บทที่ 7 เรื่องใหญ่
“เรากินอาหารทะเลกันนะคะ ริณอยากกินกุ้งเผา ปลาหมึกย่างแล้วก็ต้มยำทะเลรสแซ่บๆ”
“ได้เลย” เขาส่งมือให้หล่อนจับแล้วเดินลงบันไดตามกันไป
ร้านอาหารชายทะเลหลายร้านปลูกห่างจากชายหาดพอประมาณและห่างกันเป็นระยะๆ เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวทั้งไทยและเทศ ทุกร้านมีอาหารทะเลให้นักชิมได้ลิ้มรสแต่รสชาติของอาหารแตกต่างกันไปแล้วแต่ว่าร้านไหนคว้ากุ๊กฝีมือเยี่ยมมาช่วยมัดใจเรียกลูกค้าและร้านไหนใช้ฝีมือแม่บ้านธรรมดาๆ มาเป็นตัวยืนของร้าน
ไอริณเลือกร้านอาหารริมหาดซึ่งอยู่ห่างจากบ้านพักพอควร หล่อนกอดแขนธีรเมธเดินเล่นมาตามชายหาดเรื่อยๆ คลื่นเล็กๆ สาดซัดเข้ามาบนฝั่งเป็นระยะๆ ระรอกฝอยสีขาวแตกกระจายเมื่อเกรียวคลื่นสิ้นสุดบนหาดทรายขาว
หญิงสาวมีความสุขที่สุดเท่าที่หล่อนคบกับธีรเมธมาเกือบสองปี หล่อนจะจดจำความสุขครั้งนี้ไปตลอดชีวิตแม้ว่าวันข้างหน้าธีรเมธจะไม่ตามใจหล่อนหรือรักหล่อนเช่นวันนี้ก็ตาม
“เมธคะ กินข้าวแล้วเราเล่นน้ำกันมั้ยคะ”
“เอาสิ” เขายิ้มตามใจหล่อน
ไอริณร่าเริงแจ่มใสเหมือนกับลูกนกตัวน้อยที่เพิ่งออกบินเดี่ยวโดยไม่มีแม่คอยประคอง ร่างจ้อยโผบินคล่องตัว โลกสดใสทุกอย่างรอบตัวสวยงาม
หลังจากทานอาหารทะเลรสชาติแสนอร่อยแล้ว ไอริณโอบเอวผู้ชายที่หล่อนรักหมดหัวใจเดินตามชายหาดกลับบ้านพัก ระหว่างทางนักท่องเที่ยวหลายคนกำลังเล่นน้ำกันอย่างสนุกสนาน หล่อนดึงมือเขาลงไปสนุกกับกลุ่มนั้นซึ่งธีรเมธพลอยสนุกไปกับหล่อนด้วย หล่อนเพลินกับน้ำเย็นฉ่ำจนลืมเวลาเขาต้องเป็นฝ่ายดึงหล่อนขึ้นจากน้ำ
“ขึ้นได้แล้วครับคุณไอริณ” เขาลากตัวหล่อนขึ้นจากน้ำสำเร็จและวิ่งไล่กันเช่นเด็กน้อยจนถึงบ้านพัก
ธีรเมธไม่ติดใจกับความฝันของไอริณ เขาตักตวงความสุขจากเรือนกายเปลือยเปล่าหลังออกจากห้องน้ำพร้อมกัน หญิงสาวเองก็แทบสำลักความสุขที่เขามอบให้ แม้จะเคยร่วมรักกับเขามานานแต่ความรู้สึกครั้งนี้เหมือนเพิ่งมีความรัก เหมือนเพิ่งคบกับเขา หล่อนจึงพร้อมรับและมอบความสุขให้กับเขาอย่างเต็มอิ่ม
ร่างเปลือยสองร่างกอดก่ายด้วยความสุขสม อิ่มเอมด้วยรสพิศวาสที่ผลัดกันป้อนให้กันและกันและหลับไปเกือบพร้อมกันด้วยความสุขหฤหรรษ์
“กริ๊งๆ ..”
“เฮ้ย!”
ชายหนุ่มสะดุ้งสุดตัว ภาพความหลังเลือนหายในพริบตา เขาสะบัดศีรษะแรงๆ แล้วเอื้อมมือไปยกหูโทรศัพท์บ้านซึ่งอยู่ใกล้กับเก้าอี้ตัวยาวที่เขานั่งอยู่ขึ้นมาแนบหู
“ฮัลโหล..” ชายหนุ่มบังคับเสียงให้ปกติขณะรับสาย
“ไอ้เมธ เป็นอะไรวะกูโทร.เข้ามือถือถึงไม่รับ” พิชิตต่อว่าทันทีที่ธีรเมธส่งเสียงให้ได้ยิน
“สงสัยอยู่ในห้องนอน”
“แล้วนี่มึงอยู่ไหนวะ”
“ข้างล่างเผลอเคลิ้มหลับว่ะมีอะไรวะ เปรมแล้วสิมึง เยี่ยมมั้ยล่ะเด็กมึงน่ะ”
“ของมันแน่อยู่แล้วโว้ย ที่กูโทร.มาเพราะมีมี่สงสัยว่ะ มีมี่เห็นผู้หญิงนั่งรถไปกับมึง”
“เฮ้ย! ไอ้บ้า” ธีรเมธสะดุ้งหันมองรอบตัวทันที
“ล้อเล่นว่ะ กูรู้ว่ามึงไม่กลัว กูจะบอกว่าพรุ่งนี้คุณวรงค์นัดกินข้าวเที่ยง เขาโทร.หามึงไม่รับสายก็เลยโทร.มาหากูให้บอกมึง พรุ่งนี้กูไปด้วยจะเอาของใหม่ไปให้เขาดู”
“ที่ไหนวะ”
“ร้านเดิม แค่นี้ก่อนนะโว้ย มีมี่อ้อนกูอีกแล้วว่ะ รีบไปนอนซะมึงอยากไม่หาติดไม้ติดมือมาเหมือนกู”
“ระวังจะสำลักตายนะมึง”
ธีรเมธกระแทกหูโทรศัพท์ใส่เพื่อนแต่พิชิตรู้ทันวางไปก่อน ชายหนุ่มถอนใจเฮือกก่อนจะเดินไปปิดไฟแล้วขึ้นชั้นบน เขาสลัดความรู้สึกหวาดกลัวบางอย่างไม่หลุดจากสมองสักครั้งเมื่อคิดถึงทะเล คิดถึงไอริณ…
“พ่อ พ่อ เกิดเรื่องใหญ่แล้ว” กรณ์วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาในบ้านหลังจากเพิ่งออกไปได้ครู่เดียว กริชเงยหน้ามองลูกชาย คิ้วสองข้างขมวดมุ่นเข้าหากัน มือที่กำลังสอดเส้นด้ายซ่อมรอยขาดของอวนหยุดลงชั่วครู่
“อะไรของมึงวะหน้าตื่นมาเชียว เจอหมึกยักษ์เกยตื้นรึไงมึง”
“ยิ่งกว่าหมึกยักษ์อีกนะสิ พ่อรีบไปดูเร็วตอนนี้ตำรวจมาเต็มเลย“ กรณ์ยังคงตื่นเต้น
“เฮ้ย.มีตำรวจด้วยเหรอวะ เกิดอะไรขึ้นวะ” ไม่เพียงถามอย่างเดียวกริชลุกขึ้นคว้าผ้าขาวม้าคาดเอวแล้วเดินเร็วๆ ออกจากบ้านพักโดยมีกรณ์วิ่งตามมาติดๆ
“ฉันก็ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่มัน..มัน..อื๋ย..” กรณ์หยุดพูดเมื่อคิดถึงภาพสยองขวัญที่เขาเห็นก่อนจะวิ่งมาตามบิดา กริชเหลียวมามอง