บทที่ 5
คำเอ่ยรำพึงนั้น ทำให้ธีรัชที่เดินกรายออกมาถึงกับชะงัก เขาหลุดคำถามออกมาอย่างไม่ตั้งใจ
“แฟน? ยัยลูกหนูนี่นะมีแฟน”
“มีสิครับ แหมพี่ลูกหนูของผมสวยออกจะตายไป ทำไมจะไม่มี”
ก้อยกุ้งทำหน้าเชิดใส่ธีรัชและอวดสรรพคุณแฟนอีกฝ่ายให้ฟังทันที
“คุณหมอมาร์คน่ะ ทั้งหล่อ ทั้งรวย เป็นถึงเจ้าของโรงพยาบาลเอกชนในจังหวัด สาวๆ งี้ติดกันตรึม แต่ขอโทษครับ ลูกพี่ผมสอยมากิน ฮ่าๆ”
“อ้อ...”
ธีรัชพยักหน้า เขาชักจะอยากเห็นหน้าแฟนของยัยเด็กแสบนี่ขึ้นมาตงิดเสียแล้วสิ ว่าจะหน้าตาเป็นแบบไหนกัน คิดแล้วก็แสร้งทำเป็นรีรออยู่สักพัก พอก้อยกุ้งเดินกลับมายังเรือนใหญ่ เขาก็ออกเดินตามมาติดๆ ทำทีเป็นชมนำชมไม้ ก้มมองนาฬิกาข้อมือที่บอกเวลาเกือบห้าโมงเย็นแล้ว เดี๋ยวก็ได้เวลารับประทานอาหารค่ำ ผู้เป็นลุงกำหนดเวลาตั้งโต๊ะของบ้านไว้อย่างตายตัว
เขาเห็นว่ารินทร์รญา อยู่ที่ซุ้มชิงช้าไม้ มีชายหนุ่มร่างสูงสมาร์ทยืนคุยกับเธอ ท่าทีสนิทสนมโดยหันหลังให้เขา ธีรัชยืนกอดอกค่อยแอบมองคนทั้งคู่ ดูท่าทางจะมีความสุขกันจริงๆ เพราะยัยตัวแสบยิ้มหน้าบานแทบไม่หุบ คุยไปหัวเราะไป ต่างจากตอนคุยกับเขานัก ที่หน้าตาบูดบึ้งทำยังกับเขาเป็นตัวน่ารังเกียจ
“แฟนยัยลูกหนู มาขอหมั้นหมายอยู่ ลุงไม่ยอมก็ห้ามไม่ได้ ได้แต่ห้ามแต่ง”
คำเปรยๆ ที่ดังขึ้นด้านหลัง ทำเอาธีรัชสะดุ้ง หน้าเป็นสีเรื่อเล็กน้อย เมื่อถูกจับได้ซึ่งหน้า ว่ามาแอบมองคู่ปรับอยู่แบบนี้
“เอ่อ...”
“ช่วยกันดูๆ หน่อยก็ดี ไอ้หมอนี่มันดูแปลกๆ ลุงน่ะก็เสือเก่า แกน่ะก็เสือพอตัวล่ะธาม ลุงว่าสังหรณ์ลุงไม่ผิดหรอก”
“ได้ครับ”
นัยน์ตาคมกริบมองไปยังภาพของคนทั้งสอง เห็นใบหน้าคมสันนั่นเพียงเสี้ยว ก็พอจะเดาได้ว่าหล่อเหลาไม่หยอกเลยทีเดียว
มาเห็นเต็มๆ ตาอีกที ก็ตอนที่นั่งรับประทานมื้อเย็นด้วยกัน เออหมอนี่ดูดีมากจริงๆ ด้วย ไล่ตั้งแต่นัยน์ตาสีอ่อน คิ้วเข้มคม จมูกโด่งได้รูป ริมฝีปากบางสีสดแบบผู้หญิงยังอาย ผิวขาวจัดนั่นอีก เรือนผมตัดเรียบร้อย แต่งตัวด้วยเสื้อผ้ามีราคา เชิ้ตแบรนด์ดูปราดเดียวก็รู้ว่าราคาหลักไหน
เฟอร์นิเจอร์ตามเนื้อตัว ไม่ว่าจะเป็นนาฬิกา พระเลี่ยมทอง หรือแม้กระทั่งแหวนเพชรที่ติดนิ้วอยู่ บอกได้ว่าผู้ชายคนนี้ชอบความหรูหรา มฆวันพูดจาดี สุภาพ เขาเอาใจรินทร์รญาด้วยการตักอาหารให้ และเผื่อแผ่มาถึงธีรัชและโตมรด้วย
ดูดี...มาก...
