บทที่ 3
โตมรมองลูกสาวบุญธรรม ที่ตอนนี้หลบสายตาเขา เสไปมองภาพวาดเหมือนของเขาและหล่อนที่แขวนอวดไว้ตรงผนังห้อง หนังสติ๊กหลักฐานสำคัญ ถูกวางหราไว้ตรงหน้า คนที่เป็นโจทย์ยื่นฟ้อง ตอนนี้เนื้อตัวหน้าตาเต็มไปด้วยรอยแดงเป็นจ้ำๆ เขายังคงเกาแกรกๆ หน้าตาดุดันยามมองจ้องจำเลย ที่ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้
“ว่ายังไง ลูกหนู”
“ไม่ว่ายังไงล่ะค่ะ”
“ไปแกล้งพี่เค้าทำไม รู้ไหมว่าทำไม่ถูก อะไรกันน่ะ ไม่ใช่เด็กๆ กันแล้วนะ อายุเบญจเพศแล้วนะ”
“ลูกหนูไม่ได้จะแกล้ง...”
เธอมองหน้าธีรัชอย่างเสียไม่ได้ ก่อนจะยักไหล่
“เสียหน่อย ลูกหนูชวนก้อยกุ้งไปหารังมดแดงมาทำยำไข่มดแดงกิน กำลังเล็งๆ จะสอย ตานี่ก็โผล่มา”
“จริงเรอะ” บิดาทำเสียงเข้ม
“จริงๆ สิคะ”
“กล้าสาบานไหม”
เจอข้อนี้เข้าไปแม่ตัวแสบเลยอึกอัก พลางเม้มริมฝีปากแน่น เห็นแค่นี้ก็รู้แล้วว่าโกหก โตมรถอนใจ เขาตบบ่าหลานชาย แล้วผายมือไปยังลูกสาวจอมยุ่งที่กำลังทำหน้าบอกบุญไม่รับ
“ผิดเต็มๆ ล่ะถ้าไม่กล้าแบบนี้ เอ้า...จัดการได้เลย ลุงยกให้”
“เราไม่ใช่เด็กๆ กันแล้ว”
เสียงขรึมๆ เอ่ย พร้อมกับใบหน้าหล่อเหลาที่มองจับจ้องเธออย่างพินิจ แม่เด็กแสบคนนี้สวยขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก เขาเคยเห็นหล่อนครั้งสุดท้ายเมื่องานแต่งงานของผู้เป็นอา และจำได้ว่ายามแต่งองค์ทรงเครื่องเต็มที่แล้วสวยจัดขนาดไหน วันนี้ในชุดแต่งกายแบบสบายๆ ใบหน้าหวานจิ้มลิ้มนั่นก็น่ารักชวนมองเอามากๆ
“เธอทำผิดกับฉัน กล้าทำแล้วกล้ารับไหม รินทร์รญา”
“...”
ไม่มีคำตอบจากริมฝีปากจิ้มลิ้ม นอกจากใบหน้าที่เชิดขึ้น แล้วสายตาที่มองเขาอย่างเอาเรื่อง โตมรกระแอม เสียงดุ นั่นแหละแม่ลูกสาวตัวดีเลยเอ่ยออกมาอย่างเสียไม่ได้
“อื้อ”
“ถ้าอย่างนั้น ผมจะขอคุณลุงทำโทษ น้องลูกหนู”
ประโยคหลังทำเน้นเสียงสูงเสียจนเจ้าของชื่อแอบเบ้ปาก โตมรพยักหน้า
“จัดการได้เลย ลุงอนุญาต”
“จะทำโทษอะไรก็ทำมา อย่ามาพูดอบรมอะไรฉันมาก”
เจ้าหล่อนยังไม่หมดฤทธิ์เสียทีเดียว ธีรัชหรี่ตา ก่อนจะอมยิ้ม แม้จะคันคะเยอ ปวดแสบปวดร้อนไปทั้งตัวเพราะพิษสงจากยัยตัวเล็กนี่ แต่เขาก็รู้สึกสะใจที่จะได้จัดการแก้แค้นหล่อนเอาแบบนี้
“เธอจะต้องไปทำความสะอาดให้กับที่บ้านพักของฉันตลอดหนึ่งอาทิตย์ ดูแลรับใช้ฉันด้วย เหมือนกับคนใช้”
เจอแบบนี้เข้าไป รินทร์รญาถึงกับอ้าปากค้าง หน้าหวานแดงจนเกือบเขียวแล้วตอนนี้เพราะความโมโห นี่เขาจะให้เธอไปเป็นคนใช้เรอะหน็อย...
“ฉันไม่!”
“ยัยลูกหนู”
เสียงของประมุขแห่งบ้านดังเบรคเอี๊ยดขึ้น เล่นเอารินทร์รญาถึงกับทำหน้ามุ่ย คนที่หัวเราะทีหลังดังกว่าอย่างธีรัชยิ้มย่อง แล้วเอ่ยย้ำช้าๆ ชัดๆ ชวนให้คนฟังเจ็บปรี๊ดไปถึงหัวใจ
“เธอจะต้องเป็นคนใช้ฉัน หนึ่งอาทิตย์ ทำทุกอย่างที่ฉันสั่ง นั่นล่ะ โทษของเธอ”
……..
บริเวณใกล้กับคอกม้าที่เอาไว้ใช้งาน มีมุมที่ห้อยกระสอบทรายไว้สำหรับให้กับรินทร์รญาได้ออกกำลังเป็นประจำทุกวัน เพราะเธอเรียนมวยไทย ศิลปะป้องกันตัวที่เจ้าหล่อนโปรดปราน แต่วันนี้มันไม่ใช่การออกกำลัง มันเป็นการระบายอารมณ์ก้อยกุ้งมองหน้าลูกพี่ที่กำลังมุ่ยสุดๆ แถมด้วยต้องกระโดดหนีเมื่อรินทร์รญาเริ่มอาละวาด หญิงสาวเตะกระสอบทรายรัวๆ เหมือนกับว่ามันเป็นตัวแทนของคนที่เธอโกรธ เตะไปก็ด่าไปด้วยถ้อยคำชวนสะดุ้ง จนลูกน้องต้องรีบปิดหู
“อูย...พี่ลูกหนูครับ พอเถอะ หูผมสกปรกไปด้วยคำด่าหมดแล้ว อย่าด่าเลย เสียภาพนะครับ”
“ทำไมละวะ ก็โมโหมันนี่ ไอ้เฮงซวย ไอ้...”
ด่ามากไปเลยสำลัก หอบแฮกๆ ก้อยกุ้งรีบไปเอาน้ำเย็นๆ มาบริการ ดึงลูกพี่ให้มานั่งตรงม้านั่ง ก่อนจะบีบนวดให้ผ่อนคลาย
“ก็พี่ลูกหนูไปแกล้งเขาก่อนนี่นา ผมก็บอกแล้วว่าอย่าทำ อย่าทำ”
“ศัตรูเก่าอ่ะ ไม่ทำไม่ได้”
รินทร์รญาทำเสียงสูง จิบน้ำที่ลูกน้องนำมาให้ดื่ม ใบหน้าหวานยังคงบึ้งตึง แดงเรื่อ มีเหงื่อผุดพราย ดูน่ารักเหมือนสาวน้อย
“ระงับการจองเวรด้วยการไม่จองเวร”
นั่น ก้อยกุ้งทำตัวเป็นคนมีธรรมะในหัวใจ ขณะที่คนฟังทำหน้าบูด แล้วเอ่ยต่อเสียงเรียบ
“ระงับการโดนเตะ ด้วยการไม่พูดมาก”
“โธ่...ไม่พูดแล้วก็ได้ครับ แล้วนี่พี่ลูกหนูต้องไปทำงานให้คุณคนนั้นตั้งอาทิตย์หนึ่ง ไม่อกแตกตายหรือครับนี่”
“ไม่อกแตกหรอก”
รินทร์รญาเม้มริมฝีปาก นัยน์ตางดงามฉายประกายเจ้าเล่ห์ อย่างเธอหรือจะยอมง่ายดาย อย่าคิดว่าจะมาเหนือกันได้ง่ายๆ ไม่มีทางเสียหรอกน่า
“อย่าไปแกล้งอะไรเค้าเข้าอีกล่ะครับ ผมไม่อยากทนดูพี่ลูกหนูต้องเจ็บตัว นี่แค่ยกแรกยัง...โอ๊ยๆๆ อะไรกันนี่”
ก้อยกุ้งรีบกระโดดหนี เมื่อโดนลูกพี่ลุกเข้าไล่เตะเอา เห็นตัวเล็กๆ แบบนี้แต่เตะได้แรงจนเขาแทบกระเด็น
“เข้าข้างคนอื่นเค้า น่าหมั่นไส้ พี่จะทำอะไรก็เรื่องของพี่น่า”
“เฮ้อ...”
