บทที่ 6
ไม่เคยรู้สึกแย่ข้ามวันข้ามคืนขนาดนี้เลยจริงๆ
รินทร์รญายังรู้สึกโกรธกรุ่นอยู่ในใจไม่วาย นี่ยังไม่หมดเวลาที่เธอต้องถูกทำโทษให้ไปรับใช้ธีรัช แต่เธอก็เบี้ยวงานหนีมาเสีย เพราะไม่อยากเห็นหน้าอีกฝ่าย เพียงแค่คิดก็คันมือคันไม้ยิบๆ อยากจะตบเอาอีกสักหลายๆ ฉาดให้หายโมโห กล้าดียังไงมาจูบเธอ!
หญิงสาวทำงานทั้งวันแบบแทบจะไม่รู้เรื่อง เพราะใจพะวักพะวนแต่เรื่องเมื่อคืน คิดถึงทีก็แก้มร้อนที สั่งงานผิดๆ ถูกๆ ก้อยกุ้งเห็นลูกพี่เพี้ยนผิดจากทุกวัน เมื่อเวลาพักรับประทานอาหารกลางวัน รินทร์รญาเลือกกินอาหารร่วมกับคนงานแบบง่ายๆ วันนี้ป้าแก้วแม่ครัวประจำฟาร์มเลือกทำอาหารที่เธอชอบ คือแกงส้มผักรวม มีไข่เจียวหมูสับเป็นพิเศษให้กับเธอ แต่เธอไม่ยักกะกินมันสักเท่าไหร่ ทั้งที่ปรกติต้องแทบไม่เหลือข้าวสักเม็ดภายในเวลายี่สิบนาที เลยแกล้งกระเซ้าเอ่ยถาม
“เป็นอะไรครับลูกพี่ เมื่อวานแฟนมาหา อิ่มใจหรือครับ เลยกินข้าวไม่ลง”
“ทะลึ่ง!”
“อูย”
ก้อยกุ้งยิ้มแหย เมื่อเห็นลูกพี่ชักจะทำตาขวาง เลยเสชวนคุยเรื่องอื่นไป เผื่อว่ารินทร์รญาจะอารมณ์ดีขึ้นมาบ้าง
“เอ...เห็นว่านายจะลงม้าเพิ่ม พี่ลูกหนูไม่ไปช่วยคุมหรือครับ”
“ไม่”
เธอสั่นหน้าจนผมกระจาย แก้มแดงอีกครั้งเมื่อนึกถึงเหตุผลว่าทำไมเธอถึงไม่ยอมไปเพราะธีรัชเองก็ไปช่วยดูการมาส่งลูกม้า และพ่อพันธุ์ให้กับทางฟาร์มด้วยนั่นเอง
“อ้าว...เห็นทุกทีไม่พลาด หนนี้นายลงหลายตัวเลย เพราะกะว่าจะเอาเป็นพ่อพันธุ์ แล้วก็ไว้ใช้งานด้วย พี่ลูกหนูไม่ไปจองตัวสวยๆ ไว้ก่อนเหรอกครับ แทนนังนุ่นยังไงล่ะครับ”
เขาหมายถึงแม่ม้าตัวเก่า ที่ป่วยตายไปเมื่อปีก่อน รินทร์รญายังไม่ได้เลือกม้าไว้เป็นม้าของตัวเอง เพราะยังรักเจ้าม้าตัวเดิมมาก
“เดี๋ยวก่อนก็ได้”
“ระวังจะโดนตัดหน้า คุณธามเลือกม้าตัวสวยไปก่อนนะครับ ได้ยินแว่วๆ ว่านายจะให้เลือกไปลองหัดขี่ด้วย”
“ช่างเถอะ จะพูดอีกนานมะ รำคาญ”
ว่าแล้วก็ลุกพรวด หนีก้อยกุ้งไปดื้อๆ ชายหนุ่มได้แต่มองตามแล้วเกาหัวแกรกๆ งงว่าวันนี้เกิดอะไรขึ้นกับลูกพี่ของตนกันแน่นะ
“โอ๊ย! ตาบ้า ไม่มีสมาธิทำงานเลย ออกไปจากหัวของฉันเดี๋ยวนี้นะ ไอ้บ้าธาม ไอ้ผู้ชายเฮงซวย ไอ้...”
“เป็นผู้หญิงพูดจาไม่เพราะเลย”
เสียงทุ้มที่เอ่ยขึ้นลอยๆ ทำคนที่กำลังตะโกนด่าระบายอารมณ์ปาวๆ กับดินกับฟ้าอยู่เพลินๆ ถึงกับสะดุ้งสุดตัว รินทร์รญาเดินเลี่ยงหนีจากโรงอาหารของคนงาน เข้ามาด้านข้างที่เป็นป่าย่อมๆ เลือกแล้วว่าไม่มีใครบริเวณนี้แน่ๆ ถึงตะโกนด่าสุดเสียงเสียขนาดนั้น ใครจะไปคิดว่าเจ้าตัวจะมาจ๊ะเอ๋เข้าจังๆ แบบนี้
“เรื่องของฉัน!”
รินทร์รญาทำหน้างอใส่ ธีรัชมองหน้าแดงๆ นั่นก่อนจะอมยิ้ม พลางลูบริมฝีปากตัวเองเบาๆ เล่นเอารินทร์รญาหน้าแดงหนักยิ่งกว่าเดิม เธอสะบัดหน้าแล้วทำเป็นจะเดินหนี แต่ช้าไปกว่าธีรัช ที่ตรงเข้าถึงตัวของเธอก่อน เขายืนขวางหน้าเธอแล้วยิ้มกริ่ม
“จะไปไหน น้องลูกหนู วันนี้ก็เบี้ยวงานที่บ้านไม้ซุง แล้วก็ยังมาตะโกนด่าพี่แบบนี้อีก ความผิดสองข้อหาเลยนะ อ้อ...แถมอีกกระทง เมื่อคืนเรายังไม่จบเรื่องกันเลย”
“เรื่องบ้าอะไร”
เธอตวาดเขา แล้วเริ่มตั้งการ์ดใส่ เมื่อคืนนี้มัวแต่ตกใจ ลืมไปหมดเลยว่าเรียนแม่ไม้มวยไทยไว้ แต่วันนี้ตั้งหลักได้ นายนี่อ่วมแน่ๆ เธอไม่ปล่อยให้มารังแกฝ่ายเดียวหรอกน่า
“เรื่องนี้ไง”
มือหนาล้วงกระเป๋ากางเกง แล้วบางอย่างก็ถูกยื่นมาตรงหน้าของรินทร์รญา ทำให้เจ้าตัวถึงกับกะพริบตาปริบๆ เมื่อเห็นสิ่งที่อยู่ในมือของชายหนุ่มเข้า
ตุ้มหูเงินทำเป็นรูปม้าขนาดเล็กจิ๋ว แต่รายละเอียดสวยงามวิจิตรมาก แม้จะกำลังโกรธคนตรงหน้าอย่างหนัก แต่สิ่งที่เห็นก็ทำเอาเธออึ้งไปนิด มันสวยมากๆ เขากระแอมก่อนจะเอ่ยเสียงอ่อน
“พี่ขอโทษ เรื่องเมื่อคืน”
“พี่ธามจะทำมาตบหัวแล้วลูบหลังหรือยังไง”
เธอยังไม่กล้าหยิบแม้มันจะน่ารักเพียงไหน ก่อนจะทำหน้าเชิด ธีรัชอมยิ้ม เขาดึงมือเธอไปจับแบออก แล้วยัดตุ้มหูอันเล็กใส่มือของเธอไป พลางยักไหล่
“ไม่ได้ตบหัวสักหน่อย พี่แค่จูบลูกหนูเท่านั้นเอง”
“...”
ฟังชัดๆ แบบนี้แล้ว หน้าก็แดงขึ้นมาอีกรอบ เธอถึงกับทำหน้าไม่ถูก ธีรัชเดินผิวปากหวือจากไป ทิ้งให้รินทร์รญายืนอยู่ตรงนั้นคนเดียว ก่อนจะรู้สติเขาก็ไปได้ไกลแล้ว
“ตาบ้า”
เธอเอ่ยเสียงแผ่ว แล้วย่นจมูก มือแบออกดูของที่อยู่ภายในที่เขาเอามาใส่ไว้ให้ มันดูสวยน่ารักมากจริงๆ รินทร์รญาเก็บมันไว้ในกระเป๋ากางเกง ความรู้สึกแย่มาทั้งวันเปลี่ยนไปเป็นรู้สึกดีขึ้นมาได้ในทันที เพราะคำขอโทษจากธีรัช
เอ...
ทำไมเธอต้องรู้สึกดีกับตาบ้านี่ด้วยนะ
................................................................................................................................................................................................
มื้ออาหารเย็นนี้ ดูว่าโตมรจะคึกคักมากกว่าทุกวันเพราะมีแขกพิเศษมาเยือน เป็นเพื่อนเก่าสมัยเรียนที่ขึ้นมาเยี่ยมเขา มากันทั้งครอบครัว โต๊ะอาหารวันนี้เลยมีบรรยากาศคึกครื้นเพราะผู้คนที่มากขึ้น อาหารขึ้นโต๊ะโตมรเลือกที่จะให้แม่ครัวอวดฝีมือทำกับข้าวทางเหนือ ไว้ต้อนรับเพื่อนที่อยู่จากจังหวัดเกือบทางใต้สุดของเขาอย่าง ประภาส ที่พาภรรยาและบุตรสาวมาด้วย
“ลองนี่เลยเพื่อน น้ำพริกอ่อง”
“ไหนๆ อร่อยว่ะ”
“นี่ก็ด้วย ยำผักเหียก หากินได้แต่ที่เหนือนะ”
“ไหนๆ อร่อยว่ะ”
“แล้วนี่ก็...”
รายการเชลล์ชวนชิมดังขึ้นไม่ขาดปาก ประภาสก็ลองชิมทุกสิ่งที่เพื่อนสนิทตักมาให้ กินไปก็หัวเราะไป ดูเขาจะเป็นคนเฮฮาและเปิดเผย ตรงกันข้ามกับภรรยาที่นั่งนิ่งๆ และไม่ค่อยพูดเท่าไหร่นัก เธอเพียงแค่ยิ้มๆ เวลาถูกตั้งคำถาม และมักจะหันไปซุบซิบกับลูกสาวเสียมากกว่า
แต่ทว่าตอนนี้ลูกสาวที่สะอิ้งจะหันมาชวนคุยด้วยนั้น กำลังสนใจอย่างอื่นอยู่เสียแล้ว สาววัยกำดัดกำลังนั่งคุยอย่างออกรสกับธีรัช เจ้าหล่อนดูจะสนใจชายหนุ่มอย่างเปิดเผย คุยไปหัวเราะคิกคัก เอนตัวแทบจะหัวไปชนหัวไหล่ของชายหนุ่มอยู่แล้ว คนที่นั่งตรงกันข้ามกันกับธีรัชเห็นแล้วก็ชักจะหมั่นไส้ เธอเบ้ปากใส่เขา เป็นจังหวะเดียวกับที่เขาหันมามองทางเธอพอดี ธีรัชเลิกคิ้วใส่เธอเป็นเชิงถาม ขณะที่รินทร์รญาเมินหน้าใส่เขา มือเธอเสยผมโดยบังเอิญ ทำให้เห็นว่าเธอใส่ตุ้มหูเงินคู่ที่เขาให้เมื่อกลางวันเพื่อเป็นการขอโทษ นัยน์ตาคมเป็นประกายวับขึ้นมาเลยทันที รู้สึกพึงใจอย่างบอกไม่ถูกที่เห็นเธอใส่ของที่เขามอบให้
“พี่ลูกหนูขี่ม้าเป็นด้วยหรือคะ”
แม่สาววัยรุ่นกรีดเสียงแหลมจนเกินจำเป็น พลางหันมามองเธอแล้วทำตาโต รินทร์รญาจำต้องยิ้มให้ แล้วพยักหน้ารับ
“ค่ะ”
“ว้าวเท่ห์จังเลยพี่ธามเองก็ด้วยใช่ไหมคะ” ธีรัชพยักหน้า ก่อนจะเอ่ยยิ้มๆ
“เป็นสิครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่สอนให้ดีไหม เออ...จริงสิ อยากดูการแข่งม้าสนุกๆ ไหม พรุ่งนี้พี่จะแข่งกับลูกหนู น้องวิวสนใจจะเชียร์ไหมครับ”
“สนใจสิคะ” วาลินีปรบมืออย่างชอบใจ ขณะที่รินทร์รญาเลิกคิ้ว
“ใครจะแข่งกับพี่ธาม”
“ลูกหนูไง”
“หืม?”
“หรือจะไม่กล้า” เจอไม้นี้เข้า รินทร์รญาก็เชิดหน้า พร้อมกับเอ่ยเสียงหนักแน่นตอบโต้เขา
“กล้าสิ”
“ถ้าอย่างนั้นถือว่ารับคำท้าพี่แล้วนะ”
“ถ้าจะท้ากัน”
รินทร์รญายิ้มเจ้าเล่ห์ ดูเหมือนฟ้าจะส่งโอกาสแก้ลำมาให้เธอแล้ว ดีล่ะ เธอจะแกล้งเขากลับบ้าง ฐานที่เขาให้เธอเป็นเด็กรับใช้อยู่ตั้งนาน แล้วอีกข้อหนึ่งที่เขากล้า...แตะต้องเธอในส่วนที่คู่หมั้นเองยังไม่ได้ทำ
“มาพนันกันดีกว่า”
“ได้สิ ลูกหนูอยากได้อะไรถ้าชนะ” ธีรัชผายมือ
“พี่ให้เลือกได้ทุกอย่าง”