บทที่ 2-2
ฉันเกือบสัปหงกในชั้นเรียนจิตวิทยาหลายครั้งถ้าไม่ได้คนข้างๆ คอยดึงไว้ ทั้งหยิกแขนทั้งดึงแก้ม การกระทำที่เคยทำให้หัวใจเต้นกระหน่ำกลับได้ผลในทางตรงข้าม ฉันผวาหนีทุกครั้งที่โซดาเคลื่อนตัวเข้ามาในระยะประชิด
“เป็นบ้าอะไรอีกแม่คุณ” ผู้ชายตัวสูงข้างๆ เอ่ยถาม คิ้วเข้มขมวดมุ่น ท่าทางที่ไม่ค่อยได้เห็นทำเอาสาวๆ ไม่กล้าเข้าใกล้ เพราะปกติโซดามักจะมีแต่รอยยิ้มอบอุ่น บรรยากาศสบายๆ ที่ทำให้สาวๆ อยากดาหน้าเข้าหา
“เหนื่อยน่ะ” ฉันว่าพลางหลบตา
เขาเอื้อมแขนมาล็อกคอแล้วขยี้ผมฉัน “ก็บอกแล้วว่าให้เพลาๆ บ้าง งานน่ะ ถ้าเงินไม่พอก็...”
“ฝุ่นไหวน่า” ฉันผละตัวออกจากอ้อมกอดอันอบอุ่น
“ไหวห่าอะไร แกได้ส่องกระจกไหมไอ้ฝุ่น ตาโหลเป็นหมีแพนด้า ตีนกาจะขึ้นแล้วเนี่ย” เขาดึงหน้าฉันเข้าหา ห่างกันแค่ไม่ถึงคืบ ทำเอาลมหายใจฉันสะดุดเมื่อมันยื่นใบหน้าหล่อๆ เข้ามาใกล้ ใช้หลังมืออิงหน้าผากของฉันแผ่วเบา
“เหมือนตัวจะรุมๆ ทำงานเยอะไปแล้วนะฝุ่น” น้ำเสียงหงุดหงิดคล้ายอ่อนอกอ่อนใจ แต่นัยน์ตาคู่นั้นกลับเจือไปด้วยความห่วงหาอาทร
“ปะ... เปล่า ไม่ได้ป่วย” ก็เพราะใครกัน อิทธิพลของผู้ชายคนนี้ทำให้ใบหน้าของฉันร้อนผ่าวจนต้องพยายามขืนตัวหนี แต่คนดื้อมีหรือจะยอมปล่อย
“ฝุ่น... เพลาๆ เรื่องงานลงหน่อยเถอะ เราเป็นห่วง” น้ำเสียงของอีกฝ่ายอ่อนลงในตอนท้าย พลอยให้ใจฉันอ่อนยวบตามไปด้วย ที่ตั้งใจจะขืนตัวออกจึงปล่อยให้โซดาลูบแก้มด้วยสายตาเป็นห่วง
“โซดา... เรียนเสร็จแล้วเหรอคะ” น้ำเสียงใสที่ฉันจำได้ดังขึ้นพร้อมกับสัมผัสอุ่นๆ ของคนตรงหน้าผละออกห่าง รอยยิ้มเจิดจ้าดวงตาเป็นประกายคู่นั้นหันไปหาหญิงสาวในชุดนักศึกษาน่ารัก
“ครับ พลอยล่ะมีเรียนต่อไหมครับ” ใบหน้างามส่ายน้อยๆ จนผมนุ่มสลวยสะบัด ผู้หญิงตรงหน้าน่ารัก บอบบาง ดูน่าทะนุถนอมไปทั้งตัวจนฉันต้องเบือนหน้าหนีไปอีกทาง พยายามซ่อนสีหน้าเจ็บปวดไว้ภายใต้รอยยิ้มอันขมขื่น
“ไม่มีจ้ะ กำลังจะชวนโซดาไปกินข้าวเที่ยงด้วยกัน ว่าแต่มีนัดรึยังคะ”
ไอ้เพื่อนรักส่ายหน้า ส่วนฉันแอบเบะปากกลอกตา ไม่ใช่เมื่อกี้เพิ่งรบเร้าให้ฉันไปกินข้าวกับมันเหรอวะ เจริญจริงๆ เจอหญิงแล้วทิ้งเพื่อน
“งั้นไปกินที่ห้างนะ เบื่อกับข้าวโรงอาหารแล้ว” น้ำเสียงหวานดังเจื้อยแจ้ว แต่มันกลับกรีดแทงใจฉันจนปวดหนึบ ปกติโซดาชอบพาฉันไปกินที่ห้างสรรพสินค้าใกล้ๆ กับคณะจิตวิทยา แต่ฉันไม่ค่อยบ้าไปตามคำรบเร้า เพราะอาหารบนนั้นแพงหูฉี่ ถึงอีกฝ่ายอยากจะเป็นเจ้ามือ แต่ฉันคงฝืนใจให้เลี้ยงทุกครั้งไม่ไหว แล้วโซดาก็ดีแสนดี พอฉันไม่ไปก็เป็นฝ่ายมานั่งแกร่วในโรงอาหารคณะเป็นเพื่อนฉันให้สาวๆ กรี๊ดสนั่นเล่นๆ
“อ้าว ฝุ่นก็อยู่ด้วยเหรอจ๊ะ”
“จ้ะ” อยู่นานแล้วไหม... ฉันพยายามส่งยิ้มเจิดจ้าแทนรอยยิ้มเจื่อนๆ ของตัวเอง เสียงหวาน หน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูขนาดนี้ ใครปฏิเสธเธอลงก็ใจมารแล้ว
“ไปด้วยกันไหมจ๊ะ” ดวงตากลมโตของคนถามหยีเล็กลง รอยยิ้มขยับกว้างขึ้น ฉันหันไปมองเพื่อนชายข้างๆ เป็นเชิงถามว่าอยากรับก้างสักชิ้นไหม ไอ้โซดากลับเอาแต่มองผู้หญิงตาเยิ้ม เจริญจริงๆ ปีนี้มันปีชงของฉันรึไงนะ
“พลอยไปกับโซดาเถอะ ฝุ่นมีนัดกับน้ำค้างแล้วอะ” ฉันไหวไหล่ พยายามไม่ใส่ใจท่าทางระริกระรี้เป็นปลากระดี่ได้น้ำของคนข้างตัว
ไอ้เพื่อนชั่ว!
ฉันเดินข้ามมาอีกฝั่งซึ่งเป็นที่ตั้งของคณะอักษรฯ ตั้งใจจะหลอกก็ต้องเอาให้เนียน เลยต้องพากเพียรลากสังขารมากินข้าวแสนไกลกับเพื่อนสนิทที่มาจากโรงเรียนต่างจังหวัดเหมือนกัน น้ำค้างคือเพื่อนเพียงคนเดียวที่ฉันยังคบหา เพราะไม่ค่อยมีเวลาไปสังสรรค์ทำให้เพื่อนๆ คนอื่นตีตัวออกหาก จึงเหลือแค่น้ำค้างที่ยังเข้าใจความจำเป็นของฉัน ร่างเล็กหุ่นกะทัดรัดน่าฟัดของเพื่อนรักกระโดดกระหย่องกระแหย่งหลบหลีกผู้คนพุ่งตรงมาหา
“ทำไมวันนี้เดินมาไกล แล้วโซดาล่ะ” ถามเสร็จก็ชะโงกหน้ามองหา
“มันไปกินข้าวกับพลอยแล้ว”
“อ้อ...” ยัยตัวเล็กพยักหน้าเข้าใจ “ถึงมาหาเขาได้ละสิ”
ฉันดึงจมูกเล็กนั่นอย่างหมั่นไส้ “หรือจะให้ไปกับคนอื่น”
“เฮอะ เขาต่างหากต้องงอนตัว” ดวงตากลมใต้กรอบแว่นตวัดค้อนฉัน แต่มือเล็กก็ยังสอดเข้ามาคล้องแขน “นึกว่าสองคนนี้จะเลิกกันแล้วซะอีก” น้ำค้างบ่นอุบอิบ
“ไหงคิดงั้นอะ” ฉันปล่อยตัวตามแรงดึงของยัยตัวเล็กฝ่าฝูงชนที่ออกันหน้าบันไดออกไป
“ก็ได้ยินกลุ่มผู้หญิงคณะนิเทศฯ เมาท์ว่าเพิ่งไปกินตับ เอ๊ย... ไปเจอโซดาที่ผับวันก่อน”
ฉันพยักหน้าเข้าใจ เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่เจ็บปวด เพราะหน้าตาดีมีฐานะจึงมักมีสาวๆ ดาหน้าเข้าหาเสมอ ถ้าสวยถูกใจก็ไปกันต่อ เรื่องนี้ฉันรู้แก่ใจดี เมื่อก่อนจีบกันแป๊บๆ ไม่ถึงสองอาทิตย์ก็พาเข้าโรงแรม จะมีก็แต่พลอยไพลินนี่แหละที่ดูเหมือนเขาจะปฏิบัติอย่างให้เกียรติต่างจากคนก่อนๆ ที่ผ่านมา...
แต่ก็นะ คุณหนูท่าทางเรียบร้อยฐานะดี ใครๆ ก็คงไม่นึกอยากย่ำยีหรอก มีแต่จะวางไว้บนหิ้งเตรียมตำแหน่งนายหญิงไว้ให้
ฉันถอนหายใจ
“ขอโทษนะ” น้ำค้างว่าเสียงอ่อย
“ไม่เป็นไร ฝุ่นชินแล้ว โซดามันก็มั่วแบบนี้แหละ กลัวแต่พลอยจะจับได้สักวัน มันคงช้ำหนัก”
“ก็ดีสิ ฝุ่นจะได้ปลอบใจ” เพื่อนคนเดียวที่รู้ว่าฉันแอบรักโซดารีบเสนอ แต่ฉันไม่กล้าสนอง ขืนแหย่เข้าไป...
“ไม่เอาอะ ปล่อยเขารักกันไปเถอะ แล้วว่าแต่น้ำค้างลากฝุ่นไปไหน ไม่ไปกินข้าวที่โรงอาหารที่คณะเหรอ”
“ไม่เอาหรอก วันนี้มีเด็กมออื่นมาดูงาน โรงอาหารเต็มหมดแล้ว ไปกินที่ศิล’ กรรม ไม่ก็ถาปัตย์ดีกว่า” เจ้าถิ่นแถบนี้เสนอโรงอาหารใกล้เคียง “เลือกเอา กินที่ไหน แต่หมูปิ้งถาปัตย์ก็อร่อยนะ ส้มตำเจ้าประจำก็แซ่บ”
ฉันหันไปขยี้หัวยัยตัวเล็ก “อยากกินเองน่ะสิ ถาปัตย์ก็ถาปัตย์ นำทางไป๊”
“เย็นนี้ฝุ่นมีงานป้ะ”
“มีไรเหรอ” ปกติฉันมีงานตลอดเพราะค่าใช้จ่ายที่สูงติดเพดานทำให้ต้องใช้เวลาว่างทั้งหมดหาเงินส่งให้ที่บ้าน
“จะชวนไปทำธุระเป็นเพื่อน แต่ติดงานแล้วก็ไม่เป็นไรนะ”
“ฝุ่นเคลียร์ไปเยอะแล้วแหละ เดี๋ยวรอลูกค้าติดต่อบรีฟงานเข้ามา เสร็จแล้วก็ไปกับน้ำค้างได้”
พวกเราเลี้ยวมุมตึกที่คณะสถาปัตยกรรม เสียงดังเซ็งแซ่ของคณะนี้เป็นสิ่งที่เด็กต่างคณะรู้ดี พื้นที่โถงกลางค่อนข้างวุ่นวายต่างจากคณะอื่น บางคนนั่งจุ้มปุ๊กตัดโมเดล บ้างก็กำลังช่วยกันประกอบอะไรสักอย่างที่เหมือนจะเป็นบ้าน... รีสอร์ต นั่นแหละ ฉันมองไม่ค่อยถนัด
“คนเยอะจัง”
“ช่วงส่งงานล่ะมั้ง” น้ำค้างออกความเห็น
ฉันพยักหน้า ก่อนจะเลื่อนสายตาผ่านไป แล้วอะไรแวบๆ ก็โผล่เข้ามาทางหางตา ร่างสูงใหญ่ยืนเด่นในชุดเสื้อนักศึกษาสีขาวกับกางเกงยีนสีซีดนั้นแทบจะเป็นจุดรวมสายตารอบๆ รวมทั้งคนข้างๆ ฉันด้วย
“พี่จอมทัพ” เสียงน้ำค้างดังขึ้นพร้อมกับเสียงสาวสวยที่ยืนใกล้ๆ เขา แล้วผู้ชายคนนั้นก็หันกลับมาพร้อมกับเสียงกรี๊ดของฉัน!?