ก้อยกุ้งได้แต่ถอนใจ ตามองลูกพี่ที่ทำตาวาวๆ แบบนี้คงจะคิดอะไรอีกแล้วแน่ๆ
ดูเหมือนสองคนนี้จะญาติดีกันไม่ได้เสียจริงๆ สิน่า
……..
ธีรัชมองดูร่องรอยของการถูกมดแดงทำร้ายเมื่อวาน แล้วยิ้มนิดๆ มันไม่ได้เลวร้ายไปนักหรอกน่า เมื่อวันนี้แหละ เขาจะได้แก้ลำยัยตัวยุ่งนั่นเสียบ้าง เขาคุยกับผู้เป็นลุงถึงเรื่องการทำงานในไร่ ว่าเขาจะออกไปช่วยงานที่ไหน ทำอะไรบ้าง ธีรัชต้องการศึกษาหลายๆ อย่าง เพื่อเป็นแนวทางไว้ เงินลงทุนของเขายังไม่ได้ใช้ในตอนนี้ โตมรให้เงินเดือนเขาในฐานะผู้ช่วยอีกด้วย เขาจะพิสูจน์ตัวให้กรดลได้เห็นว่า เขามีความสามารถ และจะไม่ทำให้ผิดหวัง
กรดลผู้เป็นเหมือนบิดาคนที่สอง ที่คอยอบรมสั่งสอนเขา แม้จะเป็นไม้เบื่อไม้เมากันในตอนแรกๆ เพราะความไม่เข้าใจ แต่เหตุการณ์หลายๆ สิ่งที่เกิดขึ้นกับชีวิตของธีรัชเมื่อหลายปีก่อน ทำให้เขาปรับความเข้าใจกับอาหนุ่มและเปลี่ยนทัศนคติหลายๆ อย่าง จากภาพของชายหนุ่มหลักลอย เป็นเพลย์บอยใช้เงินมรดกไปวันๆ กลับกลายเป็นคนมีเป้าหมายในชีวิต และคิดจะพยายามทำ แต่ภาพที่เคยทำไว้มันก็ลบกันไม่ได้ง่ายๆ เพลย์บอยตัวแสบอย่างเขายังไม่เป็นที่ไว้วางใจของกรดลสักเท่าไหร่นัก แม้เขาจะช่วยเหลืองานบริษัทเป็นอย่างดีมาหลายปีก่อนจะได้รับอนุมัติให้มาทำในสิ่งที่ตัวเองรักอย่างเป็นทางการนี่ก็เถอะ
ผู้เป็นอาโทรศัพท์มาคุย มาฝากฝังเขากับโตมร เหมือนยังไม่ใคร่วางใจสักเท่าไหร่ ธีรัชตัดขาดจากสังคมที่เคยอยู่ เคยเพลิดเพลินกับมัน เพราะต้องการจะมาตั้งใจทำในสิ่งที่ตัวเองรัก ตอนนี้ธีรัชหนุ่มสังคมหายไปทำให้สาวๆ หลายๆ คนกำลังพยายามตามหาเขา นอกจากหน้าตาที่หล่อเหลา แน่นอนว่ามรดกก้อนโตของเขานี่แหละที่แสนจะดึงดูดใจ
ผู้หญิงก็เท่านี้...
คิดแล้วก็เอือมระอากับการโทรตามง้อ ตามออดอ้อนของบรรดากิ๊กเก่าที่เพียรพยายามกวักมือเรียกให้เขากลับไปสู่สังคมแบบเดิม แต่คนอย่างธีรัชเดินหน้าแล้วไม่ถอยหลัง เขากำลังมุ่งมั่นคว้าในสิ่งที่ตั้งใจทำมาอยู่ในมือให้ได้ อะไรอย่างอื่นไม่สามารถดึงความสนใจจากเขาไปได้หรอก
เสียงเคาะประตูทำให้เขาตื่นขึ้นจากภวังค์ส่วนตัว ชายหนุ่มยิ้มร้าย เริ่มต้นการแก้ลำแม่เด็กแสบแล้วสินะ ร่างสูงเพรียว ที่ตอนนี้มีเพียงผ้าขนหนูพันกายผืนเดียว เดินอย่างไม่สะทกสะท้านไปเปิดประตูให้กับ ‘คนรับใช้’
“มี...ว้าย!”