บทที่ 5
“แม่ดามารับโอ๊ตแล้วครับคุณยาย โอ๊ตไปก่อนนะครับ”
เด็กชายวิ่งหน้าแป้นกลับมาหาหญิงชรา ที่นั่งอยู่หน้าบ้านบนเก้าอี้หวายปูด้วยผ้ารองเบาะสีหวาน เมื่อเห็นรถยนต์สีดำคุ้นตาแล่นเข้ามาในบ้าน หญิงสาวร่างเพรียวหน้าคม ที่ก้าวลงมาจากรถและไหว้หล่อน ทำให้หญิงชรารีบไหว้ตอบ แม้จะเป็นอริกันมาระยะหนึ่ง แต่ตอนนี้คนตรงหน้ากับหล่อนพบกันคนละครึ่งทางแล้ว นั่นก็เพราะเรื่องหลานตัวน้อยที่กำลังเต้นเร่าๆ เกาะขาผู้เป็นอา ซึ่งโน้มตัวลงมากอดหลานรักไว้ทันที
“เป็นไง ? ดื้อกับยายหรือเปล่าเรา ซนไหมคะคุณแจ่ม” แจ่มใจ ส่ายหน้าก่อนจะยิ้มให้กับฉัตรธิดา
“ไม่หรอก เป็นเด็กดีมาก ช่วยยายทำขนมด้วย หนูดาเลี้ยงหลานดีจริงๆ”
“ยังไม่แผลงฤทธิ์น่ะสิคะ ถ้าลองแผลงฤทธิ์แล้วก็กระเจิงเหมือนกันแหละค่ะ หนูเองบางทีก็ยังต้องตีเลย” คนที่อยู่ในอ้อมกอดรีบค้านเสียงแจ๋วทันที
“ไม่ได้ดื้อเสียหน่อย แค่ไม่ฟังที่แม่ดาว่าเฉยๆ โอ๊ตบางทีก็ไม่ได้ยิน แค่มัวแต่ดูทีวีไม่ทำการบ้านแม่ดาก็ตีแล้ว ไม่ใจดีเหมือนยายเลย”
สตรีต่างวัยหัวเราะขึ้นมาพร้อมๆ กันทันที ฉัตรธิดาแกล้งว่า ขณะที่หอมแก้มคนในอ้อมกอดแรงๆ
“งั้นอยู่กับยายแจ่มเลยไหม?”
“ไม่เอา จะอยู่กับแม่ดา มาให้ยายตามใจเป็นบางครั้งดีกว่า”
แจ่มใจหัวเราะกิ๊กๆ กับความช่างพูดของหลานชาย จนต้องซับน้ำตา ส่วนฉัตรธิดาเองก็ส่ายหน้า
“แก่แดดจริงๆ เลยเรา รู้มาก...ไหว้ลาคุณยายก่อน ไว้ปิดเทอมค่อยมาใหม่ หนูไปก่อนนะคะคุณแจ่ม”
หล่อนรับกระเป๋าใบโตของฉัตรอัมรินทร์มาถือไว้ ก่อนจะไหว้ลาหญิงชรา แจ่มใจยื่นซองสีน้ำตาลมาให้หญิงสาว พร้อมกับรอยยิ้ม
“นี่รับไว้นะหนูดา ยายช่วยหลาน ถ้าไม่รับก็ต้องพากันไปขึ้นศาลเสียแล้ว”
คำพูดของแจ่มใจ ทำเอาฉัตรธิดาอดหัวเราะกิ๊กไม่ได้ เมื่อถูกท้าวความหลังถึงเรื่องการแย่งกรรมสิทธิ์ในหลานตัวน้อย หล่อนไม่ยอม แจ่มใจที่เป็นมารดาของหทัยพรพี่สะใภ้ของหล่อน ก็ไม่ยอมเหมือนกัน ต่างคนต่างจะฟ้องร้องอ้างสิทธิ์ในการเลี้ยงดู แต่ในที่สุดก็ตกลงกันได้
