บท
ตั้งค่า

บทที่ 12 ร้าย

หญิงสาวมองหน้าน้าชายของภูชิสส์ หล่อนรับรู้ถึงความใจดีและมีน้ำใจของเขาแต่เขาไม่ใช่คนจ้างหล่อน เขาช่วยหล่อนไม่ได้ นอกจากภูชิสส์จะเลิกล้มความคิดให้หล่อนเป็นสาวใช้เท่านั้น ภานุรุจยิ้มแล้วเอ่ยเสียงติดขำๆ

“ทันคนอย่างนี้ก็ดี ตาชิสส์จะได้ไม่กล้าทำอะไรรุนแรงกับธอ ทำกับข้าวกันไปเถอะ ฉันไม่กวนแล้ว”

เขาเดินยิ้มออกไป รู้สึกถูกชะตากับหญิงสาวมากขึ้นทุกนาที ผู้หญิงคนนี้กล้าและน่าจะเก่งด้วย เขาไม่ห่วงหล่อนแล้วแต่ภูชิสส์ก็กล้าทำอะไรอย่างที่ทุกคนไม่คาดคิดได้เหมือนกัน เขาถอนหายใจยาวเดินออกไปหน้าบ้าน ภูชิสส์มองลงมาจากหน้าต่างเห็นน้าชายนั่งอยู่ที่ระเบียง ท่าทางใช้ความคิดอย่างหนัก เขายิ้มบาง พอจะรู้ว่าน้าชายกำลังคิดเรื่องอะไร

“คิดเสียเวลาเปล่าครับน้านุ”

เขาหัวเราะอย่างเห็นเป็นเรื่องขบขัน ภานุรุจคิดหาทางช่วยปรายชลซึ่งมันจะไม่มีวันสำเร็จ เขาไหวไหล่ เดินกลับมานั่งที่เตียงกว้าง เอนหลังนอนหงายลงกลางเตียง ดวงตาเพ่งมองดวงไฟกลมสีขาวนวนบนเพดาน ใบหน้าของสาวใช้คนใหม่ผ่านเข้ามาในมโนสำนึก ดวงตากลมโตขุ่นเคือง ริมฝีปากอิ่มหยักเม้มด้วยความโกรธ เขาดีดตัวขึ้นนั่ง สะบัดศีรษะแรงๆ

“ยายบ้าเอ๊ย ฉันจะไม่มีวันใจอ่อนให้เธอทำงานดีๆ อย่างที่น้านุพูดหรอก เธอต้องชดใช้สิ่งที่พี่สาวเธอทำ ยายปรายชล”

เขาเข้าห้องอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อย เดินลงมาชั้นล่างมองไปทางห้องครัวแต่เท้าไม่พาไปที่นั่นกลับเปลี่ยนทิศไปทางห้องทำงานแทน เปิดประตูก้าวเข้าไปในห้อง โต๊ะของเขาอยู่ทางซ้ายมือของประตู ด้านขวาจัดเป็นโต๊ะรับแขก ตู้เอกสารอยู่ด้านข้างของโต๊ะติดผนัง

โต๊ะไม้ตัวใหญ่ปราศจากแกกันดอกไม้ มีเพียงแฟ้มเอกสารเท่านั้น เขาใช้ห้องทำงานของพ่อเป็นห้องทำงานส่วนตัวของเขาโดยจัดห้องอีกห้องซึ่งอยู่ติดกันเป็นห้องทำงานของภานุรุจ เขาไม่อยากนั่งทำงานร่วมกับใครแม้แต่น้าชาย เขาเลื่อนเก้าอี้แล้วนั่งแต่ไม่หยิบแฟ้มเอกสารมาเปิดอ่านเช่นทุกครั้งที่เข้ามาในห้องทำงาน เขามองกองแฟ้มสีดำ สีเขียวอย่างใช้ความคิด นิ้วชี้เคาะพื้นโต๊ะเป็นจังหวะ ดวงตาสีเข้มไหววับรอยยิ้มค่อยๆ กระจายเต็มดวงหน้า

“ฉันไม่อยากให้ใครนั่งทำงานในห้องฉัน ยกเว้นเธอ ปลายชล”

เสียงพึมพำดังออกมาจากริมฝีปากหยักสีชมพู มือหยุดเคาะโต๊ะ ร่างสูงลุกจากเก้าอี้ ก้าวยาวๆ ไปที่ประตูห้อง

“คุณชิสส์คะ อาหารพร้อมแล้วค่ะจะให้ตั้งโต๊ะเลยมั้ยคะ” จันทร์เดินเข้ามาหาเจ้านายหนุ่ม

“น้านุลงมารึยัง”

“มาแล้วค่ะ อยู่ในครัวค่ะ” จันทร์ตอบแล้วยิ้ม

“ไปในครัวทำไม” ใบหน้าเข้มบึ้งขึ้นมาทันทีที่ได้ยินคำตอบของสาวใช้

“ไปคุยกับยายปรายค่ะ”

“มีเรื่องอะไรต้องคุย” เขาก้าวเร็วๆ ไปที่ห้องครัว จันทร์มองตามอย่างไม่เข้าใจ

“ทำไมต้องโมโหด้วยล่ะ เฮ้ย.งง” จันทร์เดินตามนายไปเงียบๆ

ภานุรุจมองหน้าปรายชลแล้วยิ้ม หล่อนเป็นหญิงสาวที่เขามองไม่รู้จักอิ่ม อยากมองหล่อนทุกวันอยากคุยด้วยทุกนาที เขายอมรับกับตัวเองอย่างเต็มปากว่าชอบปรายชลแม้ว่าจะรู้จักหล่อนไม่ถึง 24 ชั่วโมงก็ตาม

“เธอทำกับข้าวเก่งเหมือนกันนะ”

“พอทำได้แค่นั้นค่ะ ไม่เก่งอะไรหรอก ต้องมาฝึกมือกับพี่จันทร์อีกเยอะ”

“ขนาดแค่พอทำได้นะ ยังน่ากิน ถ้าทำเก่งสงสัยคนติดใจทั้งบ้านแน่”

“โดยเฉพาะน้านุใช่มั้ยครับ”

ภูชิสส์ส่งเสียงมาก่อนตัว ใบหน้าของเขาเครียดกว่าเดิม เขาหันมามองหญิงสาว ต้นเหตุทำให้อารมณ์ของเขาขุ่นมัว หล่อนสบตาเขาอย่างท้าทายแล้วเบ้ปากก่อนจะตักอาหารจากหม้อใส่ชามเตรียมเสิร์ฟ

“กับข้าวมื้อนี้คงถูกใจน้านุมากสิครับ ถึงได้เดินตามกลิ่นมาถึงในครัว ปกติน้าไม่ค่อยสนใจครัวเลยนี่ครับ” ดวงตาที่มองน้าชายไม่พอใจ คำพูดประชดประชัน ภานุรุจขมวดคิ้วนิดหนึ่ง

“ใช่ กลิ่นอาหารหอมมาก อาหารต้องอร่อยมากด้วย น้าก็เลยสนใจเข้ามาดูว่าใครเป็นคนทำ ปรายพรุ่งนี้แกงเขียวหวานให้ฉันกินหน่อยนะ จันทร์ซื้อขนมจีนมาด้วย ฉันชอบมาก”

หนุ่มใหญ่ยั่วโทสะหลานชายด้วยคำพูดแล้วเดินยิ้มออกไป ภูชิสส์ขบกรามแน่น เขาหันมาจ้องหน้าปรายชล แค่วันแรกหล่อนก็โปรยเสน่ห์ให้น้าชายของเขาหลงใหล วันต่อไปล่ะ หล่อนจะทำให้น้าเขาเอ่ยปากขอความรักจากหล่อนหรือเปล่า

“ร้ายนักนะ ดี..ร้ายๆ อย่างนี้แหละดี ฉันชอบ”

เขาพูดลอดไรฟัน ดวงตาจ้องเขม็งที่ใบหน้าเกลี้ยงเกลา ครู่หนึ่งจึงหมุนตัวเดินออกจากห้องครัว จันทร์มองเจ้านายสลับกับสาวใช้ป้ายแดง เริ่มสงสัยในตัวปรายชล หล่อนเป็นใคร ทำไมน้องชายคุณผู้หญิงกับเจ้านายน้อยจึงสนใจมากอย่างนี้ ไม่ใช่แค่ความสวยเท่านั้นแต่ต้องมีอะไรพิเศษมากๆ จันทร์จ้องหน้าปรายชลแล้วเอ่ยขึ้น

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel