เธอทำได้ดีมาก
“ค่ะ ฉันคิดพ่อ ฉันอยากให้พ่ออยู่ที่นี่ด้วย ตั้งแต่เด็กจนโต เพราะงานของพ่อฉันจึงไม่ได้อยู่กับพ่อเลย ก่อนเข้ามหาลัย ก็อยู่โรงเรียนประจำตลอด จะเจอพ่อได้ก็แค่เดือนละครั้ง พอเข้ามหาลัยแล้วฉันก็อยู่หอพักนักศึกษา ฉันคิดว่าเรียนจบแล้ว มีงานดีๆ ทำแล้ว ก็คงได้อยู่กับพ่อ แต่มันก็สายเกินไปเสียแล้ว” เสี่ยวโยพูดทั้งน้ำตา
“ไม่ต้องเสียใจแล้ว ต่อแต่นี้เธอจะมีตระกูลมู่อยู่เคียงข้างเธอพวกพี่จะคอยเติมเต็มให้เอง หลังจากวันนี้ไปไม่ต้องเกรงกลัวฉันเหมือนที่ผ่านมาแล้วน่ะ เด็กดี” จินฟานพูดพร้อมกับเอามือจับหัวเสี่ยวโยให้มาซบที่ไหล่ของเขา
ยิ่งอยู่ใกล้เธอเท่าไหล่ จินฉือก็เริ่มรู้สึกดีกับเธอเท่านั้น ตอนนี้เสี่ยวโยเป็นคนหนึ่งที่เขาควรดูแลและหวงแหนอีกคน เขาเริ่มปฏิบัติกับเธอเหมือนน้องสาวขึ้นทุกวัน ตอนเช้าไปทำงานเขาก็จะรอให้เสี่ยวโยไปทำงานด้วยทุกครั้ง
“วันนี้ฉันต้องออกไปทำธุระข้างนอก เดี๋ยวกินข้าวเสร็จแล้วก็ให้คนขับรถไปส่งน่ะ” จินฟานบอก
“ค่ะ”
“ไม่ต้องหรอกพี่ เดี๋ยวให้โยโยไปกับผมก็ได้”
“เคร งั้นแกก็รีบแล้วกัน เพราะโยโยเป็นเด็กฝึกงาน เดี๋ยวจะกระทบต่อผลการประเมินของเธอ” จินฉือสั่ง เพราะต่อให้โยโยเป็นคนในครอบครัวยังไงก็ตาม กฎก็คือกฎ เขาจะไม่ให้ใครอยู่เหนือกฎของบริษัทเป็นอันขาด
“รับทราบแล้วขอรับบบบบบบ ท่านประธานมู่” จินฟานล้อเลียนพี่ชายตัวเอง
“โยโย เดี๋ยวเธอเอางานนี้ไปสรุปน่ะ เพราะตอนบ่ายท่านประธานต้องใช้ในที่ประชุม” ชิงชิง เลขาของจินฉือสั่ง
“ได้ค่ะ พี่ชิงชิง”
เสี่ยวโยได้ฝึกงานอยู่ที่นี่มาครึ่งเดือนแล้ว เธอทำงานที่ได้รับมอบหมายได้ดีทุกอย่าง จนบางทีงานที่ชิงชิงต้องเป็นคนทำ เธอก็จะเอามาให้เสี่ยวโยเป็นคนทำตลอด
กริ้งๆๆๆๆๆ …..
“ฮาโหล หยางหยาง ว่าไงจ๊ะ ฉันกำลังทำงานอยู่”
“โอเครโยโย ฉันแค่จะบอกว่า อาทิตย์นี้ฉันจะไปที่มหาลัยเพื่อขอเปลี่ยนที่ฝึกงานใหม่ อยู่ที่นี่ไม่ไหวเลย ไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย งานเยอะมาก แต่งานอะไรก็ไม่รู้ ซื้อกาแฟเอย ข้าวเอย ถ่ายเอกสารเอย ฉันไม่ได้ประสบการณ์อะไรเลย ยังไงไว้เจอกันน่ะ บาย”
“บายจ้า แล้วเจอกัน”
“คุยกับใครหรอ” จินฟานถาม
“อ้อ รองประธานมู่ หนูคุยกับหลิวหยางค่ะ เธอบอกว่าปลายอาทิตย์นี้จะกลับมาที่มหาลัยเพื่อย้ายที่ฝึกงานค่ะ”
“เรียนคณะเดียวกันไม่ใช่หรอ ก็ให้มาฝึกที่นี่สิ โยโยจะได้มีเพื่อด้วย”
“ขอบคุณค่ะ เอาไว้จะบอกเธอให้นะคะ แล้วมาที่นี่มีอะไรรึเปล่าค่ะ ท่านประธานยังไม่กลับมานะคะ”
“ฉันรู้แล้ว เขาโทรหาฉันแล้วละ ที่มาก็จะชวนเธอไปกินข้าวเที่ยงด้วยกันนี่แหละ”
“อ่อ ได้ค่ะ เดียวถึงตอนเที่ยงฉันลงไปหานะคะ”
เสี่ยวโยมี 2 พี่น้องที่คอยเป็นห่วงและเทคแคร์ดูแลอย่างดี จึงทำให้ชิงชิงอดริษยาเธอไม่ได้ เพราะทั้ง 2 พี่น้องตระกูลมู่นั้น ทั้งหน้าตาและฐานะ มีแต่คนหมายปอง แต่ทำไมเสียวโยถึงต้องได้ใกล้ชิดทั้งคู่ได้ เธอมองเสี่ยวโยเป็นแค่เด็กกะโปโลคนหนึ่ง ที่โชคดีได้เข้าไปอยู่ในตระกูลมู่ในฐานะน้องสาวบุญธรรมของ ชายหนุ่มโสดทั้ง 2 คนนี้ ที่มีแต่คนจับจอง
“เสี่ยวโย เดี๋ยวเข้าประชุมกับผมน่ะ คอยฝึกเรียนรู้และสังเกตการประชุม และสรุปรายงานผลการประชุมด้วย ต่อไปจะได้ทำเป็น” จินฉือสั่ง
“รับทราบค่ะท่านประธาน”
การประชุมในครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เสี่ยวโยจะได้ทำหน้าที่เลขา บันทึกการพูดคุยในที่ประชุม และสรุปรายงานผลการประชุมแบบเต็มตัว ดังนั้นหลังจากวันนี้ไปแล้ว รายงานการประชุมจินฉือจะได้รับอยู่ 2 ชุด คือของเสี่ยวโยกับชิงชิงเลขาสาวคนปัจจุบัน
ผลสรุปรายงานการประชุมของเสี่ยวโยดีขึ้นวันเลยจริงๆ เริ่มกระซับ ได้ใจความแถมยังสอดแทรกความคิดเห็น และข้อเสนอมาให้อีก
“โยโย เข้ามาหาผมที่ห้องที”
“ค่ะ”
“มีอะไรให้ฉันทำรึเปล่าค่ะ ท่านประธาน” เสี่ยวโยถาม
“รายงานการประชุมที่เธอส่งมาครังนี้ ข้อเสนอของเธอไม่เลวเลย ที่จะให้ทำการโปรโมทซอฟต์แวร์ตัวล่าสุดนี้ด้วยการจัดอีเวนท์ โดยเปิดตัวประสิทธิภาพของมันและความสามารถของมันให้กลุ่มนักลงทุนได้เห็นและเข้ามาร่วมลงทุนเพิ่ม ดังนั้นเมื่อมีกลุ่มนักลงทุนเพิ่มแล้ว เธอคิดว่าควรทำยังไงต่อล่ะ” จินฉือถามถึงความคิดของเสี่ยวโย
“เมื่อมีกลุ่มนักลงทุนเพิ่ม เราก็ให้สิทธิกลุ่มนักลงทุน โดยให้ทำเหมือนแชร์ลูกโซ่ โดยแบ่งเปอร์เซ็นยอดขายต่างหากให้กับกลุ่มตัวแทนนี้ และเมื่อเขาร่วมลงทุนแล้ว เขาสามารถเปิดรับออเดอร์หรือหาลูกค้าด้วยตัวเองต่อได้ และสิ่งนี้ฐานลูกค้าก็จะกระจายไปทั่วโลกเอง อีกอย่างเขาสามารถทำโฆษณาของเขาเองได้ ขึ้นอยู่กับเขาว่าจะจัดทำแบบไหน ยิ่งผู้ร่วมลงทุนมีเยอะเท่าไหร่ รูปแบบของการโฆษณาก็จะมีหลากหลายรูปแบบด้วย ฉันคิดว่าหากทำแบบนี้ เราที่เป็นบริษัทผู้ผลิตและส่งออกก็ไม่จำเป็นต้องมาทำโฆษณาเอง แค่จัดงานแถลงข่าวเปิดตัวสินค้าก็พอค่ะ”
“ดีมาก จริงๆ ความคิดแบบนี้มีอยู่ในหัวของฉันมานานแล้ว เพียงแต่ฉันยังไม่ได้ทำแบบสำรวจจากคณะกรรมของบริษัทและกลุ่มผู้ถือหุ้นเท่านั้น วันนี้ฉันถือว่าเธอได้ช่วยฉันมากโดยที่ฉันไม่ต้องอธิบายรายละเอียดในสิ่งที่ฉันจะทำให้เธออีก ดังนั้นเธอไปจัดการทำเอกสารเรื่องนี้ได้เลย แล้วการประชุมผู้ถือหุ้นอาทิตย์หน้า เธอก็เข้าไปร่วมพรีเซนต์งานนี้ด้วยแล้วกัน เตรียมตัวให้ดี เพราะฉันจะให้เธอเป็นคนบรรยายความคิดนี้”
“ได้ค่ะ หนู เอ่อ ฉันจะทำให้ดีที่สุดค่ะ จะไม่ทำให้ท่านประธานผิดหวังแน่นอนค่ะ”
“ไม่เป็นไร อยู่ 2 คนเรียกพี่ก็ได้ เอาล่ะ ไปกินข้าวเที่ยงกัน ได้เวลาล่ะ” จินฉือบอก พร้อมกับลุกขึ้นเดินไปโอบไหล่เธอ และเดินออกจากห้องทำงานไป
“หนูขอไปเข้าห้องน้ำก่อนนะคะ เดี๋ยวตามลงไปค่ะ”
“อืม ได้”