บทที่ 10 ฝากงาน
“เข้าใจก็ดีแล้ว ต่อไปก็กวาดบ้าน เช็ดถูวันเว้นวัน ล้างห้องน้ำ รดน้ำต้นไม้ ซักผ้า รีดผ้า ทำกับข้าวเป็นบางวันเพราะคุณภูชิสส์ไม่ค่อยทานที่บ้าน ส่วนใหญ่จะทานมาจากโรงแรม”
จันทร์อธิบายให้ปรายชลเข้าใจถึงหน้าที่ๆ จะต้องทำทุกวัน หญิงสาวถอนหายใจพร้อมกับพ่นลมออกทางปาก ไม่อยากเชื่อว่าตัวเองจะต้องมาบริหารงานในบ้านแทนการไปนั่งเก้าอี้นุ่มๆ ในห้องแอร์เย็นฉ่ำ เข้าห้องประชุมตามเจ้านายใหญ่ หอบแฟ้มเอกสารวิ่งเข้าออกห้องประธานกรรมการบริหารหรือห้องผู้จัดการโรงแรม หล่อนถอนหายใจอีกครั้งแล้วเดินตามจันทร์ออกจากห้องภาวินี
ภานุรุจก้าวเข้ามาในบ้านเห็นปรายชลเดินผ่านไป คิ้วขมวดเล็กน้อย ผู้หญิงคนนี้เป็นใคร เข้ามาเดินในบ้านของเขาได้อย่างไร จันทร์หายไปไหน ทำไมไม่สนใจแขก เขาก้าวเร็วๆ ตามปรายชลไปถึงครัว
“คุณเป็นใคร เข้ามาในบ้านผมได้ยังไง”
ปรายชลหันมามองคนถาม ดวงตากลมโตจ้องใบหน้าชายหนุ่มแล้วยิ้มแหย ภานุรุจถึงกับจ้องใบหน้าเกลี้ยงเกลา ตาไม่กะพริบ
ชายหนุ่มเหมือนถูกมนต์สะกดกับภาพตรงหน้า ผู้หญิงคนนี้สวยสะดุดตาโดยไม่ต้องแต่งหน้าทาปากเพิ่มสีสันให้ชวนมอง หล่อนเป็นใคร ผู้หญิงของภูชิสส์อย่างนั้นหรือ ไม่ใช่อย่างแน่นอน หลานชายของเขาไม่เคยพาหญิงสาวคนไหนเข้าบ้านในลักษณะให้เดินทั่วบ้านได้ตามสบายอย่างนี้ เขาหาคำตอบให้กับตัวเองแล้วยิ้ม
“เอ่อ.ฉันปรายชลค่ะ เป็นคนใช้ เพิ่งเข้ามาทำงานวันนี้ ไม่ทราบคุณเป็นใครคะ” ปรายชลตอบคำถามของเขาแล้วยิ้มเช่นเดิม
“ผม ภานุรุจเป็นน้องชายเจ้าของบ้าน คุณ..เอ่อ.เธอมาทำงานที่นี่ได้ยังไง ใครพามา ทำไมฉันไม่รู้เรื่อง” เขาพยายามพูดให้น้ำเสียงนุ่มลง
“คุณภูชิสส์เพิ่งไปรับมาค่ะ” หล่อนยกมือไหว้เขาหลังจากตอบข้อกังขาของเขาแล้ว
“ตาชิสส์ไปรับมา ไปรับมาจากไหน”
“กรุงเทพฯ ค่ะ” หล่อนตอบขณะจ้องหน้าเขา ผู้ชายคนนี้ต่างจากภูชิสส์โดยสิ้นเชิงแม้จะตั้งคำถามแต่น้ำเสียงไม่ห้วน ใบหน้าไม่เคร่งเครียด เขายิ้มกับหล่อนอย่างมิตร
“กรุงเทพฯ”
ภานุรุจทวนคำของปรายชล ไม่เข้าใจว่าภูชิสส์กำลังจะทำอะไร ทำไมไม่บอกกับเขาว่าจะรับคนรับใช้คนใหม่และคนรับใช้ที่เขากำลังจ้องหล่อนอยู่ขณะนี้สวยและดูดีเกินกว่าจะมาเป็นสาวใช้
“ตาชิสส์ทำอะไรไม่เคยปรึกษาน้าเลย แล้วนี่ตาชิสส์อยู่ไหนรู้มั้ย”
“ไม่ทราบค่ะ ขับรถออกไปนานแล้วค่ะ ไม่ได้ไปโรงแรมหรือคะ”
“ไม่ได้ไป เธอรู้เรื่องโรงแรมด้วยเหรอ” ภานุรุจสงสัยในตัวสาวใช้มากขึ้น
“ค่ะ ตอนแรก พี่สาวฉันบอกว่าฝากงานให้ทำที่โรงแรมภูดาวแอนด์รีสอร์ท ฉันคิดว่าจะได้มาทำงานที่นั่น ไม่คิดว่าจะมาเป็นสาวใช้ที่นี่”
“พี่สาวฝากงานให้เหรอ พี่สาวเธอเป็นใคร”
คราวนี้ภานุรุจถามจริงจังเพราะอยากรู้สิ่งที่หลานชายกำลังทำและอยากรู้ว่าพี่สาวของปรายชลคือใคร ทำไมจึงสามารถฝากงานในโรงแรมได้ง่ายๆ อย่างนี้
“พี่สาวฉันชื่อ ปรายฟ้าค่ะ มีเพื่อนทำงานในโรงแรมนี้ค่ะ”
ปรายชลเริ่มไม่แน่ใจ พี่สาวมีเพื่อนอยู่ในโรงแรมเชิงเขาจริงๆ หรือหลอกหล่อน ปรายฟ้าอาจมีอะไรปิดบังหล่อนไว้ก็ได้ หล่อนคิดถึงคำพูดของพี่สาวก่อนจะออกจากบ้าน พี่อวยพรให้หล่อนโชคดีหรือปรายฟ้ารู้ก่อนแล้วว่าหล่อนต้องมาทำหน้าที่คนรับใช้ คงไม่ใช่ พี่สาวของหล่อนไม่รู้เรื่องนี้ ทั้งหมดเป็นความคิดของภูชิสส์คนเดียวเท่านั้น
ภานุรุจอึ้งไปกับคำตอบของปรายชล พี่สาวของหล่อนชื่อปรายฟ้าอย่างนั้นหรือ หัวใจของเขาเต้นเร็ว รู้คำตอบทันทีว่าภูชิสส์คิดจะทำอะไร เขาถอนหายใจ หมุนตัวเดินออกจากห้องครัว ปรายฟ้าคือต้นเหตุทำให้เดชาเสียชีวิต ภูชิสส์เข้าใจอย่างนั้นและปรายชลเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้เพราะหล่อนเป็นน้องสาวของปรายฟ้า
“ตาชิสส์ น้าให้แกทำอย่างนี้ไม่ได้ แกต้องไม่ทำอย่างนี้นะชิสส์”
เขากดโทรศัพท์เข้าเครื่องของหลานชาย ครู่เดียวเสียงปลายสายตอบรับ
“มีอะไรครับน้านุ”
“แกอยู่ไหน”
“มาดูงานที่รีสอร์ท กำลังจะเข้าโรงแรมครับ”
“ไม่ต้องไปแล้ว รีบกลับบ้านเดี๋ยวนี้ น้ามีเรื่องจะคุยกับแก”
“น้าอยู่ที่บ้านแล้วเหรอครับ” เสียงถามร้อนรน เท้าที่กำลังก้าวชะงักอยู่กับที่ น้าชายพบปรายชลแล้วและอาจรู้แล้วก็ได้ว่าปรายชลเป็นใคร ไม่อย่างนั้นน้ำเสียงของน้าคงไม่ดุอย่างนี้
“ใช่ แกกำลังจะทำอะไรตาชิสส์ แกรีบกลับมาเดี๋ยวนี้เลยนะ”