บทที่ 16 ใจร้าย
“หยุดดิ้น ถ้าไม่หยุด ฉันไม่ปล่อย”
“ก็ลองดูสิ คิดว่าฉันไม่กล้าทำอะไรคุณงั้นเหรอ”
ภูชิสส์ยิ้มแล้วแกล้งรัดอ้อมแขนแน่นกว่าเดิม จรดปลายจมูกลงบนหน้าผากเกลี้ยงเกลาของหล่อนหนักๆ และฉกลงที่แก้มนุ่ม ปรายชลถึงกับหยุดดิ้นยืนตัวแข็ง หัวใจเต้นแรงด้วยความโกรธ ฟันขบเข้าหากันและฉับพลันนั้นถาดไม้ในมือก็ฟาดเปรี้ยงลงบนศีรษะชายหนุ่ม
“โอ๊ย!..” เขาคลายอ้อมแขนทันที หล่อนถอยห่างรวดเร็ว
“เธอทำบ้าอะไรเนี่ย นี่หัวฉันนะ” เขาตะคอกใส่หล่อน ดวงตาเป็นประกายวับวาว
“ก็หัวคุณน่ะสิ ฉันถึงกล้าตี เจ็บมั้ยล่ะ คงเจ็บสินะ ไม่อย่างนั้นคงไม่ร้องเสียงดังยังงี้หรอก ทีหลังอย่าทำกับฉันแบบเมื่อกี้อีก ฉันไม่ใช่ผู้หญิงข้างถนนที่คุณจะมาฉวยโอกาสได้ง่ายๆ”
หล่อนเบ้ปาก รีบก้าวไปที่ห้องครัว เอื้อมมือจะจับลูกบิดเปิด แต่ประตูเปิดออกมาก่อน จันทร์ยืนอยู่ตรงหน้า สีหน้าของจันทร์บอกชัดว่าไม่พอใจสาวใช้คนใหม่
“แกทำอะไรของแกยายปราย นั่นเจ้านายนะ แกตีหัวเขาได้ยังไง” จันทร์เสียงเข้มจิ้มนิ้วชี้ที่หน้าผากหญิงสาวตรงหน้า
“พี่จันทร์แอบดูละสิ ทำอย่างนี้ไม่ดีนะพี่ เขาเรียกว่าเสียมารยาทแต่ไม่เป็นไร ฉันไม่ถือ”
ปรายชลก้าวเข้าครัว วางถาดลงบนโต๊ะ หันมายิ้มยั่วโมโหจันทร์ หล่อนเข้าใจที่จันทร์พูดแต่หล่อนไม่อยากให้เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่และทำให้จันทร์เครียด เจ้านายหนุ่มตั้งใจล่วงเกินหล่อน ไม่ใช่การลงโทษที่หล่อนแอบฟังเขาคุยกับแม่ของเขา ในเมื่อเขาดูถูกศักดิ์ศรีของหล่อนอย่างนี้ เขาก็สมควรได้รับผลจากการกระทำของเขาแล้วไม่ใช่หรือ เขาจะได้รู้ว่าหล่อนไม่ใช่ผู้หญิงที่เขาคิดจะทำอะไร เมื่อไหร่ก็ได้ตามที่ใจเขาปรารถนา
“นังปราย ชักจะมากไปแล้วนะ นี่พี่เตือนแกดีๆนะ” จันทร์โกรธจริงๆ สายตามองมานั้น ขุ่นเคือง
“ฉันขอโทษจ้ะ แหม.แค่นี้ก็ต้องขึ้นเสียงเรียกนังด้วย ขอโทษพี่ อย่าโกรธนะ”
หล่อนยกมือไหว้จันทร์ รู้ว่าแม่บ้านสาวโกรธแต่จะทำอย่างไรได้ ในเมื่อหล่อนทำร้ายเจ้านายอันเป็นที่รักของจันทร์ไปแล้ว ถ้าภูชิสส์ไล่หล่อนออกจากบ้านหลังนี้ หล่อนจะยินดีและเต็มใจอย่างที่สุดทีเดียว หล่อนจะกลับกรุงเทพฯ หางานทำโดยเร็ว เพื่อช่วยผ่อนหนี้ให้ปรายฟ้า
หญิงสาวขมวดคิ้วมุ่นทันทีเมื่อคิดถึงพี่สาว ปรายฟ้าร้องไห้ขณะส่งหล่อนขึ้นรถภูชิสส์และอวยพรเหมือนกับจะรู้ชะตาชีวิตของน้องสาวว่าต้องเผชิญกับอะไรบ้าง หล่อนหันไปมองประตูครัว ภูชิสส์เงียบไปทำไมเขาไม่วิ่งตามมาทำโทษหล่อนที่กล้าตีศีรษะของเขาซึ่งป่านนี้อาจบวมปูดเท่าลูกมะนาวไปแล้วก็ได้
“พี่จันทร์ ทำไมคุณชิสส์ไม่โกรธฉันล่ะ เขาน่าจะวิ่งเข้ามาตบหน้าฉันเป็นการทำโทษนะ”
“คุณชิสส์ไม่ใช่คนอย่างนั้น เขาไม่ใช่คนโหดร้ายเหมือนแกหรอก เอายาไปทาให้คุณชิสส์เดี๋ยวนี้เลย เอาน้ำแข็งไปประคบให้เขาด้วย”
“โอ้ย ไม่เอา ถ้าฉันโผล่หน้าไปตอนนี้เขาหักคอฉันแน่ พี่จันทร์นั่นแหละไป ฉันต้มข้าวต้มเอง ฉันทำเป็น อร่อยด้วยนะ”
ปรายชลร้องค้านเสียงดังจับมือจันทร์พาไปที่ตู้ยาซึ่งอยู่ข้างประตูครัว จันทร์จับมือหล่อนออกแล้วเปิดตู้ยาหยิบหลอดยาสำหรับทาแก้ฟกช้ำออกมาจากตู้
“อย่ามากเรื่องนะนังปราย เอายานี่ไป น้ำแข็งอยู่ในตู้เย็น ผ้าอยู่ในลิ้นชักซิ้งบนผนังโน่น รีบๆ ถ้าไม่อยากถูกทัพพีเคาะกะโหลก เร็วๆ เลย”
จันทร์ดันหลังปรายชลไปถึงตู้เย็นหลังใหญ่แล้วหันไปคว้าทัพพีไม้ยกขึ้น ขยับมือไปมา สาวใช้คนสวยทำหน้าเหมือนคนป่วยหนักแต่จันทร์ไม่สงสาร ขยับทัพพีในมือเร็วขึ้น
“ก็ได้ๆ ใจร้ายจริงๆ เลยเชียว หน้าตาก็ดี ไม่น่าใจร้ายเลย” หล่อนบ่นพึมพำแต่การบ่นของหล่อนเรียกรอยยิ้มให้กับจันทร์ อารมณ์โมโหเมื่อครู่จางหายไป
ภูชิสส์ยกมือนวดตรงบริเวณที่ถูกปรายชลเคาะด้วยถาดไม้ เขาโกรธ หล่อนกล้าทำร้ายให้เขาเจ็บตัวแต่พอคิดถึงสิ่งที่เขาทำกับหล่อน ความโกรธนั้นก็เบาลงเปลี่ยนเป็นความโมโหเข้ามาแทน
“โอย..ยายบ้าเอ๊ย”
เขาร้องออกมาเมื่อมือถูกตรงจุดถูกตี เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น เขาลดมือลง ขยับนั่งตัวตรงพร้อมคำอนุญาตให้คนเคาะเข้ามาแล้วเอื้อมไปคว้าแก้วกาแฟมาจิบ สายตาจับที่ประตูห้องซึ่งกำลังเปิดออกช้าๆ
ปรายชลถือกะละมังใบเล็กและหลอดยาทาแก้ฟกช้ำเดินเข้ามายืนหน้าโต๊ะทำงานของภูชิสส์ เขาวางแก้วกาแฟมองไปที่หลอดยาแล้วเงยมองหน้าถือหลอดยาก็พอจะเดาได้ว่าหล่อนเข้ามาทำไม เขาแกล้งหยิบแฟ้มเอกสารมาวาง เปิดออกทำเหมือนไม่สนใจกับการมาของหล่อน
“คุณชิสส์คะ ฉันขอโทษ ฉันจะมาทายาให้ค่ะ อนุญาตนะคะ” หล่อนเอ่ยเมื่อเขายังเงียบอยู่
“ไม่ต้อง ฉันไม่เป็นไร” เขาตอบโดยไม่มองหน้าหล่อน
“ไม่เป็นไรทำไมหัวโนขนาดนั้นล่ะคะ เท่าลูกมะกรูดเลยนะ ให้ฉันดูหน่อยนะคะ”
หล่อนเดินอ้อมโต๊ะตัวใหญ่มายืนข้างเก้าอี้ที่เขานั่ง วางหลอดยากับกะละมังใส่ห่อผ้ามีน้ำแข็งอยู่ในนั้น หล่อนจับห่อผ้าขึ้นมาถือไว้มือหนึ่งอีกมือหนึ่งจับศีรษะของชายหนุ่มแล้วใช้ผ้ากดลงบนรอยนูนตรงหน้าผาก ถ้าหล่อนไม่จู่โจมอย่างนี้ ภูชิสส์ไม่ยอมให้หล่อนเข้าถึงตัว เขาโกรธหล่อน ทำไมจะดูไม่ออกแต่เขาทำตัวเอง ถ้าไม่ปล้ำจูบหล่อนก็คงไม่เจ็บตัวอย่างนี้