บทที่ 3-2
“เออ แถวๆ มหาวิทยาลัยน่ะค่ะ”
“รีบกลับล่ะ น้ำค้างไม่คุ้นกับสถานที่แบบนั้นเหมือนเธอ”
จ้า... ฉันมันคนหาดึกกินเช้านี่นะ
“ใครมาน่ะคุณ” เสียงเอ่ยถามดังมาจากด้านในพร้อมการปรากฏกายของผู้ชายอีกคนที่ทำให้ฉันเกือบเผลอกลอกตา เจอคนเดียวว่าแย่แล้วนะ
“สวัสดีค่ะอานพ” ฉันยกมือไหว้อาเขยของเพื่อนรัก
“จะไปไหนกันอีกล่ะ เด็กสมัยนี้เอาแต่เที่ยวกลางคืน ระวังเถอะหลานคุณมันจะท้องก่อนเรียนจบ”
แผ่นหลังฉันเหยียดตรงทันที หากเป็นเมื่อก่อนคำด่ากระทบกระเทียบพวกนี้คงแค่ผ่านหู แต่หลังจากเรื่องคืนนั้น... คำพูดเหล่านี้กลับกลายมามีอิทธิพลจนฉันไม่กล้าเถียงกลับ
“ไปกันเถอะฝุ่น” โชคดีน้ำค้างเข้ามาขัดจังหวะเสียก่อน “หนูไปแล้วนะคะ” เจ้าตัวหันไปยกมือไหว้ญาติผู้ใหญ่ทั้งสอง
“คุณโทร.ไปบอกพี่คุณบ้างนะว่าลูกสาวน่ะทำตัวเหมือนส้วมหน้าบ้าน วันๆ สนใจแต่แต่งตัวออกเที่ยวผู้ชาย”
ฉันกำมือแน่น นับหนึ่งถึงสิบแล้วย้อนสิบถึงหนึ่งใหม่จนใจเย็นลง
“หนูลานะคะ สวัสดีค่ะ”
ออกพ้นบ้านนี้ได้ ข้างนอกจะนรกยังไงก็เหมือนสวรรค์ ฉันภาวนาขอให้ชาตินี้ไม่ต้องมาเหยียบที่นี่อีก... จะดีมาก
ผับคือสถานที่ที่ฉันควรหลีกเลี่ยงที่สุดหลังจากเกิดเรื่องคืนนั้น แต่ทนการคะยั้นคะยอของน้ำค้างไม่ไหว ถ้าฉันไม่ไปด้วยที่บ้านน้ำค้างก็จะไม่อนุญาตให้ออกมา ผนวกกับเรื่องราวร้ายๆ ในคืนนั้นทำให้ฉันนึกห่วงยัยตัวเล็กจึงเผลอตกปากรับคำเหมือนผีผลัก แต่ใครจะคิดว่างานเลี้ยงนี้จะรวมเอาทุกคนที่ฉันควรหลีกเลี่ยงเข้าด้วยกัน
นรกชังสวรรค์แกล้งเสียจริง
“อ้าว... ฝุ่น จะมาทำไมไม่บอก เราจะได้แวะไปรับที่หอ” โซดาเดินผละออกมาจากกลุ่มเพื่อน ล็อกคอฉันถามอย่างเอาเรื่อง
“ฝุ่นมากับน้ำค้าง ไม่คิดว่านายจะมาด้วย ลืมไปงานเด็กอักษรนี่เนอะ” ฉันหัวเราะแห้งๆ ลืมไปได้ไงว่าพลอยไพลินเรียนคณะเดียวกับน้ำค้าง
“ปะๆ เข้าไปข้างใน เราก็เพิ่งมาถึง” เขาโอบไหล่ฉันพาเข้าไปด้านใน อาการถึงเนื้อถึงตัวที่อีกฝ่ายเห็นว่าเป็นเรื่องปกติ แต่ฉันไม่เคยชิน เพราะใจพลอยเต้นตึกตักทุกครั้งจึงพยายามเบี่ยงตัวออก แต่แรงมดหรือจะสู้แรงช้างที่รัดตัวฉันแน่นเป็นงูหลาม
“ปล่อยก่อน เดินไม่ถนัด”
เสียงอึกทึกครึกโครมทำให้แทบไม่ได้ยินบทสนทนา โซดาต้องคอยก้มลงมาถามว่าฉันพูดอะไร แสงไฟด้านในคลับมืดสลัว ทุกคนมัวเมากันอยู่กลางฟลอร์ ฉันเบนสายตามองไปรอบๆ เห็นโต๊ะที่รวมเพื่อนมหาวิทยาลัยกลุ่มใหญ่นั่งอยู่ไม่ไกล ในขณะที่น้ำค้างแยกไปหาเพื่อนที่อยู่โต๊ะติดกัน โซดาก็ลากฉันให้เดินตามไปหาพลอยไพลินที่หันมายิ้มให้และใครอีกคนที่กำลังจ้องเขม็งมาที่ฉัน
ทำไมไอ้โจรห้าร้อยถึงมานั่งหัวโด่อยู่ข้างๆ พลอยไพลินได้?!
ฉิบหายแล้ว...
ฉันรีบผลักหัวตัวเองออกจากอ้อมแขนของโซดาเมื่อถูกสายตาดุๆ ตวัดมอง จ้องจนขนคอลุกพรึ่บ
“เออ โซดา ฝุ่นว่า...” ฉันกำลังจะเอ่ยปากขอกลับ หัวสมองแล่นไวมาก แต่กำลังจะอ้าปากน้ำค้างก็ลากฉันไปทางกลุ่มเพื่อนสนิทที่นั่งอยู่โต๊ะติดกัน ขณะที่โซดายอมปล่อยมือจากฉันหันไปนั่งข้างๆ พลอยไพลิน
“วันนี้ฝากฝุ่นด้วยนะทุกคน” น้ำค้างรีบหาสมัครพรรคพวกให้
“ถ้าน้ำค้างมีเพื่อนแล้ว งั้นฝุ่นกลับเลยนะ” ว่าแล้วก็หันหลังกลับทันที
“เฮ้ย เดี๋ยวสิฝุ่น ไหนๆ ก็มาแล้ว ดื่มสักแก้วสองแก้วค่อยกลับ” น้ำค้างพยายามโน้มน้าว ทั้งๆ ที่ฉันไม่มีเหตุผลจะรั้งอยู่ต่อ แต่พอสบกับสายตาดุๆ คู่นั้น ดันก้าวขาไม่ออกไปเสียนี่ ในหัวสมองวิ่งวนกลับไปกลับมา กังวลสารพัดว่าจู่ๆ เขาจะโพล่งอะไรให้คนอื่นสงสัยขึ้นมา กลัวแม้กระทั่งว่าหากหนีออกไปคนเดียวตอนนี้จะเป็นอันตรายหรือเปล่า เขาจะตามมาฉุดกระชากฉันไหม
“อ้าวฝุ่น มานั่งนี่สิ” เพื่อนของน้ำค้างกวักมือเรียก
ฉันเหลือบตามองเก้าอี้ที่อยู่ติดกับโต๊ะโซดา ห่างจากโจรห้าร้อยไม่ถึงวา อันตรายขนาดนั้นใครจะกล้านั่ง!
จอมทัพปรายตามองฉันตั้งแต่หัวจรดเท้าท่ามกลางความมืดสลัว เสียงเพลงเร้าใจ ไม่มีใครสนใจใคร แต่ฉันกลับไม่อาจเบนสายตาออกจากดวงตาดำมืดที่ตรึงร่างฉันไว้ ริมฝีปากหยักยกขึ้นนิดๆ บิดเป็นรอยยิ้มเยาะก่อนจะเบนไปหาคู่ควง ฉันก้มลงมองสภาพตัวเองแล้วถอนหายใจ สกินนี่ยีนกับเสื้อเชิ้ตนี่คงน่าตลกสำหรับเขา และมันไม่เหมาะสมกับผับ SK ร้านฮิตในย่านดังแห่งนี้สักนิด
เขาคงไม่นึกพิศวาสลากฉันขึ้นเตียงเป็นรอบที่สองหรอก ในเมื่อสาวที่นั่งข้างๆ น่าดึงดูดใจกว่าเป็นไหนๆ ไม่ต้องใช้สมองตรองดูก็รู้ว่าใครน่าเลือกกว่ากัน
“ไม่รู้ว่าฝุ่นจะมาด้วย” พลอยไพลินยิ้มให้ คำพูดชวนคุยที่ฟังแปลกๆ มันแปลกทุกครั้งที่ผู้หญิงคนนี้คุยกับฉัน
“น้ำค้างชวนมาน่ะ”
เธอพยักหน้ารับแล้วจึงหันไปหาโซดา “พลอยดื่มอีกนิดได้ไหมคะ” หน้าตาออดอ้อนทำให้ไอ้เพื่อนชั่วของฉันย่นคิ้ว สีหน้าลำบากใจ ดูก็รู้ว่ามันหวงแม่ไข่ในหินนี่ขนาดไหน
“โห... มาถึงก็จัดเลยเหรอฝุ่น” เสียงคนข้างๆ กระเซ้า ในจังหวะเดียวกับที่ฉันรู้สึกถึงกระแสอุ่นจัดที่ไหลผ่านลำคอ พอก้มลงมองมือจึงพบว่าเผลอกระดกออนเดอะร็อกก่อนที่คนข้างๆ จะช่วยผสมโซดาให้ มันข่มปี๋ ร้อนปร่า ลวกคอจนฉันไอแห้งๆ ควานหาน้ำ
โซดาปรายตาปรามก่อนจะกระวีกระวาดส่งแก้วน้ำเปล่าให้ “ดื่มไม่ไหวก็อย่าฝืน เดี๋ยวคืนนี้ก็ได้นอนเฝ้าหน้าโต๊ะลุงยามหรอก” ที่พูดน่ะหมายถึงโต๊ะรปภ.หน้าตึก เพราะเขาไปส่งได้แค่นั้น ลากฉันขึ้นหอหญิงไม่ได้
“ฝุ่นดื่มเก่งจัง ดูสิ โซดาลำเอียง ทำไมฝุ่นดื่มเพรียวได้ แต่พลอยเลือกให้แค่ค็อกเทล”
“ค็อกเทลนี่ตัวเมาง่ายเลยจ้ะยัยพลอย ระวังจะโดนโซดามอม”
ฉันไม่ได้สนใจบทสนทนาพวกนั้น แต่เลือกจะหันหน้าออกไปทางเวที ปล่อยจิตใจให้ล่องลอยไปกับเสียงเพลง ฟังน้ำค้างคุยอะไรบ้างนิดหน่อยสลับกับยกแก้วขึ้นจิบ พอเห็นฉันซดออนเดอะร็อกไปเมื่อกี้คนอื่นจึงคิดว่าฉันคอแข็ง เข้ามาขอชนแก้วบ้าง คะยั้นคะยอให้ดื่มบ้าง ซึ่งนั่นอาจเป็นเรื่องดี เพราะฉันจะได้ไม่ต้องเห็นใครต่อใครกำลังเสียดสีกันอยู่ ทั้งโซดากับพลอย และไอ้โจรบ้ากามที่หันมามองฉันบ่อยๆ อย่างคุกคาม แม้ว่าแขนข้างหนึ่งของเขาจะกำลังถูกถูไถด้วยนมตู้มๆ ของผู้หญิงสวยข้างๆ ที่ฉันเพิ่งรู้ว่าชื่อ จันทร์กะพ้อ เคยเป็นดาวคณะอักษรมาก่อน
“ไปเต้นกันเถอะฝุ่น” น้ำค้างหันมาชวน แต่ฉันส่ายหน้า “นะ ไปเป็นเพื่อนหน่อย” ยัยตัวเล็กทำตาละห้อย ลากฉันออกไปจนได้
“จะสี่ทุ่มแล้ว ฝุ่นต้องกลับหอ เดี๋ยวโดนลุงยามจดชื่อ” ฉันโกหกออกไป แม้มีระเบียบตามนั้นจริงแต่ก็มีข้อยกเว้นสำหรับฉัน เพราะต้องทำงานร้านอาหารกลางคืน ฉันจึงบากหน้าไปขออาจารย์ และด้วยฐานะเด็กทุนที่การันตีว่าอีนี่จนจริงไม่ได้เก๊ และผลการเรียนอันยอดเยี่ยม อาจารย์ผู้คุมหอจึงยอมยกเว้นกฎให้ฉัน
“งั้นไปนอนกับเขานะ ไหนๆ ก็มาทั้งที ฝุ่นก็รู้ว่าปกติเราไม่ค่อยได้ออกมา” อีกฝ่ายว่าเสียงอ่อยๆ สุดท้ายฉันจึงยอมปล่อยเลยตามเลย พื้นที่ตรงนี้ค่อนข้างแคบ แต่ละคนเต้นกันอย่างเมามัน เบียดเสียดแนบชิดกันจนฉันรู้สึกอึดอัด โดยเฉพาะมีมือที่พยายามลูบโลมบนตัวฉันหลายครั้งจนต้องขยับหนี แต่ผู้ชายคนนั้นก็เหมือนจะตามราวีไม่เลิกรา เริ่มจากแขนที่ขยับเข้ามาถู ตามมาด้วยมือที่เริ่มลูบไล้สะโพก แต่เพราะมันทำเหมือนท่าเต้นจึงไม่มีใครสนใจ ที่สุดฉันก็ทนไม่ไหวจึงผละออกไปทางห้องน้ำด้านหลัง ไม่คิดว่ามันจะยังเดินตาม
“กลับพร้อมพี่ไหมน้อง” น้ำเสียงอ้อแอ้ดังมาจากด้านหลัง ฉันตัดสินใจจะพุ่งเข้าห้องน้ำหญิง แต่ไอ้บ้านั่นกลับดึงแขนฉันได้ทัน แรงผู้ชายคนนี้เยอะมาก มันลากฉันไปอีกฝั่ง
ทำไมแกโง่แบบนี้ไอ้ฝุ่น ไม่รู้ด้วยอารมณ์ไหน แทนที่จะเดินกลับโต๊ะดันเซ่อหลบมาด้านหลัง ฉันสบถด่าตัวเองในใจ ตอนนั้นฉันแค่ไม่อยากกลับไปเห็นภาพบาดตาระหว่างโซดากับพลอย และกลัวจอมทัพเอามากๆ จึงตั้งใจว่าจะแอบหนีกลับทางประตูหลัง ไม่คิดว่าจะหนีเรื่องปวดใจมาเจ็บตัว
“ปล่อยฉันนะ” ฉันพยายามบิดข้อมือหนี แต่ไอ้บ้ากามนี่กลับแรงเยอะจนน่าตกใจ อีกอย่างคือฉันเบลอมากเพราะฤทธิ์เหล้าและเมื่อคืนได้นอนไปไม่ถึงสี่ชั่วโมงด้วยซ้ำ
“ก็เห็นๆ อยู่ว่าน้องให้ท่าพี่ อย่าเล่นตัวหน่อยเลยน่า”
“ให้ท่าพ่องงง... มึงเหรอ”
“โอ๊ะ ชอบความรุนแรง... ดี พี่ก็ชอบ ที่ตั้งใจเดินมาทางนี้เพราะจะให้พี่จัดตรงนี้เลยใช่ไหมจ๊ะ หรือในห้องน้ำดี” มันเหวี่ยงฉันไปกระแทกผนัง แล้วตามเข้ามาคร่อมร่าง แม้จะถูกกระแทกจนจุกแต่ฉันยังมีสติพอที่จะเบี่ยงตัวหนี ตีเข่าใส่เป้ามันแล้วหันหลังวิ่ง
“ว้าย” ไอ้หื่นมันรวบเอวฉันไว้ เสียงเพลงดังสนั่น ไม่มีใครได้ยินเสียงฉันแน่ๆ แต่ฉันก็ยังดิ้นเต็มแรง ทั้งถีบทั้งต่อยมัน
พลั่ก!