม่อมฉัน จะรับอาสาจะดูแลพี่อาหยวนเป็นอย่างดี” กล่าวจบนางก็วิ่งดุ๊กดิ๊กด้วยสองขาสั้น ๆ ของตนเองออกไปพบพระสหาย
เส้าฮองเฮายังมิทันได้ตรัสสิ่งใดเจ้าตัวแสบแสนน่ารักก็วิ่งหายออกไปแล้ว ก่อนจะเพิ่งมาสังเกตว่านางอยู่ตามลำพัง จึงมีรับสั่งให้เฉินกงกงวิ่งตามออกไปดูนาง
“เฉินกงกง ท่านออกไปดูนางเถอะ” เส้นฮองเฮาตรัส
“แม่นางอาเหวินใช้ไม่ได้จริง ๆ ปล่อยองค์หญิงออกมาพระองค์เดียวได้อย่างไร” เฉินกงกงตำหนิ สักครู่หนึ่งอาเหวินจึงวิ่งตามออกมา
“ฮองเฮาเพคะ องค์หญิงไปไหนแล้วเพคะ หม่อมฉันหานางไม่พบเมื่อครู่ได้ยินเสียงเหมือนจะอยู่แถว ๆ นี้” อาเหวินวิ่งกระหืดกระหอบตามออกมา
“นางออกไปต้อนรับคุณชายเสิ่นน่ะ เจ้าตามออกไปสิ”
“เพคะ”
ยังไม่ทันจะได้พักให้หายเหนื่อยดีอาเหวินก็รีบวิ่งตามออกไปอย่างไม่รีรอ