7 เมื่อนางมารโคจรมาพบ
“พี่อยากรู้จัง ว่าน้องสาวไปทานข้าวกลางวันกับใคร แล้วกลับมาจนเกือบบ่ายสอง”
“ขอโทษด้วยนะคะ พี่น้ำทอง คือว่า พี่ณิชเห็นว่าน้ำตาลอยู่คนเดียว พี่ก็ออกไปหาลูกค้าพี่ณิชก็เลยเมตตาพาไปทานข้าว แล้วซื้อกระเป๋าสะพายให้หนึ่งใบค่ะ”
“โอ้โห ทุ่มทุนสร้างขนาดนั้น แสดงว่ามีความรู้สึกดี ๆ ต่อกันแน่เลย”
“พี่น้ำทอง ไม่ใช่อย่างที่พี่เข้าใจนะคะ”
น้ำตาลเกิดอาการเขินอายขึ้นมาทันที เมื่อรู้ว่าพี่ชายคิดว่าเธอกับสุวณิชมีความพึงพอใจต่อกัน แม้ว่าจะมีส่วนความจริงอยู่บ้าง แต่ก็ยังคงอายไม่น้อย
“ถ้าเป็นอย่างนั้นล่ะ นี่ไม่ต้องอายหรอกน่า อายุขนาดนี้แล้ว จะมีแฟนพี่ไม่ว่า ขอให้เป็นคนดี อย่างเจ้าณิช พี่ก็พอใจแล้วล่ะ”
“พี่ พี่พูดอย่างนี้หมายความว่า...”
“เจ้าณิชมันขออนุญาตที่จะคบหากับน้ำตาล เรื่องนี้ก็แล้วแต่เรา พิจารณาเอาเอง แต่พี่ขอบอกว่าเจ้าณิชเป็นผู้ชายที่ดีมาก”
“เพราะอย่างนี้นี่เองก็เลยให้น้ำตาลไปทานข้าวกับเขา ร้ายนักนะ”
น้องสาวเกิดอาการงอน ทำหน้าเง้างอด น้ำทองหัวเราะเบา ๆ สีหน้าเปี่ยมไปด้วยความสุข น้ำตาลมองแล้วอึ้ง เพราะเห็นรอยยิ้มของพี่แล้ว ช่างละม้ายคล้ายกับพิราลัยเพื่อนรัก หรือว่าคนทั้งสองจะเป็นเนื้อคู่กัน”
“เนื้อคู่กันแน่ ๆ”
“ยายน้ำตาล แค่เพียงเริ่มต้นออกเดทมื้อกลางวันด้วยกัน ถึงกับหลุดปากบอกว่าเป็นเนื้อคู่กันแล้วหรือ”
“พี่น้ำทอง ไม่ใช่อย่างที่พี่เข้าใจนะคะ”
น้องสาวหูตาเหลือก เมื่อได้ยินพี่ชายพูดอย่างนั้น แต่ดูแล้วคนเป็นพี่คงไม่เชื่อในคำพูดของเธอง่าย ๆ คงจะต้องอธิบายให้เข้าใจยิ่งขึ้น ว่าเรื่องนี้เกี่ยวกับเขาเพียงผู้เดียวเท่านั้น
เมื่อน้ำตาลเห็นคนเป็นพี่ทำท่าจะเดินออกไปจากห้องทำงานของเธอ ไม่รอช้าที่จะดึงแขนเอาไว้ แล้วหมุนร่างใหญ่ให้มาเผชิญหน้า เขาได้แต่มองน้องสาวด้วยสายตาเต็มไปด้วยคำถาม ว่าเธอมีอะไรบางอย่างที่จะเจรจา
“พี่น้ำทองคะ ที่น้ำตาลบอกว่า เนื้อคู่กันแน่ ๆ ไม่เกี่ยวกับน้ำตาลกับพี่ณิชเลย”
“แล้วเกี่ยวกับใครไม่ทราบ”
“พี่ไงคะ”
“เกี่ยวกับพี่งั้นหรือ”
“ใช่แล้วค่ะ เมื่อครู่พี่หัวเราะแล้วยิ้ม น้ำตาลมีความรู้สึกว่ารอยยิ้มพี่เหมือนกับยายลัยค่ะ ก็เลยคิดว่าเป็นเนื้อคู่กัน”
“เฮ้ย ! เรื่องอะไรมาว่าพี่เป็นเนื้อคู่กับยายบ๊องลัยนั่น ไม่ใช่แน่เลย”
“ก็ยิ้มเหมือนกันนี่คะ”
“ไม่ใช่หรอก ตาเราหาเรื่องเอง พี่คงไม่ใช่เนื้อคู่ยัยลัยทโมนนั่นแน่ ๆ อย่ามาจับคู่ให้พี่เลยน่า พี่ไม่รับ”
เมื่อพี่ชายปฏิเสธที่จะสานความสัมพันธ์กับเพื่อนรัก น้ำตาลได้แต่พยักหน้าอย่างเนือย ๆ เพราะรู้ว่าโอกาสที่จะให้คนทั้งสองมารักกันนั้นยาก
พิมาลัยค่อนข้างทโมน นิสัยเป็นเด็ก เจ้าเล่ห์ ปากร้าย บางครั้งออกจะบ๊อง ๆ ต่างจากน้ำทองที่เป็นผู้ใหญ่ และรู้ว่าพี่ชายชอบผู้หญิงเรียบร้อย สวย มีความเป็นผู้ใหญ่เกินตัว
ยากมากที่จะให้หันมามองเพื่อนของเธอ อีกทั้งพิราลัยก็ไม่เคยที่จะสนใจผู้ชายคนไหน วัน ๆ มีความสุขกับการแต่งเพลงขายให้กับค่ายเพลงชื่อดัง และออกงานคู่กับศิลปินต่าง ๆ ทำให้ไม่มีเวลาที่จะจู่จี๋กับหนุ่มคนไหน ๆ
“โอเค ไม่มีอะไรแล้ว เชิญพี่ไปเฟ้นหานางฟ้าเพียงลำพังเถอะ สำหรับน้องก็จะทำงานแล้วล่ะ”
“ได้เลยน้องสาว แต่อย่าลืมพิจารณาเพื่อนของพี่นะ”
“ไม่คุยกับพี่แล้ว ชิ”
หญิงสาวทำเสียงไม่พอใจ เมื่อถูกล้อในเรื่องของสุวณิช เพราะเธอมีความรู้สึกเขินอาย ไม่ยอมรับต่อความจริงในหัวใจว่ารักเขาเข้าแล้ว
สุวณิชพยายามเอาอกเอาใจน้ำตาล เพื่อที่จะพิชิตหัวใจ ขณะที่สีวลีได้สร้างสถานการณ์ที่จะเข้าใกล้เขา เพื่อที่จะสานความสัมพันธ์ครั้งใหม่ โดยวางแผนเป็นขั้นตอน สืบดูความเคลื่อนไหวของเขาบ่อย ๆ ว่าไปไหน และทำอะไร
เมื่อรู้ว่าเขาไปงานในกลุ่มนักธุรกิจ เธอก็ขอตามคนรู้จักไป ไม่มีใครปฏิเสธ เพราะรู้ว่าเป็นผู้หญิงเก่ง
คืนนี้มีงานพบปะกลุ่มนักธุรกิจ เพื่อมาแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เธอในฐานะผู้จัดการภาคของบริษัทใหญ่ได้มาร่วมงานด้วย เมื่อรู้ว่าสุวณิชมางานนี้
ทว่า รอแล้วรอเล่า กลับไม่เห็นแม้เงา มีแต่เพียงน้ำทองเพียงผู้เดียว เธอจึงแกล้งทำเป็นเดินชน เพื่อที่จะได้พูดคุยกับเขา
“อุ๊ย ! ขอโทษค่ะ”
“ไม่เป็นไรครับ ผมขออนุญาต ครับ”
ชายหนุ่มส่งมือให้เพื่อที่จะดึงสีวลีลุกขึ้น เธอยื่นมือส่งให้อย่างรวดเร็ว เมื่อสบตากัน ต่างชะงัก ทำท่าตกใจ