ตอน 3
“อาเฮียลื้อพูดแบบนี้ก็ไม่ถูก อาตี๋เพิ่งกลับมายังไม่หายเหนื่อยลื้อจะเอายังไงกับลูกน่อ...” กิ่งกมลบ่นว่าสามีสุดที่รักที่ไปแตะต้องธงไทสุดหวงของนาง
กิ่งกมลเป็นทายาทเจ้าสัวแห่งตระกูลฤทธราสกุล ซึ่งเป็นตระกูลจีนแท้โล้สำเภามาจากเมืองจีน รุ่นของกิ่งกมลเป็นรุ่นเหลน ทุกวันนี้ตระกูลของกิ่งกมล แตกหนอธุรกิจออกไปหลายช่องทาง ทั้งด้านอสังหาริมทรัพย์ ร้านทอง และกำลังต่อยอดสินค้าทางด้านเกษตร ซึ่งได้อานิสงฆ์ปุ๋ยเคมีจากเขมพิมุขให้การสนับสนุนพ่วงธุรกิจกันไป
“พอๆ เถียงกับลื้อยังไงก็ไม่ชนะลื้อดิ้นไปได้เรื่อย ๆ” ประมุขของบ้านบอกปัดไม่อยากทะเลาะกับภรรยาที่ไล่ไม่เคยจนมุม เพราะอย่างนี้ล่ะธงไทจึงเอาแต่ใจทำอะไรไม่เป็นชิ้นเป็นอัน
“อ้าว...เฮียก็รู้ตัวแล้วจะมาเถียงกับอั้วทำไม” กิ่งกมลเชิดใส่สามี ร้อยวันพันปีไม่เคยเถียงชนะ ยังจะกล้าสู้เมียให้มันรู้ซะบ้างใครเป็นประมุขของบ้านตัวจริง นางโปกพัดจีบขนนกสีขาวในมือขึ้นลงอย่างอารมณ์ดี ยิ่งลูกชายหัวแก้วหัวแหวนกลับมาแล้วแบบนี้นางยิ่งมีความสุขสุยอดเข้าไปใหญ่
“คือที่อั้วเรียกพวกลื้อทั้งหลายมารวมตัวกันในครั้งนี้ เพราะเห็นว่าอาตี๋...”
“เดี๋ยวๆป๊ากรุณาอย่าเรียกอาตี๋ ขอเป็นอาไทดีกว่าหน้าผมอินเตอร์ขนาดนี้ เรียกตี๋กระไรอยู่นา” ธงไทเคยขอทั้งบิดาและมารดารวมทั้งพี่ๆ ห้ามเรียกอาตี๋ต่อหน้าคนอื่นให้เรียกธงไท หรือไทว่ากันไปยืดอกพกความภูมิใจขึ้นมาอีกโข
“นั่นไงลูกมันย้อนความผิดของลื้ออากิ่งลื้อทำลูกออกมาหน้าอินเตอร์ขนาดนี้ อั้วที่เป็นป๊ายังทำใจลำบากตกลงใช่ลูกอั้วไหม” ธนดลวกมาหาภรรยาต่อให้ไม่ตรวจดีเอ็นเอก็มั่นใจว่าธงไทคือลูกชายของคนทั้งคู่ แต่ที่หน้าอินเตอร์กระเดียดไปทางลูกครึ่งฝรั่งนั้นก็ช่วยไม่ได้หาคำตอบไม่ได้ด้วยซ้ำ เรื่องนี้เลยถูกปัดไปปล่อยให้เป็นความโชคดีของธงไท ที่ดันเกิดมาหล่อผิดตระกูล ก็เพราะหล่อนี่ล่ะลูกชายคนเล็กแห่งตระกูลจึงผยองพองขน อายุสามสิบแล้วยังไม่มีแฟนเป็นตัวเป็นตน หนำซ้ำยังทำตัวเป็ชาวเกาะพ่อแม่รับประทานอยู่ร่ำไป ร้อนถึงผู้เป็นบิดาจำต้องเรียกประชุมทั้งครอบครัว
“เฮียพูดอย่างนี้ไม่สวยเลยนะ ร่วมทำมาด้วยกันแท้ๆ”
“ใครจะไปรู้ลื้อสวยขนาดนี้ อั้วก็เข้าใจผิดบ้างสิเผื่อมีใครมาต่อแขนต่อขาให้อาไท”
“ป๊ากับม้าพอเถอะครับเข้าเรื่องประชุมได้แล้วผมจะได้ไปนอนต่อ” ตั้งแต่กลับมาถึงบ้านเมื่อคืน เขาพยายามปรับตัวให้เข้ากับอากาศร้อนอบอ้าวของเมืองไทย ด้วยการนอนอุตุในห้องร่วมหลายชั่วโมงเย็นฉ่ำกับความเย็นของเครื่องปรับอากาศประสิทธิภาพสูง
“พอทีเข้าเรื่องที่อั้วเรียกพวกลื้อมาประชุมก็เพราะอั้วต้องการพูดเรื่องอาไท” ทุกคนต่างตั้งใจฟังผู้บริหารคนใหม่ที่ธนดลวางตัวไว้ไม่ใช่ใครที่ไหนนอกจากธงไท ทายาทสืบสกุลเพียงผู้เดียวครอบครัวนี้มีลูกห่างกว่าจะได้ธงไทสมใจก็รอสี่ห้าปีธงไทห่างจากพี่สาวคนรองสี่ปี ครอบครัวเกือบหมดหวังได้ลูกชายไว้สืบสกุล แต่ปาฏิหาริย์ได้เกิดขึ้นเมื่อกิ่งกมลท้องลูกคนที่สามแล้วไปอัลตร้าซาวด์พบว่าได้ลูกชาย
จากนั้นครรภ์นี้ของกิ่งกมลจึงถูกประคบประหงมพิเศษ พอคลอดออกมาคนทั้งบ้านก็ยิ่งหวงแหนธงไทเป็นเงาตามตัวจนทำอะไรเองไม่เป็น คราวนี้มาตรการที่ธนดลในภาวะความเป็นผู้นำครอบครัวใช้วางกับลูกชายจอมอ้อนได้ถูกคิดไว้อย่างรอบคอบแยบยลตามกุศโลบาย ผู้เป็นบิดา แล้วตอนนี้กำลังจะถูกแถลงการณ์กลางที่ประชุมสมาชิกในครอบครัว
“ว่าแต่เรื่องมันซีเรียสขนาดนั้นเลยหรือป๊า ดูหน้าป๊าสิอย่างกับเรียกผู้ถือหุ้นประชุมบอร์ดไม่ปาน”
“ทั้งหมดมันขึ้นอยู่ที่ว่าลื้อจะซีเรียสหรือเห็นเป็นเรื่องตลกอาไท”
“เกี่ยวกับผมโดยตรงว่างั้น ว่าแล้วเชียวผมกลับมาต้องไม่ได้พักอย่างแน่นอน” ธงไทชี้นิ้วเข้าหาตัวเองหลังจากจัดทรงผมให้เข้าที่เข้าทางอย่างที่พอทำได้
“ลื้อไปเริงร่าตั้งหกปีตอนนี้หมดเวลาร่าเริงของลื้อแล้วอาไท” ผู้เป็นบิดาปรายตาไปทางบุตรชาย ถ้าไม่ดัดนิสัยมีหรือธงไทจะสำนึก จะเล่นชวนหัวไปวันๆได้อย่างไร นี่หรือทายาทสืบตระกูลเขมพิมุข รู้ถึงไหนอายถึงนั่น ในฐานะทายาทรุ่นสามไม่มีวันยอมให้โรงงานผลิตปุ๋ยเคมีที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยต้องมาล่มสลาย ในยุคของธงไทอย่างแน่นอน
“หกปีผมนึกว่าหกเดือนนะเนี่ย” บุตรชายสุดสวาทเล่นลิ้นจนน่าแพ่นกบาล
“อาไท...” ธนดลปรามบุตรชายเสียงต่ำอันทรงพลังอำนาจความเป็นผู้นำตระกูลมั่งคั่งร่ำรวยระดับประเทศ “ลื้อมีหน้าที่ฟังอั้วอย่างเดียวห้ามโต้แย่งใดๆ จนกว่าอั้วจะแถลงการณ์จบ จากนั้นอั้วจะอนุญาตให้ลื้อได้โต้แย้ง”
“โต้แย่งแล้วป๊าจะฟังผมหรือ”
“ขึ้นอยู่กับเหตุผลของลื้อ ตกลงลื้อจะฟังไหมหรือจะเถียงกับอั้ว”
“ฟังครับ”
“ลื้อนี่เถียงเก่งตั้งเด็กยันโต ตอนนี้อายุสามสิบแล้วนา ลื้อยังเล่นเป็นเด็กแล้วอย่างนี้อั้วจะวางใจยกกิจการที่ใหญ่ที่สุดซึ่งเป็นลากเหง้ามาตั้งแต่บรรพบุรุษให้ลื้อบริหารงานได้อย่างไร เข้มแข็งวางมาดเป็นผู้นำหน่อยรู้จักไหมภารวะผู้นำน่ะ”
จากนั้นธนดลก็เริ่มเปิดแถลงการณ์ต่อหน้าสมาชิกในบ้านที่มากันครบถ้วนไม่ขาดไม่เกิน หากไม่รวมไปถึงบรรพบุรุษ คนที่มีหน้าที่ฟังได้แต่อ้าปากค้าง คิ้วกระแทกกันราวกับนั่งฟังเรื่องประหลาดที่สุดในชีวิต ผู้เล่าก็เล่าด้วยท่าทางมุ่งมั่น ไม่หวั่นไหวกับเสียงประท้วงที่ดังต่อเนื่องเป็นพักๆ จะจากใครล่ะก็จากกิ่งกมลและธงไทที่ถูกผูกเกี่ยวกับเรื่องนี้โดยตรง ประมุขของบ้านห้ามใครโต้แย้งจนกว่าเขาจะพูดจบทั้งหมดทั้งมวล
หลังจากฟังเรื่องราวทั้งหมดจากปากบิดา ผู้มีผลกระทบโดยตรงกับชีวิตธงไทเขาอึ้งไปราวสามวินาทีในใจรวบรวมข้อโต้แย้งกับบิดาอยู่ในใจ งัดเอาความออดอ้อนกะล่อนออกมาเจรจาเขามีตัวช่วยเพียงหนึ่งเดียวที่มีอำนาจเทียมบิดาคือมารดา ทว่าคราวนี้บิดาค่อนข้างเสียงแข็งมากท่าทางมารดาผู้ทรงอิทธิพลอาจช่วยอะไรไม่ได้ในกรณีนี้
“ป๊าทำแบบนี้ได้ไงครับ ให้ผมไปเป็นลูกน้องคนอื่นจนกว่าผมจะดูแลตัวเองได้” ธงไทโวยหน้าเง้าหน้าง้ำ
“นั่นสิอาเฮียให้อาไทไปอยู่แบบนั้น ซ้ำไม่มีกำหนดแบบนี้อาไทไม่แย่เหรอ” กิ่งกมลพยายามค้าน
“ก่อนที่ลื้อจะเป็นหัวหน้าใคร ก่อนที่ลื้อจะเป็นผู้บริหารลื้อต้องรู้จักการทำงานของพนักงานระดับล่างซะก่อน” ธนดลบอกวัตุประสงค์ที่คิดดัดนิสัยบุตรชาย
“แล้วทำไมป๊าไม่ให้ผมใช้วุฒิปริญญาโทสมัครงานล่ะครับ” บุตรชายผู้เตร็ดเตร่ต่อรอง วุฒิปริญญาโทปลายแถวแต่ก็ยังได้ขึ้นชื่อว่าปริญญาโทจากเมืองนอก ย่อมภาษีดีกว่าใครอีกหลายคน
“บอกแล้วไงลื้อต้องเริ่มต้นจากระดับปฏิบัติการจริงๆ เรียนรู้ทุกอย่างในการเป็นลูกน้อง เรียนรู้การทำงานที่สามารถจะก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำซะก่อน” นั่นล่ะคือความต้องการสอนลูกทางอ้อม
“อาเฮียลื้อใจร้ายกับลูกแกล้งลูกอย่างเลือดเย็น” กิ่งกมลไม่อยากให้บุตรชายหัวแก้วหัวแหวนไปตรากตรำจึงแย้งความคิดสามี
“อากิ่งอั้วหวังดี สักวันอาไทอีจะเข้าใจในสิ่งที่อั้วจัดการให้ในครั้งนี้ ลื้อจะเอายังไงอาไทระหว่างไปเป็นเบ้คนอื่นจนกว่าลื้อจะประพฤตตัวดีหรือลื้อจะไม่ไป” บิดาขอคำตอบเพราะบทสั่งสอนอันแท้จริงบยังไม่ถูกงัดออกมากำหลาบคนหัวดื้อเอาแต่ใจ
“ผมไม่ไหวป๊า” ธงไทตอบรับหน้าระโหย เขาปฏิเสธข้อเสนอที่ไม่เป็นธรรมที่สุดของบิดา