บทย่อ
เธอซึ่งถูกเลี้ยงให้เป็นน้องสาวบุญธรรม แต่ความรักมันห้ามกันไม่ได้เมื่อเธอเผลอใจไปหลงรักพี่ชายบุญธรรมของตัวเอง จินฉือที่เคยเจ็บกับความรักมาแล้วครั้งหนึ่ง เขาใช้เวลานานมากกว่าจะทำใจเรื่องรักครั้งนั้นได้ จนหลีเสี่ยวโยที่เป็นน้องสาวบุญธรรมทำให้เขาสามารถมีรักครั้งใหม่ได้อีกครั้ง แต่เมื่ออดีตคนรักกลับมา และมีลูกกับเขา เขาจึงต้องทำร้ายความรู้สึกและความรักของหลีเสี่ยวโย และไปรับผิดชอบลูกและอดีตคนรัก
ลูกสาวบุญธรรม
มหาวิทยาลัย..
เสี่ยวโย ดาวมหาลัยนักศึกษาสาวปี 3 หลังจากทำข้อสอบเสร็จ เธอได้คุยกับเพื่อนสาวเพื่อชวนกันไปทานอาหารเย็นฉลองสอบเสร็จ ก่อนจะไปเธอโทรไปหาผู้เป็นพ่อเพื่อจะบอกว่าวันนี้เธอจะกลับดึก แต่จู่ๆ เธอยืนนิ่ง หน้าตาซีดขาว และโทรศัพท์ร่วงหล่นจากมือ
“เสี่ยวโย เป็นอะไรไปรึเปล่า” หลิวหยาง เพื่อนสาวคนสนิทถามขึ้น เมื่อเห็นเพื่อนสาวเงียบนิ่งไป และน้ำตาคลอ
“พะ…พะ…พ่อ พ่อฉัน เกิดอุบัติเหตุ ตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาล ฉัน ฉันจะทำยังไงดี พ่อ พ่อฮือ ฮือ” เสี่ยวโย ร้องไห้แขน ขาอ่อนแรง เพราะเป็นห่วงพ่อมาก รีบมุ่งหน้าไปหน้ามหาลัย เรียกแท็กซี่ไปยังโรงพยาบาล
ห้อง ICU …
“สวัสดีค่ะ ฉันคือ ลี๋ เสี่ยวโย พ่อของฉันเป็นยังไงบ้างคะ” เสี่ยวโย ถามบอดี้การ์ดที่ยืนรออยู่หน้าห้อง ICU เสี่ยวโยจำได้ คนพวกนี้เป็นเพื่อนร่วมงานของพ่อตัวเอง
“เอ่อ คือ…..” อู๋ซานบอดี้การ์ด อ้ำอึ้ง ไม่รู้จะตอบยังไง
จังหว่ะที่มีหมอออกมาจากห้อง ICU พอดี และหมอได้ถามว่า
“ใครคือญาติของคุณ หลี จิ้งเซียน ครับ”
“ฉันค่ะ ฉันเป็นลูกสาว”
“ต้องขอแสดงความเสียใจด้วยน่ะครับ ทางเราได้ช่วยเหลือจนถึงที่สุดแล้ว แต่ลูกกระสุนนั่นถูกเข้าที่จุดสำคัญ และเกิดเลือดคลั่งในสมอง ระหว่างที่กำลังผ่าตัด ผู้ป่วยทนพิษบาดแผลไม่ไหว และเกิดช๊อคระหว่างผ่าตัด จนเสียชีวิตในที่สุดครับ” หลังจากหมอพูดจบ ก็เดินจากไป
“พ่อ พ่อค่ะ หลิวหยาง ไม่จริงใช่มั้ย พ่อยังไม่ตายใช่มั้ย ฮือ ฮือ” เสี่ยวโย ร้องไห้และสลบไป
ในห้องพักฟื้น…
“หนูฟื้นแล้วหรอ ฉันเป็นเจ้านายของพ่อหนู เรื่องนี้ฉันจะเป็นคนรับผิดชอบเอง ฉันต้องขอโทษหนูด้วยน่ะ เรื่องนี้พ่อของหนูได้ทำหน้าที่ที่ดีมาก และเป็นผู้ช่วยที่ดีของฉันมาตลอด อุบัติเหตุในครั้งนี้เพราะพ่อของหนูเข้ามาบังกระสุนให้ฉัน จึงทำให้เกิดเหตุแบบนี้ขึ้น “
มู่ หนิงเฉิง พูดพร้อมกับเอามือลูบหัวเสี่ยวโย เขารู้สึกสงสารเสี่ยวโย เพราะเธอไม่เหลือใครแล้วในครอบครัว ทั้งพ่อและแม่
“หนูเข้าใจค่ะ หนูไม่ได้โกรธและไม่ได้คิดอะไรกับเรื่องนี้ค่ะ หนูรู้ว่าคุณนั้นมีบุญคุณ และพระคุณกับพ่อหนูและครอบครัวของหนูมาก พ่อเคยบอกว่าตอนที่หนูอายุได้แค่ 3 เดือน ครอบครัวเรายากจน โดนไล่ที่จากกลุ่มนักลงทุนแถวบ้าน พ่อและแม่ถูกทำร้ายจนทำให้แม่ต้องเสียชีวิตเพราะเหตุการณ์นั้น ถ้าไม่ได้คุณช่วยไว้ และรับพ่อเข้ามาทำงานด้วย ตอนนี้ครอบครัวเราก็ไม่รู้จะเป็นยังไง แต่ตอนนี้หนูเสียใจมาก เสียใจมากจริงๆ ที่จะไม่มีพ่ออยู่แล้ว ฮือ ฮือ ฮือ พ่อเคยสัญญาหากหนูเรียนจบจะพาหนูไปเที่ยวฉลองวันเกิดที่ฮอกไกโด 10 กว่าปีแล้วที่หนูไม่ได้อยู่ฉลองด้วยกันกับพ่อเลย ฮือ ฮือ” เสี่ยวโย ลุกขึ้นนั่งเธอพูด และร้องไห้
“ต่อไปนี้หนูไม่ต้องพักอยู่คนเดียวแล้วน่ะ ฉันพร้อมจะรับหนูเข้ามาในตระกูลมู่ ฉันจะดูแล ส่งเสียและเลี้ยงดูหนูเหมือนลูกสาวแท้ๆ คนหนึ่ง เพราะจิ้งเซียน พ่อของหนูก็เหมือนน้องชายของฉัน อีกอย่างป้าจาง พี่สาวของพ่อหนูก็อยู่ในบ้านตระกลูมู่เหมือนกัน” หนิงเฉิง พูดพร้อมกับโอบไหล่ของเสี่ยวโยเพื่อปลอบเธอ ให้เธอรู้สึกอบอุ่น
“ขอบคุณค่ะ คุณท่าน” เสี่ยวโยยังร้องไห้แทบขาดใจ พร้อมโอบกอดเอวหนิงเฉิง ในท่าที่นั่งอยู่บนเตียง
ตระกลูมู่..
“จัดการงานศพของจิ้งเซียงให้สมเกียรติ และเรียกป้าจางมาพบฉันที” หนิงเฉิงบอกกับอู๋ซาน
“ครับ ท่านประธาน” อู๋ซานรับคำ และไปตามป้าจาง
.ก๊อก ก๊อก ก๊อก..
.เข้ามา
“นายท่านเรียกป้ามา มีเรื่องอะไรให้รับใช้รึเปล่าค่ะ”
ป้าจางเป็นแม่บ้านที่ซื่อสัตย์ และอาวุโส จงรักภักดีกับครอบครัวตระกลูมู่มาก เพราะทั้งเธอและพ่อของซิงเยียนนั่นต่างก็ถูกหนิงเฉิงช่วยเหลือมาทั้งคู่ อีกอย่างป้าจางเป็นหัวหน้าแม่บ้าน และทำงานอยู่ในตระกลูนี้มา 15 ปี แล้ว
“ป้าช่วยเตรียมห้องให้เสี่ยวโยด้วยน่ะ ต่อไปนี้เธอจะเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ในฐานะลูกบุญธรรมของฉัน เตรียมห้องบนตึกให้เธอได้เลย และฝากป้าช่วยดูแลเธอด้วยแล้วกัน เพราะเธอไม่เหลือใครแล้ว นอกจากป้าที่เป็นญาติผู้ใหญ่เหลือเพียงคนเดียวแล้ว ยังไงหากเธอมาแล้วก็ให้ขึ้นมาพบฉันด้วยน่ะ” หนิงเฉิงกล่าว และนั่งทำงานต่อ
“รับทราบค่ะ ป้าต้องขอบคุณ คุณท่านด้วยนะคะ ที่สงสารและเอ็นดูหลานสาวของป้า เสี่ยวโยเป็นเด็กดี ขยัน กตัญญู ป้าก็รักเธอเหมือนลูกอยู่แล้ว คุณท่านไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ” ป้าจางพูดและขอลาออกไปทำงานต่อ
“ป้าค่ะ ให้หนูพักอยู่กับป้าก็ได้ค่ะ หรือให้หนูนอนห้องคนใช้ก็ได้ หนูไม่อยากอยู่บนตึกนี้ มันกว้างใหญ่เกินไป หนูไม่อยากรบกวนคุณท่าน แค่นี้ก็เป็นพระคุณมากแล้ว” เสี่ยวโยจับมือป้าจาง และคะยั้นคะยอขอเปลี่ยนห้องพัก เพราะเธอไม่รู้จะทำตัวยังไง ถึงท่านจะรับดูแลเหมือนลูกบุญธรรมก็เถอะ เสี่ยวโยก็รู้สึกไม่สบายใจอยู่ดี
“ไม่เป็นไรหรอก พักที่ไหนก็เหมือนกัน ท่านรักและเอ็นดูหลานขนาดนี้แล้วจะไม่รับน้ำใจท่านไว้ก็จะเสียมารยาทไป รีบเก็บกระเป๋าก่อน เดี๋ยวค่อยมาจัดของ ป้าจะพาไปพบคุณท่านก่อน เพราะท่านรออยู่” ป้าจางพูดเสร็จก็พาเสี่ยวโยไปยังห้องทำงานของหนิงเฉิงทันที
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
…เข้ามา
…คุณท่านค่ะ เสี่ยวโยมาแล้วค่ะ
“อืม ป้ามีอะไรก็ไปทำก่อนเถอะ ส่วนหนูนั่งลงก่อน …เป็นยังไงบ้างห้องที่เตรียมไว้ให้สะดวกสบายดีรึเปล่า ขาดเหลืออะไรก็บอกฉันได้น่ะ หลังจากนี้ไปแล้วหนูเรียกฉันว่าพ่อได้น่ะ เพราะตอนนี้ฉันถือว่าหนูเป็นลูกสาวคนหนึ่งของฉัน หนูไม่ต้องกังวลและคิดมากอะไรหรอกตระกลูมู่ของเราจะมอบความอบอุ่นและเติมเต็มสิ่งขาดไปให้หนูเอง” หนิงเฉิงพูด
“หนูขอบคุณ คุณท่านมากนะคะ ที่เอ็นดูหนู หนูไม่ได้หวังอะไรมากมายค่ะ ขอแค่ให้มีที่ซุกหัวนอน ได้เรียนหนังสือจนจบ มีงานทำ ได้ทำในสิ่งที่ต้องการ เดินตามความฝันของตัวเอง แค่นี้หนูก็พอใจแล้วค่ะ คุณท่านไม่ต้องรู้สึกผิดกับหนูเลยนะคะ เพราะหนูไม่ได้โทษท่านเลย หนูมาอยู่ที่นี่ หนูยินดีรับน้ำใจของคุณท่านนะคะ แต่หากหนูเรียนจบ มีงานทำและได้เดินทางตามฝันแล้ว หนูจะขอเดินตามทางของหนู หวังว่าคุณท่านจะเข้าใจหนูนะคะ เพราะชีวิตหนูอยู่แบบนี้มันไม่ใช่ตัวตนของหนูจริงๆ ค่ะ” เสี่ยวโยพูดทั้งคำนับขอบคุณหนิงเฉิง
หนิงเฉิงเงียบและเข้าใจความคิดที่โตเป็นผู้ใหญ่ของเสี่ยวโย
“ได้ ตกลงตามนั้น เอาที่หนูสบายใจ ฉันจะคอยสนับสนุนและคอยส่งเสริมหนูแล้วกันน่ะ ส่วนบัตรใบนี้เป็นเงินชดเชยของพ่อหนู 5,000,000 หยวน หนูเก็บไว้น่ะ ส่วนบัตรนี้เป็นบัตรค่าใช้จ่ายของหนู ฉันจะโอนค่าใช้จ่ายให้หนูเข้าบัตรใบนี้ทุกเดือน เดือนละ 100,000 หยวน หนูอย่าได้ปฏิเสธเลยน่ะ เพราะจริงๆ แล้วชีวิตพ่อของหนูมีค่ามากกว่านี้ด้วยซ้ำ” หนิงเฉิง กล่าวแล้วจับมือของเสี่ยวโยไว้ เพราะดูท่าทางของซิงเยียนแล้ว ดูจะปฏิเสธน้ำใจนี้ของเขา
เสี่ยวโยอยากปฏิเสธ แต่ต้องกลืนคำพูดนั้นลงคอไป เพราะหนิงเฉิงพูดตัดขึ้นมาก่อน เธอจึงรับน้ำใจนั้นไว้ และคิดว่าคงรบกวนตระกูลนี้แค่ 1 ปีเท่านั้น เพราะอีกแค่ 1 ปีเธอก็จะเรียนจบแล้ว