โดยที่แจ่มใจจะรับหลานมาเลี้ยงช่วงปิดเทอม ส่วนเรื่องการเรียนฉัตรธิดาขอดูแลหลานชายของหล่อนเอง หล่อนรับปากและทำให้แจ่มใจเชื่อใจได้ว่า ฉัตรธิดาจะเลี้ยงดูฉัตรอัมรินทร์ได้ดีพอๆ กับพ่อแม่ของพวกเขา อีกอย่างหนึ่งตัวหล่อนก็อายุมากแล้ว ถ้าแย่งหลานมาไว้เสียเอง กลัวว่าจะตายไปก่อนแล้วฉัตรอัมรินทร์จะทำยังไง ทั้งหล่อนและฉัตรธิดาเซ็นสัญญาสงบศึกกันถาวร ช่วงระยะที่ยังแข็งขึงใส่กัน ฉัตรธิดาจะหวงหลานชายของหล่อนมาก เพราะกลัวว่าแจ่มใจจะมาพรากไป แต่ตอนนี้เข้าใจกันแล้วและทุกอย่างก็เป็นไปด้วยดี มือเรียวของหล่อนรับซองสีน้ำตาล ที่แจ่มใจยื่นให้มาใส่ไว้ในกระเป๋าถือ ก่อนจะยกมือไหว้ขอบคุณ ถ้าหล่อนไม่รับหญิงชราคงจะไม่ยอมแน่ๆ หลังจากการร่ำลาระหว่างยายหลานเสร็จสิ้นลงแล้ว โดยการหอมกอดกันไปหลายที ฉัตรอัมรินท์ก็มานั่งคุยแจ้วอยู่บนรถของอาสาว เพื่อพากลับบ้านด้วยกัน
“คิดถึงกังฟูจังเลย แม่ดา”
“กลับไปก็อาบน้ำให้เลย เจ้ากังฟูน่ะจะได้หายคิดถึง”
ฉัตรธิดาว่า แล้วหัวเราะหลานชายที่ทำหน้ามุ่ย เพราะการอาบน้ำเจ้าหมา เป็นสิ่งที่เด็กชายไม่ค่อยชอบนัก มันไม่ค่อยอยู่นิ่ง แถมร้องอิ๋งๆ หนวกหูอีกต่างหาก แถมพอเสร็จก็ต้องเอามาไดร์ขน เจ้ากังฟูเกลียดเสียงไดร์คอยจะเห่าแข่งกับเสียงหวือๆ ของเครื่องเป่าอยู่เรื่อย กว่าจะเสร็จสิ้นกระบวนการทำความสะอาดเจ้าหมา ก็หนวกหูแถมเปียกกันไปเป็นแถวๆ ทุกที
“อื้อ” ฉัตรอัมรินทร์ส่ายหน้าทันที ฉัตรธิดาเอื้อมมือไปโคลงหัวหลานชายอย่างเอ็นดู
“ไหนทำขนมอะไรเป็นบ้างบอกแม่ดาบ้างสิ”
“ขนมบัวลอยครับ โอ๊ตปั้นเก่งนะยายแจ่มชมว่าโอ๊ตปั้นสวย เอาแป้งผสมกับถั่วด้วย ผสมกับเผือกก็อร่อย มันเป็นสีๆ ด้วยนะแม่ดา ถั่วสีเหลือง เผือกสีม่วง”
“กลับไปทำให้แม่กินหน่อยนะ”
“ได้ครับ”
ฉัตรอัมรินทร์รับคำขันแข็ง จนผู้เป็นอาต้องหัวเราะ สองอาหลานสนทนากันมาเรื่อยๆ จนเมื่อจะเลี้ยวออกจากหมู่บ้านที่แจ่มใจอาศัยอยู่ รถยนต์คันหรูสีครีม โลโก้หน้ารถบอกได้ว่าราคาแพงมากขนาดไหน เลี้ยวตัดเข้ามากะทันหัน จนฉัตรธิดาเบรกไม่ทัน
เอี๊ยด ! โครม !
เสียงรถชนกันดังสนั่น สายรัดนิรภัยรัดแน่นไว้ทำให้หล่อนไม่กระแทกกับคอนโซลรถแต่ก็เจ็บหน้าอกน่าดูเหมือนกัน ฉัตรอัมรินทร์ถึงกับครางอ่อย หญิงสาวรีบดูไปตามร่างกายของหลานรักทันที
“เจ็บไหม โอ๊ต”
ก๊อก ! ก๊อก ! เสียงเคาะกระจกรถของหล่อน ทำให้ฉัตรธิดาหันขวับไปมอง ชายร่างสูงผิวขาว คิ้วเข้ม นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้ม ตอนนี้มีประกายว่าร้อนรนเต็มที่ เขาหน้าตาคุ้นๆ อย่างบอกไม่ถูก หล่อนรีบไขกระจกรถลงทันที