ใช่ ดูเป็นผู้ชายสมบูรณ์แบบราวกับพระเอกหลุดมาจากนวนิยายมากจนเกินไป จนเหมือนไม่ใช่คนปรกติ แบบนี้หรือเปล่าโตมรถึงมองว่าไอ้หมอนี่มันแปลกๆ
“ผมทำงานยุ่งมากน่ะครับช่วงนี้เลยไม่ค่อยได้มาไหว้คุณพ่อเท่าไหร่”
มฆวันเอ่ยชวนโตมรคุยหลังจากมื้ออาหารคาว ตอนนี้กำลังรับประทานผลไม้แช่เย็น โตมรถึงกับชักสีหน้า หนวดกระดิก แล้วเอ่ยตอบเสียงนุ่ม แต่ฟังแล้วบาดใจนัก
“ไม่เป็นไร อ้อ...ยังไม่ต้องเรียกพ่อ เพราะยังไม่ได้แต่งงานกับยัยลูกหนู”
คำตอบนั้นเล่นเอาคนชวนคุยหน้าแหย ส่วนรินทร์รญาทำตาโตใส่บิดาเลี้ยง เธอถอนใจน้อยๆ แอบเอื้อมมือไปจับมือของคู่หมั้นบีบเบาๆ ใต้โต๊ะ ชายหนุ่มหันมายิ้มให้ ธีรัชที่ลอบมองเห็นอาการของคนทั้งคู่ แอบเบ้ปากอย่างนึกหมั่นไส้
สดชื่น สดใสกันจริงๆ สินะ ใครจะไปเชื่อว่าอย่างยัยลูกหนูจะมีแฟน แล้วก็แอบหมั้นกันแล้วด้วยแบบนี้
เขาแอบลอบมองเสี้ยวหน้าหวานล้ำ ที่กำลังยิ้มตอบคู่หมั้น เห็นแล้วก็เคืองๆ คันๆ อย่างบอกไม่ถูก จนจบมื้ออาหาร มฆวันโอ้เอ้อยู่พักหนึ่ง โตมรต้องพูดแบบขวานผ่าซากเลยว่านี่ถึงเวลาพักผ่อนของครอบครัวแล้ว มฆวันถึงได้หน้าเจื่อนๆ ขอตัวกลับไปได้
“จะยังไง พ่อของลูกหนูก็ยังไม่ชอบพี่อยู่ดี”
ชายหนุ่มบ่นเสียงออด เมื่อรินทร์รญาตามมาส่งเขาที่รถ เธอย่นจมูก ก่อนจะดึงมือของเขามากุมไว้ แล้วยิ้มหวานส่งให้
“แหม...พ่อก็แบบนี้ล่ะค่ะ พี่มาร์คน่าจะชินแล้วนะ”
“โธ่...จะชินได้ยังไงกันล่ะครับ หนก่อนก็ทำเอาปืนมาขัด ล่ะก็ทำปืนลั่นเปรี้ยงเลย พี่งี้ใจหายใจคว่ำหมด กลัวว่าจะโดนยิงเสียแล้ว”
“พ่อไม่ทำหรอกค่ะ แค่ขู่เล่นๆ”
รินทร์รญาหัวเราะกิ๊ก ชายหนุ่มถอนใจ นัยน์ตาสีอ่อนมองจับจ้องเธอแน่วแน่ เขาเชยคางมนขึ้น รินทร์รญาหน้าแดงเรื่อ แล้วหลบตาเขา ก่อนจะเอ่ยเสียงหวานเบา
“ระวังใครเห็นนะคะ”
“ขอแค่จุ๊บเบาๆ เท่านั้นเองครับ พี่ไม่เคยทำเกินเลยกับลูกหนูหรอก”
“ก็ได้ค่ะ”
เธอหลับตาพริ้ม มฆวันจุ๊บเบาๆ ตรงหน้าผากมน ทำเร็วๆ เหมือนกับกลัวว่าใครจะมาเห็นเข้า เสร็จแล้วก็กระซิบบอกลา ใบหน้าหวานยังคงมีรอยยิ้มประดับอยู่ แม้ว่ารถคันหรูของคู่หมั้นหนุ่มจะเคลื่อนไปไกลแล้ว
“อะแฮ่ม”
เสียงกระแอมนั้นทำให้คนที่กำลังยืนเคลิ้มฝันอยู่ถึงกับสะดุ้ง ก่อนจะหันขวับมาทางต้นเสียง หน้าหวานงอง้ำในทันที เธอเชิดหน้าขึ้น พลางเอ่ยเสียงห้วนๆ
“หมดเวลาของเด็กรับใช้แล้วนะคะ พี่ธาม บ้านไม้ซุงคงจะไม่มีอะไรให้ลูกหนูต้องไปทำแล้วล่ะ”
“ดูสวีทกันจังนะ ระวังๆ ไว้หน่อยเถอะ จะท้องก่อนแต่งเอา”
คำพูดนั้นทำให้รินทร์รญาทำตาวาว เธอพุ่งเข้าหาร่างสูงแบบไม่ทันยั้งอารมณ์ คำพูดนั้นดูหมิ่นเธอเสียเหลือเกินจนเธอปรี๊ด มือเรียวสะบัดตบหน้าเขาเข้าทันที คนไม่ทันระวังตัวอย่างธีรัชถึงกับหน้าหัน
ฉาด!
“อย่ามาดูถูกกันแบบนี้ ผู้ชายไม่ได้มักง่าย สันดานมักมากเหมือนคุณทุกคนหรอก”
“อ้อ...”
ธีรัชลูบเสี้ยวหน้าที่โดนตบ เขาหรี่ตาแล้วมองคนตัวเล็กที่กำลังกำมือแน่น มองเขาอย่างแค้นเคือง ริมฝีปากได้รูปนั้น เอ่ยขึ้นต่อเสียงทุ้ม
“ก็แค่เตือนไว้ ถ้าป้องกันก็ดี ลุงโตจะได้ไม่อับอายขายหน้าเขา”
“คุณนี่มัน”
มือบางเงื้ออีกรอบ ทำท่าจะตบฉาดเข้าอีกหน แต่คราวนี้เขารับไว้ได้ทัน กระชากร่างบางแน่งน้อยเข้าไปในอ้อมอกอุ่น รินทร์รญามัวแต่ตกใจไม่คิดว่าเขาจะกล้าทำ เปิดโอกาสให้ฝ่ายนั้นกอดเธอไว้ และเชยคางมนให้เงยขึ้น เขาหัวเราะหึ แล้วเอ่ยเสียงทุ้มชิดใบหน้านวล
“อย่าจะคิดว่าจะตบพี่ได้ซ้ำสอง ลูกหนู”
“อื้อ...”
ใบหน้าคมสันฉกวูบลงมาอย่างรวดเร็ว ริมฝีปากอุ่นร้อนกดลงบนริมฝีปากอิ่มเรื่อ เหมือนจะลงทัณฑ์ หญิงสาวตัวแข็งทื่อกับสัมผัสรุนแรงจาบจ้วงนั้น ก่อนจะเริ่มดิ้นรนหนีเขา นี่มันเป็นจุมพิตแรกของเธอ! มฆวันคนรักของเธอยังไม่เคยมีโอกาสนี้ แล้วเขาเป็นใครกัน
ธีรัชยอมปล่อยแต่โดยดี เมื่อได้แก้ลำเอากับอีกฝ่ายสมใจ เขาปล่อยร่างบาง คิดจะเหยียดว่าเธอ แต่น้ำตาของรินทร์รญาที่ไหลพรั่งพรูก็ทำเอาเขาถึงกับชะงัก
ฉาด!
มือบางตวัดตบเอาอีกรอบ ก่อนจะวิ่งหนีเขาไป ธีรัชได้แต่ลูบแก้มอีกข้างที่มีรอยนิ้วหราห้านิ้วประทับไว้ มือหนักเจ็บถึงใจดีจริงๆ ยัยลูกหนูตัวแสบ
มือใหญ่ลูบเลยมายังริมฝีปากได้รูป จูบเมื่อครู่ที่จงใจแกล้ง ยังประทับอยู่ในความรู้สึก แล้วถ้าเกิดเป็นจุมพิตแบบอื่นเล่า เขาจะทำให้เธออ่อนระทวย แทนที่จะร้องไห้แล้วตบเขาได้ไหมนะ ทำไมต้องร้องไห้ด้วยนะยัยลูกหนู นี่มันทำให้เพลย์บอยที่มีแต่สาวๆ คลานมาขอขึ้นเตียงด้วย รู้สึกแย่อย่างบอกไม่ถูกที่จูบของเขาทำเอาผู้หญิงร้องไห้เสียใจ
ชายหนุ่มถอนใจน้อยๆ หนักอึ้งในหัวใจอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ด้วยภาพน้ำตาคลอของเธอที่ยังตามไปหลอกหลอน เขาเห็นน้ำตาผู้หญิงมาก็มาก เคยทำผู้หญิงเสียใจมาก็เยอะ แต่ทำไมหนนี้มันรู้สึกแย่มากขนาดนี้กันนะ
พรุ่งนี้บางที เขาอาจจะ...