บท
ตั้งค่า

บทที่ 4 เรื่องเล่า

ภายในตลาดมืดโยว่หลัน ถือได้ว่าเป็นแหล่งทำมาหากินที่สำคัญของตี้จื่อหยวนเลยก็ว่าได้ หากนางไม่ฉกชิงเครื่องประดับมาขาย นางก็จะเล่าเรื่องราวหรือไม่ก็บทละครสั้น เพื่อหลอกลวงคนโง่เขลาให้คล้อยตาม จนนางสามารถเรียกเงินตรามากมายมาจากคนเหล่านั้นได้อย่างง่ายดาย ด้วยวาทศิลป์ชั้นเลิศที่ทำให้ผู้อื่นคล้อยตาม

ทว่าวันนี้นางไม่อาจปรากฏตัวต่อหน้าของผู้คนภายในตลาดในยามปกติได้ นั่นก็เป็นเพราะว่า เมื่อวานนางได้สร้างความวุ่นวายให้กับนายอำเภอคนใหม่ มิหนำซ้ำยังขโมยป้ายหยกประจำกายของเขามาขายต่อยังตลาดมืด หากนางโผล่หัวออกไปให้คนจากที่ว่าการเห็น เห็นทีคงจะต้องถูกจับขังคุกเป็นแน่

ร่างบางนั่งงอเข่าฟุบใบหน้าลงไปด้วยความเศร้าสร้อย ในยามนี้สมองของนางตื้อตันไปเสียหมด จะเล่าเรื่องเดิมซ้ำ ๆ เห็นทีคงจะไม่สามารถหลอกเอาเงินจากผู้คนที่เดินไปเดินมาในที่แห่งนี้ได้

“เฮ้อ...” นางถอนหายใจออกมาด้วยความเหนื่อย

“แม่นางตี้ วันนี้ไม่มีเรื่องเล่าหรือ” ท่านลุงร้านขายอาวุธเอ่ยถามขึ้นมา เมื่อเห็นว่านางยังไม่เริ่มเรียกคนเข้ามาฟังเรื่องเล่า

“ท่านลุง วันนี้สมองของข้าช่างทึบเสียเหลือเกินเจ้าค่ะ”

“เห็นเถ้าแก่ร้านนู้นบอกว่าเจ้าได้ป้ายหยกขุนนางมาไม่ใช่หรือ ไม่ลองเล่าความโง่เขลาของคนผู้นั้นดูเล่า...” ท่านลุงเสนอความคิดที่ทำให้นางฉุกคิดขึ้นมาได้

“จริงด้วยสิ ท่านลุง ข้าขอบใจท่านลุงมาก ๆ เจ้าค่ะ” ท่านลุงผู้นั้นส่งยิ้มให้กับนางด้วยความอ่อนโยน

เเก๊ง ๆ

ตี้จื่อหยวนเคาะระฆังภายในมือ เพื่อให้ผู้คนที่อยู่ภายในบริเวณนั้นหันมาให้ความสนใจ และเมื่อเห็นว่าเป็นนางทุกคนจึงทยอยกันเข้ามาห้อมล้อมนางเอาไว้

“แม่นาง วันนี้จะเล่าเรื่องใดเล่า”

“นั่นสิ ข้าลุ้นนัก”

การเล่าเรื่องราวหรือบทละครภายในตลาดมืด สามารถเรียกเงินได้ไม่น้อย เพราะคนส่วนใหญ่ในที่แห่งนี้มักจะไม่ได้ออกไปใช้ชีวิตดังเช่นคนปกติเท่าไรนัก จึงไม่แปลกที่พวกเขาจะชอบฟังเรื่องเล่าของคนที่ใช้ชีวิตอยู่บนที่แจ้ง

“ฮ่า เมื่อวานนี้ข้าได้เจอกับนายอำเภอคนใหม่แห่งเหลียนเจียงน่ะสิ พวกท่านคิดว่าเขาเป็นคนอย่างไร” ตี้จื่อหยวนรีบเล่าเรื่อง เป็นการเกริ่นนำกระตุ้นความอยากรู้ขึ้นมาในทันที

