บท
ตั้งค่า

บทที่ 3 ตลาดมืดโยว่หลัน

จ้าวหยวนโจวพลิกกาย และนอนดิ้นไปดิ้นมาแทบจะตลอดทั้งคืน ด้วยความที่ต่างบ้านต่างเมืองมาไกล อีกทั้งความเป็นอยู่ก็ไม่ค่อยสุขสบายมากเท่าไรนัก เพราะเมืองเหลียนเจียงทั้งกันดาร มิหนำซ้ำยังอยู่ห่างไกลความเจริญ ไม่เหมือนจวนขุนนางของผู้เป็นบิดาที่เต็มไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกและบ่าวรับใช้มากมาย

เมื่อไม่อาจข่มตาหลับได้อีกต่อไป เขาจึงหยัดกายลุกขึ้นด้วยความเมื่อยล้า พร้อมกับบิดกายไล่ความเกียจคร้านออกไป เป็นจังหวะเดียวกับที่โม่วโฉวเดินเข้ามาเพื่อปรนนิบัติรับใช้ดังเช่นทุกวัน

“คุณชาย เหตุใดถึงได้ตื่นเช้านัก” โม่วโฉวมองใบหน้าของผู้เป็นนายด้วยความฉงน

“เตียงนี่แข็งเสียยิ่งกว่าหิน หลังของข้าร้าวระบมไปหมดแล้ว” จ้าวหยวนโจวนิ่วใบหน้าอีกครั้ง หลังจากที่เอี้ยวตัวคลายความเมื่อยขบ

“รายงานนายท่านดีหรือไม่ขอรับ” โม่วโฉวออกความคิดเห็น

“ไม่ต้อง ข้าไม่อยากให้ท่านพ่อเข้ามาวุ่นวาย”

“ขอรับ”

“เตรียมน้ำให้ข้าที ข้าจะไปเยือนที่ว่าการสักหน่อย”

จ้าวหยวนโจวเหยียดกายขึ้นเต็มความสูง ก่อนจะเอ่ยปากบอกกับโม่วโฉว บ่าวรับใช้ข้างกายด้วยสายตาที่ทอประกาย

“คุณชาย คุณชายไม่ได้...” เขาเว้นวรรคเอาไว้เพียงเท่านั้น

“ไม่ได้เป็นปลาเค็มใช่หรือไม่”

จ้าวหยวนโจวเหยียดยิ้มกว้างด้วยความเจ้าเล่ห์ให้กับโม่วโฉว ส่งให้อีกฝ่ายขนลุกขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

“ขอรับ” โม่วโฉวยอมรับออกไป เมื่อเขาคิดเช่นนั้นจริง ๆ

“อยู่กับข้ามานาน เจ้าคิดว่าคนอย่างข้าจะกลายเป็นปลาเค็มได้อย่างง่ายดายเช่นนั้นเลยหรือ หึ” ดวงตาคมคายของเขาผุดความร้ายกาจ ที่ซุกซ่อนเอาไว้ขึ้นมา แม้แต่โม่วโฉวยังต้องหลบสายตาที่ดุดันคู่นั้น

“แล้วเหตุใด...”

“เอาล่ะเลิกถามได้แล้ว ข้ามีเหตุผลของข้า เอาไว้สักวันเจ้าจะรู้เอง”

จ้าวหยวนโจว ยกมือปฏิเสธที่จะตอบคำถามแก่โม่โฉว ก่อนที่เขาจะจัดการชำระร่างกายจนสะอาดสะอ้าน แล้วสวมใส่อาภรณ์สีกรมท่าปักลายเล็ก ๆ ด้วยความเรียบง่าย เรือนผมดำขลับถูกมวยรวบสูงสวมด้วยกวานประดับอัญมณีสีเดียวกันกับอาภรณ์

ร่างสูงสง่าเดินออกจากจวนนายอำเภอด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม อารมณ์ดี แต่ทว่าสายตาของเขากลับสอดส่าย มองไปโดยรอบด้วยความพินิจพิเคราะห์ละเอียดยิบทุกซอกมุม

จวนของนายอำเภอแห่งนี้

ตั้งอยู่ทางด้านหลังของที่ว่าการ เขาจึงใช้เวลาไม่นานเท่าไร ก็สามารถเข้ามาสู่อาณาเขตของที่ว่าการได้แล้ว พ่อบ้านเยียนฟานรีบเข้ามาทักทายเขาในทันทีที่มองเห็น

“คารวะใต้เท้า ทำงานวันแรกก็มาแต่เช้าเลยนะขอรับ วันนี้ใต้เท้าจะเริ่มสะสางคดีเก่าที่ค้างคาเลยดีหรือไม่”

พ่อบ้านประจำที่ว่าการเอ่ยขึ้นเสียยาวเหยียด ส่งให้นายอำเภอหนุ่มยกมือขึ้นปิดปากแล้วหาวออกมาอย่างเสียมารยาท

“เปล่า ข้าแค่หิวก็เท่านั้น เห็นทีพ่อบ้านเยียนคงลืมไปแล้วกระมังว่าข้ามีเพียงโม่วโฉวเท่านั้น ไม่ได้พาพ่อครัวมาจากเมืองหลวงเสียด้วยสิ”

จ้าวหยวนโจวเอ่ยปากเหน็บแนม ก่อนจะลูบท้องราวกับคนหิวโหย แสดงละครขึ้นมาเมื่อต้องอยู่ต่อหน้าผู้คนมากมาย แล้วก็เป็นดังที่คิดเอาไว้ ทุกคนภายในที่ว่าการเอาแต่ส่ายหน้า หรือไม่ก็เบือนหน้าหนีนายอำเภอปลาเค็มผู้นี้กันทั้งนั้น

"ขออภัยใต้เท้า ข้าลืมไปเสียสนิท ประเดี๋ยวข้าจะให้พ่อครัวของที่ว่าการปรุงอาหารมาให้นะขอรับ" พ่อบ้านรีบเอ่ยปากบอกด้วยความลนลาน

“ไม่เป็นไร พวกเจ้ากินอะไรข้าก็กินสิ่งนั้น แต่ว่าพบเจอกันครั้งแรก ไม่ควรร่วมวงรับประทานอาหาร สนทนาทำความรู้จักกันสักนิดเลยหรือ” จ้าวหยวนโจวเสนอความคิดเห็น ที่พาให้ทุกคนส่งรอยยิ้มเจื่อนมาให้อย่างถ้วนหน้า

“ขะ...ขอรับ”

พ่อบ้านเยียนฟานและคนอื่น ๆ ต่างพากันไปจัดเตรียมอาหารสำหรับการต้อนรับนายอำเภอคนใหม่ด้วยความรีบร้อน เพราะกลัวว่าจะปฏิบัติไม่ถูกใจผู้เป็นนาย

จ้าวหยวนโจวถือโอกาสนี้สำรวจที่ว่าการอำเภออย่างละเอียด เขาและโม่วโฉวเดินเข้ามายังห้องโถงกว้างที่ดูเหมือนว่าจะเป็นห้องทำงานของนายอำเภอคนก่อน

ด้านในมีโต๊ะทำงานวางอยู่ตรงกลางห้อง บนโต๊ะตัวนั้นเต็มไปด้วยหนังสือบันทึกคดีอยู่กองพะเนิน ราวกับรอคอยให้เขาจัดการสะสาง ส่วนด้านหลังสามารถเปิดบานประตูออกไป จนพบกับสระน้ำขนาดเล็กและต้นดอกเหมยที่บานสะพรั่ง

ฝ่ามือหยาบหยิบเล่มที่วางอยู่ด้านบนสุดขึ้นมา แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้เปิดหนังสือบันทึกการสืบคดี พ่อบ้านก็ส่งเสียงดังขึ้นขัดจังหวะ ทำให้เขาต้องรีบวางบันทึกเล่มนั้นลงอย่างไม่ใส่ใจและไม่คิดจะเปิดอ่านเลยแม้แต่น้อย

“ใต้เท้า อาหารพร้อมแล้วขอรับ”

“อืม”

จ้าวหยวนโจวเดินตามพ่อบ้านไปอย่างเงียบ ๆ ก่อนจะก้าวเท้าเข้าไปภายในห้องโถงใหญ่ ที่ยามนี้มีทั้งมือปราบ นักสืบศพ อาลักษณ์และคนอื่น ๆ นั่งล้อมโต๊ะเพื่อรอรับประทานอาหารกับนายอำเภอคนใหม่แห่งเหลียนเจียง ด้วยสายตาเลิ่กลั่ก และรู้สึกเกร็งขึ้นมาเพราะไม่รู้ว่าจะต้องทำตัวเช่นไรถึงจะถูกใจใต้เท้าผู้มาใหม่

“ทุกท่านตามสบายเถอะ ข้ารับตำแหน่งวันแรกยังต้องขอคำแนะนำจากทุกท่าน” จ้าวหยวนโจวยิ้มกว้างก่อนจะก้มหน้า เพื่อคีบอาหารใส่ถ้วยข้าวของตัวเอง

แต่ทว่าเมื่อสายตาได้มองเห็นอาหารที่วางอยู่เรียงราย เขาก็รู้สึกจุกแน่นบริเวณหน้าอกขึ้นมาแบบบอกไม่ถูก ‘นี่เรียกว่าอาหารอย่างนั้นหรือ’

“ใต้เท้า ท่านรับประทานได้หรือไม่ หากไม่ ข้าจะให้พ่อครัวทำให้ใหม่นะขอรับ” พ่อบ้านเห็นท่าไม่ดี จึงได้เอ่ยขึ้น

“ได้สิ สบายมาก”

จ้าวหยวนโจวคีบเนื้อแห้ง ชนิดที่ว่าแทบจะมีแต่กระดูกขึ้นมากัดกิน มันทั้งเหนียวทั้งแข็ง มิหนำซ้ำยังมีรสชาติเค็มจัดจนแสบลิ้น ข้าวก็แห้งเสียจนติดคอ ผัดผักก็เหม็นเขียวขึ้นจมูก เห็นทีเบี้ยหวัดที่ใช้จ่าย ภายในที่ว่าการแห่งนี้คงจะขัดสน จนไม่เพียงพอที่จะซื้อวัตถุดิบดี ๆ มาปรุงอาหาร หรือแม้กระทั่งไม่มีเงินพอที่จะจ้างพ่อครัวมากฝีมือมาปรุงอาหารให้มีรสชาติถูกปาก

“พ่อบ้านเยียน พวกท่านกินอาหารกันน้อยนิดเช่นนี้จะมีแรงทำงานกันได้อย่างไร หากเป็นเช่นนี้ข้าคงเหนื่อยแย่ โม่วโฉวเอาเงินให้พ่อบ้านที”

เพียงแค่เขาเอ่ยปาก โม่วโฉวก็โยนถุงเงินที่เต็มไปด้วยแผ่นเงินมากมายให้กับพ่อบ้าน ส่งให้ทุกคนที่นั่งล้อมรอบโต๊ะอาหารผุดรอยยิ้มกว้าง เมื่อเห็นว่าใต้เท้ามือเติบจะทำให้อาหารการกินของพวกเขาดีขึ้น

“ขอบคุณใต้เท้า” เพียงเท่านั้นทุกคนก็เอ่ยปากขอบคุณเขาด้วยความเอาใจ

จ้าวหยวนโจววางตะเกียบลง หลังจากที่ฝืนทนกัดแทะเศษเนื้ออยู่นานจนหมดอารมณ์ที่จะรับประทานอาหารเช้า เมื่อทุกคนแยกย้ายกันออกไป เขาจึงเรียกพ่อบ้านเอาไว้ก่อน เพื่อถามไถ่ในสิ่งที่เขาต้องการอยากจะรู้

“พ่อบ้านเยียน ท่านจำสตรีที่ตกลงมาบนเกี้ยวของข้าได้หรือไม่”

“แม่นางตี้จื่อหยวนหรือขอรับ”

“นั่นกระมัง ว่าแต่ข้าจะตามหานางได้จากที่ใดกัน”

ท่าทีของพ่อบ้านเยียนนั้นราวกับว่ารู้จักกับสตรีผู้นั้นเป็นอย่างดี จึงเข้าทางเขาที่จะเอ่ยถามเพื่อสืบหาแหล่งกบดานของนาง

“ใต้เท้า ท่านอยากพบนางด้วยเหตุใด นางเป็นนักต้มตุ๋นแห่งเหลียนเจียงเลยนะขอรับ ร้ายกาจยิ่งนัก” พ่อบ้านเยียนทำท่าทางขยาดขึ้นมา เมื่อต้องเอ่ยชื่อของนาง

“เพราะอย่างนั้นแหละที่ข้าต้องรีบออกตามนางให้พบ ไม่คิดเลยว่าเพียงแค่ชั่วพริบตา นางจะสามารถฉกชิงป้ายหยกติดมือไปด้วย”

“อะไรนะขอรับ! เอ่อ ตี้จื่อหยวนผู้นี้หากินกับตลาดมืดโยว่หลัน หากใต้เท้าอยากจะตามหา เห็นทีคงต้องรอให้ค่ำมืดเสียก่อน”

พ่อบ้านบอกเขาเพียงเท่านั้นก่อนจะเดินจากไป จ้าวหยวนโจวจึงอยู่ภายในห้องทำงานของเขาภายในที่ว่าการ และแสร้งทำทีเป็นเกียจคร้านนอนวางเท้าพาดไปบนโต๊ะที่เต็มไปด้วยม้วนคดี เพื่อตบตาของคนภายในที่ว่าการอำเภอ เพราะเขาไม่รู้เลยว่าจะมีหนอนบ่อนไส้ฝังตัวอยู่ภายในที่ว่าการมากเพียงใด

ส่วนความเป็นจริงนั้น เขาได้สั่งการให้โม่วโฉวขนตำราและบันทึกคดีเหล่านี้ ไปไว้ภายในจวนนายอำเภอของเขาแล้ว ที่เห็นอยู่นี้จึงเป็นกระดาษว่างเปล่าเพียงเท่านั้น และดูเหมือนว่ามือปราบและนักสืบคดีทั้งหลายจะไม่สนใจคดีที่รอสะสางเลยแม้แต่น้อย

เพราะพวกเขาเอาแต่เล่นการพนันจนเกิดเสียงดังสนั่นเข้ามาภายในห้องทำงานของเขา จนชัดแจ้งทุกถ้อยคำสนทนา

เขาจึงตั้งใจที่จะปล่อยทุกอย่างผ่านไปราวกับไม่สนใจ นั่นเป็นเพราะมีสายตามากมายที่จับจ้องพฤติกรรมปลาเค็มของเขา หากเรื่องนี้ยังไม่ผ่านพ้นไป เขาก็ต้องเก็บงำทุกอย่างเอาไว้

เมื่อถึงเวลาพลบค่ำ จ้าวหยวนโจวก็รีบออกเดินทางด้วยรถม้าเพื่อมุ่งหน้าสู่ตลาดมืดโยว่หลันในทันที ฝ่ามือใหญ่เปิดม่านหน้าต่างเพื่อมองดูบรรยากาศรอบกาย เส้นทางของการมายังตลาดมืดนั้นดูซับซ้อนและลึกลับ แต่การมาตามคำบอกของพ่อบ้านเยียน ไม่นานเขาก็มาหยุดอยู่หน้าป้ายที่เขียนอักษรขนาดใหญ่เอาไว้ว่า ‘ตลาดมืดโยว่หลัน’

ดวงตาคมคายจ้องมองชายร่างกำยำที่ดูเหมือนว่าจะเป็นผู้ดูแลตลาดแห่งนี้ คนที่จะสามารถผ่านเข้าไปได้ จะต้องมีป้ายเงินที่สลักตราประทับเอาไว้ การแต่งกายก็เช่นกัน หากเป็นคุณชายตระกูลดีมักจะถูกปฏิเสธไม่ให้เข้าไป

“โม่วโฉว เจ้าไปจัดการหาป้ายเงินมาที เสื้อผ้าอาภรณ์แบบพวกเขาด้วยก็ดีเช่นกัน”

“ขอรับ คุณชาย”

โม่วโฉวไม่ได้เป็นบ่าวรับใช้ที่ไร้ความสามารถของเขา คนผู้นี้เปรียบเสมือนองครักษ์ฝีมือฉกาจของเขามากกว่า แม้ในบางครั้งจะตีมึนไปบ้างก็ตามที

จ้าวหยวนโจวและโม่วโฉวสวมใส่อาภรณ์ที่คล้ายกับกลุ่มโจรภูเขา ผ้าป่านหยาบแข็งทำให้เขารู้สึกระคายเคืองขึ้นมาไม่น้อย แต่ก็ต้องฝืนทน มวยผมถูกปล่อยสยายอย่างรุงรังก่อนจะโพกผ้าหยาบบนศีรษะทาบทับลงไป

ร่างสูงย่อกายลงหยิบดินบนพื้นขึ้นมาปาดลงบนใบหน้าของโม่วโฉวและใบหน้าของตัวเองเพื่ออำพรางผิวพรรณของคนเมืองหลวงเอาไว้ โดยที่โม่วโฉวได้แต่เลิกคิ้วอย่างสงสัยว่าต้องกระทำถึงเพียงนี้เลยหรือ

“ทำสีหน้าอะไรของเจ้า โม่วโฉวเจ้าเห็นคนพวกนั้นหรือไม่ มีผู้ใดบ้างที่มีผิวพรรณขาวผ่องเช่นเจ้ากับข้า ยื่นหน้ามาเร็วเข้า ข้าว่าเปื้อนอีกนิดน่าจะกำลังดี” จ้าวหยวนโจวปาดดินลงไปบนใบหน้าของโม่วโฉวแบบไม่ยั้งมือ

“คุณชาย ข้าว่าพอเถอะขอรับ ให้ข้าทาให้คุณชายบ้างจะดีกว่า ผิวของคุณชายขาวมากกว่าข้ายิ่งนัก คงต้องปกปิดมากหน่อย” โม่วโฉว

กอบดินบนพื้นขึ้นมาป้ายหน้าผู้เป็นนายของเขาราวกับต้องการเอาคืน

“เจ้าก็พอได้แล้วกระมัง โม่วโฉว” เขาเอ่ยปราม เมื่อได้กลิ่นสาบของดินอย่างรุนแรงบนใบหน้า

เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยดี พวกเขาจึงรุดหน้าเดินไปยังทางเข้าด้านหน้าของตลาดโยว่หลันในทันที ผู้คุมสองคนนั้นเหลือบมองใบหน้าของเขาสลับกับป้ายเงินอยู่นานครู่ใหญ่ ก่อนจะปล่อยผ่านให้เข้าไปด้วยใบหน้าเรียบเฉย

ตลาดมืดก็มืดสมชื่อ มีเพียงแสงสว่างจากโคมไฟประจำร้านรวงทั้งสองฝั่งเพียงเท่านั้น ตลาดแห่งนี้ทอดยาวลึกเข้าไป โดยไม่มีทีท่าว่าจะจบสิ้น กินพื้นที่ผืนป่าและภูเขาใหญ่เกือบทั้งภูเขา

สิ่งของหายาก ที่หาไม่ได้ในตลาดปกติ สำหรับที่แห่งนี้กลับมีทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นอาวุธ อวัยวะ สัตว์ประหลาดและของพื้นถิ่นที่หายากมากมาย แม้กระทั่งเครื่องประดับในราชวงศ์ก็มี

จ้าวหยวนโจวเดินผ่านไปตามทาง จนไม่รู้ว่าตัวเองเดินเข้ามาลึกเพียงใด แต่ทว่าร้านขายหยกร้านหนึ่งกลับทำให้เขาหยุดเดินกะทันหันเพราะป้ายหยกชั้นดีสลักชื่อของเขาเด่นหราถูกแขวนเอาไว้ด้านหน้าร้าน ดูท่าแล้วแม่นักต้มตุ๋นผู้นั้น คงจะขายป้ายหยกของเขาจนรับเงินไปอยู่มากโข

“เถ้าแก่ ป้ายหยกนี่ราคาเท่าไรหรือ” เขาเอ่ยถาม

“พ่อหนุ่ม ป้ายหยกนี่เป็นของขุนนางหน้าโง่คนหนึ่งเลยนะข้ารับซื้อต่อมา ราคาสูงใช่เล่น”

เถ้าแก่วัยชรายิ้มเยาะขึ้นด้วยท่าทางเจ้าเล่ห์ ตลาดมืดแห่งนี้คงจะไม่สามารถหาพ่อค้าแม่ค้าที่จริงใจได้แล้วกระมัง

“เถ้าแก่ ท่านก็พูดเกินไปนะขอรับ แต่เจ้าของป้ายหน้าโง่ที่ท่านว่านี่สิ ไหว้วานให้ข้าออกมาตามหา เขาจ่ายเงินไม่อั้น ท่านจะว่าอย่างไร”

จ้าวหยวนโจวชะงักไปชั่วครู่ เมื่อถูกขนานนามว่าขุนนางหน้าโง่ เห็นทีสตรีผู้นั้นคงจะป่าวประกาศอวดอ้างไปมากโข ป้ายประจำกายก็ทำหายอย่างง่ายดาย และเขาคงจะต้องจ่ายเงินมากมายเพื่อซื้อป้ายประจำกายแผ่นนี้คืนมา

เขาแค่นยิ้ม และรู้สึกคับแค้น พลางคิดในใจว่าเขาคงจะดูถูกสตรีตัวเล็กแต่มากด้วยพิษสงมากไปแล้วกระมัง ดูท่านางเจ้าเล่ห์ใช่เล่น

“จริงหรือ ไหนเงินเล่า”

เถ้าแก่ผู้นั้นทำตาวาว ลุกโชนไปด้วยความละโมบในเงินตราเขาจึงพยักหน้าให้โม่วโฉวส่งหีบที่บรรจุเงินเอาไว้ ให้เถ้าแก่ผู้นั้นดู

“ว่าแต่ บอกข้าได้หรือไม่ ว่าข้าจะตามหาสตรีผู้ที่ขายป้ายหยกให้ท่านได้จากที่ไหน ข้ารู้มาว่านางชื่อตี้จื่อหยวน”

เขาดึงมือของโม่วโฉวเอาไว้จนอีกฝ่ายชะงัก ก่อนที่เขาจะเอ่ยปาก เพื่อถามหาสตรีจอมเจ้าเล่ห์

“นังหนูตี้น่ะหรือ ยามนี้นางน่าจะเล่าละครหลอกคนหน้าโง่อยู่ทางนั้นกระมัง” เถ้าแก่ผมยาวรุงรังผายมือไปยังด้านในของตลาดมืด

‘หึ เป็นขโมยยังไม่พอ นี่ยังจะหลอกลวงคนอื่นอีกรึ’ จ้าวหยวนโจวพยักหน้าให้โม่วโฉวส่งเงินให้กับเถ้าแก่ ก่อนที่ฝ่ามือหยาบใหญ่จะคว้าป้ายหยกมาแล้วสอดเข้าไปด้านในอาภรณ์ แล้วเดินไปยังที่หมายในทันที

“พ่อหนุ่มระวังตัวเอาไว้นะ ถ้าไม่อยากเป็นคนโง่ให้นางหลอก ฮ่า” เสียงหัวเราะดังตามมา ส่งให้เขาต้องขบกรามแน่น

‘ริอ่านทำให้ข้าเป็นคนหน้าโง่ในสายตาคนอื่น คอยดูข้าจะจับเจ้าขังเอาไว้ในคุกที่ว่าการ ไม่ให้เห็นเดือนเห็นตะวันเลยเชียว’
ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel