บทที่ 6
มหาสมุทรมองหญิงสาวสวยตรงหน้าอย่างตะลึงงัน เขาเกือบจะลืมเรื่องที่เขามัวแต่คุยโทรศัพท์จนขับรถตัดหน้าหล่อนไปแล้ว ดวงตาสีน้ำตาลเข้มของเขามองกวาดไปทั่วใบหน้ารูปไข่งดงามของหล่อน แล้วก็ยืนนิ่งค้างอยู่อย่างนั้น จนหญิงสาวขมวดคิ้ว แล้วมองคนตรงหน้าอย่างเริ่มสงสัยว่าจะเอายังไงกันแน่
“คุณ! คุณตัดหน้ารถฉันแบบนี้ แล้วอย่างนี้จะเอายังไงจะเรียกประกันไหม?”
เสียงใสๆ จากริมฝีปากอิ่มสีชมพูจัด ทำให้มหาสมุทรตื่นขึ้นมาจากภวังค์ เขารีบละล่ำละลักขอโทษหล่อนทันที หากแต่สายตายังไม่ละจากใบหน้าของหล่อน จนฉัตรธิดารู้สึกได้และเริ่มไม่พอใจ
“เอ่อ...ขอโทษครับ ผมไม่ได้ดู เอาอย่างนี้ ไม่ต้องเรียกประกันก็ได้ ผมยินดีรับซ่อมรถให้คุณเอง” ฉัตรธิดาเลิกคิ้ว ก่อนจะพยักหน้า
“เอาอย่างนั้นก็ได้ เป็นยังไงบ้างโอ๊ตลูก” เธอหันไปหาฉัตรอัมรินทร์อย่างเป็นห่วง
“เป็นอะไรกันมากหรือเปล่าครับ”
ชายหนุ่มมองเลยเข้าไปในรถ เห็นเด็กชายตัวน้อย หน้าตาละม้ายคล้ายหญิงสาว ที่ความงามของหล่อนทำเอาเขาตะลึงงัน เขารู้สึกติดใจหล่อนเอามากๆ และอยากทำความรู้จักด้วย ฉัตรธิดาปลดเข็มขัดนิรภัยให้หลาน แล้วลูบไปทั่วแขนขาอย่างสำรวจ มหาสมุทรมองกิริยานั้น แล้วอยากให้เป็นภาพครอบครัวของเขา ขึ้นมาเสียดื้อๆ เขาถอนใจ หรือว่านั่นจะเป็น...
“ฉันกับลูกไม่เป็นอะไรมากค่ะ เราจะไปซ่อมรถได้ที่ไหนคะ?”
ฉัตรธิดาเน้นคำว่าลูก ให้เข้าใจผิดกันไปเลยดีกว่า หล่อนคิด จะได้ไม่ต้องมายุ่งวุ่นวาย หล่อนไม่ชอบสายตาที่เขามองหล่อนเลยจริงๆ มันทำให้ฉัตรธิดาขนลุก อาการรู้สึกรังเกียจผู้ชายวูบขึ้นมาอีกแล้ว
มหาสมุทรลอบถอนใจ เฮ้อ...เสียดายจริงๆ ที่มาเจอหล่อนช้าไป เขาล้วงเอานามบัตรของอู่ซ่อมรถออกมา พร้อมกับนามบัตรของเขายื่นให้หล่อน อดลอบมองใบหน้างามนั้นอย่างอาวรณ์อีกครั้งไม่ได้
“ตามนามบัตรนี้ครับ เอ่อ...แล้วก็นี่นามบัตรผม เบอร์โทรศัพท์ของคุณ...”
ฉัตรธิดารีบรับนามบัตรทั้งสองใบมาวางตรงหน้ารถ ก่อนที่มหาสมุทรจะพูดจบ และยิ้มให้ชายหนุ่มนิดหน่อยเหมือนเสียไม่ได้
“ขอบคุณค่ะ งั้นก็ลาเลย พวกเราสองแม่ลูกจะรีบไปธุระ”
หล่อนปิดกระจก และถอยรถออกจากรถเขาอย่างรวดเร็วแล้วขับไปทันที ทิ้งให้ชายหนุ่มมองตามตาปรอย แถมถอนใจเฮือกอย่างเสียดาย ใบหน้างดงามยังตามไปหลอกหลอนในห้วงนึก ขณะที่เขาขับรถกลับบ้าน
เสียดายจริงๆ ใครได้หล่อนไปเป็นแม่ของลูกกันนะ ช่างน่าอิจฉาจริงๆ ให้ตายเถอะ
..............................................................................................................................................
ร่างสูงที่เอนหลังตามสบายกับเก้าอี้ไม้ขนาดใหญ่ ที่ตั้งไว้ตรงศาลากลางสวน ตกแต่งไว้อย่างงดงามในบ้านทรงยุโรป ราวกับปราสาทหลังขนาดกว้างใหญ่ เนื้อที่เกือบสี่ไร่ครึ่ง ซึ่งมันก็เป็นเนื้อที่มูลค่ามหาศาล เมื่ออยู่ในกลางเมืองหลวงแบบนี้ ชายหนุ่มก้มลงมองหนังสือนิตยสารท่องเที่ยวในมือ และเริ่มผิวปากตามเพลง ที่กำลังเสียบหูฟังไอพอตอยู่อย่างเพลิดเพลิน เขาคิดได้แล้วว่ามีโปรแกรมอะไรดี สำหรับวันสุดสัปดาห์นี้
“พี่ซี มานั่งอยู่ตรงนี้เอง คุณแม่ให้มาตามน่ะครับ”
สายน้ำเงยหน้าขึ้นจากหนังสือตรงหน้า ก่อนจะทำหน้าแปลกๆ ให้กับคนที่เดินมาตาม จะยิ้มก็ไม่ใช่ จะแสยะก็ไม่เชิง แถมถอนหายใจเฮือกใหญ่อีกต่างหาก ชายหนุ่มยังเอนนอนกับเบาะนุ่ม เขาไม่ได้ใส่เสื้อ เปลือยท่อนบนอวดกล้ามเนื้อกำยำ สวมเพียงกางเกงเลสีดำเท่านั้นเอง มหาสมุทรมองลูกพี่ลูกน้องก่อนจะหัวเราะ กับท่าทางของพี่ชายที่เป็นญาติของเขา
“ทำไมล่ะพี่ซี? คุณแม่ผมเรียกไปพบเฉยๆ คงไม่มีอะไรหรอกครับ”
“อย่างน้าเริงนะเหรอจะเรียกพี่ไปคุยเฉยๆ” สายน้ำเบ้ปากเมื่อนึกถึงเริงใจ มารดาของมหาสมุทร
“ไม่มีทางหรอน่าแซน มีแต่จะสวดพี่ที่ไม่ยอมไปทำงานที่บริษัทเสียทีมากกว่า”
“พี่ซีก็น่าจะเข้าไปบ้างสิครับ” มหาสมุทรว่า แล้วทรุดลงนั่งที่เก้าอี้อีกตัวข้างพี่ชาย
สายน้ำแก่กว่าเขาสองปี แม้จะไม่ได้เจอกันนัก แต่เขาก็รักและนับถือพี่ชายคนนี้มาก เขามองผิวสีแทนและรูปร่างกำยำของสายน้ำอย่างอิจฉา ตัวเขาเองมีผิวที่ขาวจัด ซึ่งไม่ได้ชอบเอาเสียเลย เพราะว่าดูไม่ค่อยสมชายสักเท่าไหร่ สายน้ำมีรูปร่างและท่าทางเป็นพวกสปอตแมน มีพลังทางเพศสูง ผู้หญิงมักจะมองพี่ชายเขาเป็นตาเดียวอยู่เสมอ ไม่ว่าสายน้ำจะทำอะไรก็ดูดีไปเสียหมด ในสายตาของมหาสมุทร แม้แต่เรื่องที่ยังไม่ยอมเข้าทำงานเสียทีนี่ก็ตาม มหาสมุทรนึกอิจฉาพี่ชาย ตัวเขาเองมักจะถูกครอบงำไว้ตลอดเวลาโดยผู้เป็นมารดา ส่วนสายน้ำได้ใช้ชีวิตตามใจชอบ อยู่นานหลายปี เพิ่งจะมาโดนเรียกตัวกลับปีนี้นี่แหละ
“ยังไม่อยากเข้าไป พี่ยังอยากจะเที่ยวอีกสักเดือนสองเดือน”
“เดือนสองเดือนหรือปีสองปีตาซี!” เสียงแหลมๆ ที่ขัดขึ้นมา ทำเอาสองพี่น้องซึ่งนั่งคุยกันอยู่เพลินๆ สะดุ้งโหยง
ร่างค่อนข้างเพรียว ในชุดยาวกรุยกรายสีน้ำทะเลของเริงใจ ปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับพัดคู่ใจในมือ สายน้ำแอบเรียกมันว่าอย่างนั้น เพราะน้าของเขาติดพัดด้ามจิ๋วนี้มาก อยู่ที่ไหนก็ต้องพกไปด้วย ถ้าเขาพูดอะไรไม่ถูกใจ ก็มักจะโดนพัดในมือนั่นแหละเขกหัวเอา หล่อนสั่งคนรับใช้ที่เดินถือถาดบรรจุขนมสังขยา ให้เอามาวางตรงข้างๆ สองหนุ่ม แล้วท้าวเอวมองหลานชายตัวดีตาขวาง สายน้ำทำเป็นไม่สนใจผู้เป็นน้า เขาเอนนอนตามเดิมและเอาหนังสือบังหน้าเฉย จนเริงใจต้องเดินมาดึงเอาหนังสือออก แล้วเอาด้ามพัดในมือเคาะแขนหลานชายเบาๆ สายน้ำยิ้มหวานให้กับผู้เป็นน้า
“อะไรครับน้าเริง?”
“พรุ่งนี้ไปบริษัทด้วยกันนะตาซี เห็นพ่อกับแม่เราไม่ว่า นี่ก็จะไม่ยอมทำอะไรเลยนะ”
สายน้ำแอบหันมาขยิบตากับมหาสมุทร ที่นั่งอมยิ้มอยู่ มองมารดาออกฤทธิ์กับหลานชายตัวดี ที่เจ้าตัวทำเอื่อยๆ เฉยๆ จนมารดาเริ่มจะเต้น
“ผมยังไม่ชินกับเวลาเมืองไทยครับน้าเริงกลัวตื่นสาย” ชายหนุ่มอ้าง เริงใจค้อนหลานชายขวับ ก่อนจะตวาดแว้ด
“น้าจะปลุกเราเอง พี่รื่นกับพี่เทพไปเมืองนอก น้าจะจัดการเราเอง ถ้าพ่อกับแม่เรากลับมา จะได้ดีใจที่ลูกชายเป็นโล้เป็นพายขึ้นมาบ้าง”
“ครับ ตามใจน้าเริง ขอหนังสือผมคืนหน่อยนะครับ”
สายน้ำยื่นมือมาขอหนังสือคืน เริงใจมองใบหน้าหล่อเหลาของหลายชายอย่างหมั่นไส้ ก่อนจะส่งหนังสือคืนให้ แล้วก็เดินสะบัดหน้าโบกพัดใบมือไปมาอย่างระบายอารมณ์หนีเข้าบ้านไปเลย พ่อหลานชายตัวดีกลับทำเฉยๆ เหมือนหล่อนบ้าที่ไปหาเรื่องอย่างนั้นแหละ มหาสมุทรส่ายหน้า ส่วนพี่ชายของเขาแอบขำ
“พี่ซี ลงให้คุณแม่บ้างเถอะครับ”
“แม่นาย เจ้ากี้เจ้าการแบบนี้มานานเท่าไหร่แล้วแซน”
ชายหนุ่มถอนใจกับคำถามของสายน้ำ เมื่อนึกถึงเรื่องเจ้ากี้เจ้าการของแม่เขาเรื่องล่าสุด
“ดีที่พี่ซีเป็นแค่หลานชายนะครับ ส่วนผมโดนหลายเรื่องเลย”
“เรื่องอะไรบ้างล่ะ” สายน้ำลุกขึ้นแล้วคว้าชามขนมสังขยาฟักทอง ที่ตัดเป็นชิ้นพอดีคำขึ้นมาจิ้มใส่ปาก
มหาสมุทรถอนใจเฮือก ใบหน้าของเขาเคร่งขรึมลงไปเมื่อนึกถึงมารดา แต่แล้วใบหน้าสวย ตาคมหวานของใครบางคน ก็แวบเข้ามาจนชายหนุ่มคลายจากใบหน้าเคร่งขรึม เปลี่ยนเป็นแย้มริมฝีปากยิ้มแทน สายน้ำมองหน้าน้องชายแล้วก็ถามอย่างสงสัย
“อะไรนายแซน จู่ๆ ก็ยิ้ม เดี๋ยวเครียดเดี๋ยวยิ้ม พี่ชักจะกลัวนายแล้วนะนี่”
“พี่ซี เชื่อเรื่องรักแรกพบไหมครับ” ประโยคที่น้องชายถาม ทำเอาชายหนุ่มย่นคิ้ว สายน้ำหัวเราะแล้วส่ายหน้า
“ส่วนตัวพี่ไม่เชื่อ เพราะไม่เคยเจอใครที่ทำให้ประทับใจขนาดรักได้เสียที ถ้าอย่างอื่นค่อยพูดกันได้หน่อย”
“พี่ซี จริงจังนะครับ” มหาสมุทรโอด
“นายไปเจอใครเข้าล่ะ ถึงขนาดรักแรกพบ love at first sight” สายน้ำกระเซ้า มหาสมุทรเริ่มหน้าแดงเรื่อ
“เอ่อ ก็เจอเมื่อบ่ายนี้แหละครับพี่ซี สวยถูกใจผมมากๆ แต่เสียดายที่เธอมีลูกแล้ว”
สายน้ำหัวเราะก๊ากๆ ทันที แถมหัวเราะเอา หัวเราะเอา จนมหาสมุทรต้องขอร้องให้พี่ชายหยุดขำ เพราะอายมากแล้ว
“รักแรกเมื่อสายเหรอนายแซนหึ หึ โอ๊ย ! ขำว่ะ เอาอย่างนี้ไหม คืนนี้ไปท่องราตรีกัน พี่จะได้พานายไปหา love at first sight คนใหม่”
“พี่ซีมาเมืองไทยแค่อาทิตย์เดียว รู้ที่เที่ยวแล้วเหรอครับ”
มหาสมุทรเลิกคิ้ว พี่ชายเขายักคิ้วให้ แล้วตบบ่าน้องชายเบาๆ
“รู้สิ เมื่อคืนนี้เพิ่งจะไปมา บรรยากาศส่วนตัว เพลงสนุก สาวๆ สวย”
“ถ้าคุณแม่รู้คงบ่นผมแน่ๆ”
ชายหนุ่มพึมพำอุบอิบ สายน้ำส่ายหน้ากับความเป็นลูกแหง่ไม่รู้จักโตของน้องชาย ที่โดนครอบไว้จนแทบจะไม่มีความคิดและอิสระเป็นของตัวเอง
“พี่จัดการเองน่าเรื่องน้าเริงนะ ปล่อยให้บ่นไปเถอะ รำคาญมากๆ นายก็ทำเป็นไม่ได้ยินไง”
“ผมทำแบบพี่ซีไม่ได้นี่ครับ คุยกับพี่ซีทีไรคุณแม่เผ่นทุกทีเพราะทนไม่ไหว” ชายหนุ่มขำอีกรอบ แล้วกล่าวสำทับกับน้องชาย
“ยังไงก็เถอะ คืนนี้พี่กับนายไปเที่ยวกัน ไอ้คมมันไม่ว่าง พี่อยากจะไปอีกสักทีหนึ่ง”
สายน้ำว่า เมื่อนึกถึงสถานที่เมื่อคืน นัยน์ตาคมกริบของเขามีประกายมุ่งมั่น
ถ้าเจอหล่อนคืนนี้ แม่สาวเก็บแต้ม หึ หึ เขาจะต้องพาหล่อนกลับมาด้วยให้ได้ ถ้าเล่นตัวนัก ก็จะจับแบกขึ้นบ่าออกมาจากร้านเสียเลย แล้วจะสอนบทเรียนให้หล่อนวาบหวามและจำเขาไว้ให้แม่นๆ ให้ลืมผู้ชายทั้งหลายที่เคยไปล่ามาทีเดียว สายน้ำคิดอย่างมันเขี้ยว ส่วนน้องชายเขาใจก็ล่องลอย ไปหาสตรีที่เขาประสบอุบัติเหตุด้วยเมื่อตอนบ่าย สองพี่น้องนึกไม่ถึงเลยว่า สตรีที่ต่างคนต่างเจอต่างวาระนั้นเป็น คนเดียวกัน...