“จริงด้วยสิ ข้าก็ได้ยินแว่ว ๆ ว่าเหลียนเจียงส่งขุนนางมาเป็นนายอำเภอ เขาเป็นเช่นไรเล่า”

ทุกคนที่ห้อมล้อมนางเอาไว้ ต่างมีสีหน้าที่ตื่นเต้นและเต็มไปด้วยความอยากรู้ ทำให้ตี้จื่อหยวนผุดรอยยิ้มขึ้นที่มุมปาก ก่อนที่นางจะเริ่มเล่าเรื่อง นางก็รีบกางผ้าเพื่อรับเงินในทันที

“อืม ตามธรรมเนียม หากอยากจะฟังเรื่องราวที่ข้าจะเล่าพวกท่านก็โยนเงินลงมาเลยนะเจ้าคะ หากถูกใจจะให้เพิ่มก็ได้เจ้าค่ะ”

ผ้าผืนใหญ่ถูกวางลงบนพื้น หลังจากนั้นก็มีทั้งแผ่นเงิน แผ่นทอง และของมีค่าอีกมากมายโยนลงมา เพื่อซื้อในสิ่งที่ต้องการอยากจะรู้

“เล่าต่อเร็วเข้า” เสียงเร่งเร้า เริ่มดังมากขึ้นเรื่อย ๆ

“เรื่องที่ข้าจะเล่า มีชื่อว่า นายอำเภอปลาเค็ม”

เหลียนเจียง เมืองห่างไกลและกันดาร หลังจากที่นายอำเภอคนเก่าตายจากไป ทางราชสำนักก็ส่งนายอำเภอคนใหม่มา ท่ามกลางแสงแดดที่เจิดจ้า นายอำเภอผู้นี้หาได้นั่งเกี้ยวด้วยความสง่า แต่ด้วยความเกียจคร้านทำให้เขาเหยียดกายพาดลำตัวไปกับเกี้ยว พร้อมกับกระดิกเท้าด้วยกิริยาต่ำช้า และใบหน้าที่อวดดี ราวกับว่าทุกคนในเหลียนเจียงต้องก้มหัวให้กับเขา

“ข้าว่าเขาต้องเป็นขุนนางคิดคดทรยศแน่ ๆ มาไม่ทันไรก็อวดเบ่งอำนาจเสียแล้ว” เสียงของผู้คนแสดงความเห็น

“ชู่ ๆ แต่ข้าไม่คิดเช่นนั้น ขุนนางผู้นี้เป็นถึงนายอำเภอแต่กลับหวาดกลัวเจ้าหัวโล้นที่วิ่งไล่จับข้า มีอย่างที่ไหนกัน ข้าว่าเขามาที่นี่เพื่อหาความสบายเสียมากกว่า”

“หน้าตาของเขาเล่า เป็นเช่นไร”

“อืม ใบหน้าจัดได้ว่าเป็นบุรุษที่มีรูปโฉมงดงาม หล่อเหลา ร่างกายกำยำล่ำสัน อีกทั้งกล้ามอกก็แน่นดี เอ่อ... ก็ดูดีใช้ได้ เพียงแต่ดูหน้าโง่ไปหน่อยก็เท่านั้น มีอย่างที่ไหน ตอนที่ข้าปลดป้ายหยกบนตัวของเขา คนผู้นั้นก็ยังไม่รู้สึกตัวเลยสักนิด”

ตี้จื่อหยวนทำหน้าเคลิบเคลิ้ม เมื่อถึงใบหน้าได้รูปของคนผู้นั้น แต่นางกลับต้องสลัดความคิดออกไป

“นั่นสิ เป็นถึงขุนนางชั้นสูง หากไม่มีป้ายประจำตำแหน่งจะสั่งการได้อย่างไร ดูก็รู้ว่านายอำเภอผู้นี้ ก็คือปลาเค็มดี ๆ นั่นเอง”

“จริงด้วย”

“เหลียนเจียงคงจบสิ้น หากมีคนผู้นั้นเป็นนายอำเภอ”

ตี้จื่อหยวนเอ่ยขึ้นท่ามกลางเสียงมากมาย ที่กำลังทำนายอนาคตของนายอำเภอคนใหม่กันอย่างสนุกปาก

“ก่อนที่ข้าจะจบสิ้น ก็ขอให้ข้าจับนักต้มตุ๋นอย่างเจ้าเข้าคุกของที่ว่าการก็ถือว่าคุ้มค่า อ่อ ที่พวกท่านหาว่าข้าหน้าโง่ ข้าว่าเป็นพวกท่านมากกว่ากระมังที่โง่เขลา จนถึงขั้นยอมจ่ายเงินมากมายมาฟังเรื่องไร้สาระที่ออกจากปากของนาง”

เสียงทุ้มเข้มดังขึ้นท่ามกลางเสียงเซ็งแซ่ ไม่นานเสียงเหล่านั้นก็เงียบสนิท ก่อนที่พวกเขาจะพากันหันไปมองผู้มาเยือนใหม่ด้วยสายตาเดียวกัน

ตี้จื่อหยวนยืนนิ่ง ร่างเล็กแข็งทื่อ แต่ไม่ลืมที่จะเอื้อมฝ่ามือไปหยิบห่อผ้าที่เต็มไปด้วยเงินมาไว้แนบอก พร้อมกับเตรียมตัวที่จะออกวิ่งในทันที

เสียงนั้นเป็นเสียงที่นางจดจำได้ดี แม้ว่าในวันนี้เขาจะอยู่ในอาภรณ์ซอมซ่อ ใบหน้าสกปรกมอมแมม แต่นั่นไม่อาจบดบังความหล่อเหลาที่ทะลุออกมาเลยแม้แต่น้อย โดยเฉพาะดวงตาที่ทรงเสน่ห์คู่นั้น

“นะ...นายอำเภอ!” นางอดไม่ได้ที่จะโพล่งออกไป

“อะไรนะ เขาคือนายอำเภออย่างนั้นหรือ ตี้จื่อหยวนพวกข้าไม่เกี่ยวนะ เป็นเจ้าต่างหากที่ขายเรื่องของเขา”

“นังคนหลอกลวง เอาเงินของพวกข้าคืนมานะ ข้าไม่เกี่ยว”

เมื่อภัยมาเยือนต่อหน้า ผู้คนมากมายบริเวณนั้น ก่อนหน้านั้นยังอยากจะรู้เรื่องราวของเขา จนต้องโยนเงินมากมายเพื่อฟังเรื่องราว แต่ยามนี้กลับรู้หลบหลีกกันอย่างถ้วนหน้า

“อะ...อ้าว เมื่อกี้พวกท่านยังบอกว่าอยากรู้อยู่เลยนี่นา”

“เอาล่ะ ข้าไม่เอาผิดพวกท่าน ที่ข้ามาวันนี้ เพราะข้ามาตามจับหัวขโมย ที่ขโมยป้ายหยกของข้ามาขายยังตลาดมืดต่างหาก พวกท่านไม่เกี่ยวก็ถอยออกไปเถอะ”

จ้าวหยวนโจวดึงผ้าคาดผมออก หลังจากที่เขารู้สึกคันมานานเพราะความสกปรกของเจ้าของร่างที่โม่วโฉวขโมยมา และในยามนี้เขาไม่ต้องปิดบังตัวตนอีกต่อไป

“กรี๊ด รูปงามนัก ไม่คิดเลยว่าเหลียนเจียงจะมีนายอำเภอรูปงามถึงเพียงนี้”

“ตี้จื่อหยวน เรื่องนี้ข้าให้อภัย ที่เจ้ากล่าวมาไม่เกินจริง!”

เพียงแค่นายอำเภอจ้าวหยวนโจวเปิดเผยใบหน้าที่แท้จริงเสียงกรีดร้องของสตรีในบริเวณนั้นก็ดังขึ้นระงม พร้อมกับใบหน้าเพ้อฝันที่ทำให้ตี้จื่อหยวนถึงกับต้องบุ้ยปาก แต่ก็นั่นแหละ จังหวะที่ดีเช่นนี้นางจะไม่รีบหนีได้อย่างไรกัน

“เช่นนั้นเงินนี่ก็สมควรเป็นของข้า ไปก่อนนะ พวกเจ้าก็ชื่นชมเขาให้มาก ๆ ก็แล้วกัน”

“ตี้จื่อหยวนเจ้าจะหนีไปไหน!” จ้าวหยวนโจวตะโกนขึ้นในทันทีที่เห็นว่าสตรีจอมวายร้ายวิ่งหนีไปเสียแล้ว

“หากข้าอยู่ข้าก็โง่น่ะสิ ไปก่อนนะเจ้าคะ นายอำเภอสุดหล่อ”

ตี้จื่อหยวนผินใบหน้ากลับมา พร้อมกับขยิบตาส่งให้กับเขา ก่อนที่จ้าวหยวนโจวจะออกตัววิ่งฝ่าฝูงชนตามนางไปในทันที

“หยุดนะ!”

จ้าวหยวนโจวและโม่วโฉววิ่งตามนางไป สตรีผู้นี้เก่งกาจเสียยิ่งนัก ดูเหมือนว่านางจะมีวรยุทธ์ติดตัวด้วยเช่นกัน ร่างเล็กกระโดดลอยขึ้นจากพื้นด้วยความว่องไว

จ้าวหยวนโจวตามสตรีผู้นั้นไปติด ๆ จนเขาประชิดร่างบางแต่นางกลับส่งแรงปะทะต่อสู้กับเขาเสียอย่างนั้น นางไม่ได้มีแค่วิชาตัวเบาชั้นเลิศ แต่ฝ่ามือของนางเต็มไปด้วยแรงพลังและกำลังภายในราวกับว่าถูกฝึกฝนมาเป็นอย่างดี

มิน่าเล่านักต้มตุ๋นเช่นนางถึงไม่ได้มีความหวาดกลัวชายร่างฉกรรจ์ในวันนั้นเลยแม้แต่น้อย นางแค่ต้องการหลบหนีเพื่อลดแรงปะทะเพียงเท่านั้น

“ยอมให้ข้าจับเสียดีกว่านะแม่นาง โทษของเจ้าจะได้เบาบางลง” เขาพยายามที่จะเกลี้ยกล่อมตี้จื่อหยวน แต่ทว่านางยังคงดื้อดึงที่จะต่อกรกับเขา

อั่ก

ตี้จื่อเหยียนรู้สึกเจ็บบริเวณข้อเท้าขึ้นมาจนเริ่มพะวง ยามนี้นางไม่สามารถที่จะตั้งรับฝ่ามือของเขาได้ แรงนั้นจึงกระทบกับไหล่บางเต็มแรง จนร่างบอบบางหงายหลังล้มลงบนพื้น แต่เมื่อจะหยัดกายลุกขึ้นเพื่อหลบหนี ฝ่ามือหยาบใหญ่ก็จับลงบนข้อมือเล็กกิ่วของนางเสียแล้ว

“โอ๊ย ข้าเจ็บนะ”

ตี้จื่อหยวนร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ข้อเท้าก็รวดร้าวมากพออยู่แล้ว นี่นางยังจะต้องเจ็บตัวเพราะแรงมือของเขาอีกหรือ

“เฮ้อ กว่าจะจับได้ เหนื่อยชะมัด”

จ้าวหยวนโจวถอนหายใจ หน้าอกแกร่งของเขากระเพื่อมขึ้นลงด้วยความเหน็ดเหนื่อย ริมฝีปากหยักเหยียดเป็นเส้นตรง เมื่อตี้จื่อหยวนถูกเขาจับกุมเอาไว้ได้ แต่ทว่ายังไม่ทันที่เขาจะหายเหนื่อย ความเยียบเย็นจากปลายดาบกลับถูกวางพาดอยู่บนลำคอของเขาจนสัมผัสได้

“ปล่อยนาง เดี๋ยวนี้!”
ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel