6 เมื่อความรักเพรียกหา 1
“อย่าตื่นเต้น ท่องเอาไว้ จะต้องสวย จะต้องเริด เด่น เหนือกว่าใคร เอาอกเอาใจพี่ณิชให้มากที่สุด แต่อย่าดัดจริตเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นเขาจะไม่ชอบ”
คนเป็นเพื่อนสอนราวกับว่ามีประสบการณ์ในเรื่องความรัก ทั้งที่ความจริงแล้ว ไม่ได้ความแม้แต่น้อย อีกทั้งยังอยู่ตัวคนเดียวโดดเดี่ยวมานาน ไร้คนเคียงใกล้
แม้ว่าพิราลัยพยายามที่จะเสาะแสวงหาผู้ชาย แต่ไม่เคยได้สมใจแม้แต่คนเดียว แม้เล็งคนที่ชอบเอาไว้ แต่ไม่รู้ว่าเขาจะชอบเธอบ้างหรือไม่
ทุกวันนี้เธอเก็บเขาคนนั้นเอาไว้ในใจเพียงคนเดียวเท่านั้น
ร้านอาหารจีนชื่อดังที่น้ำตาลเคยผ่านหลายครั้ง แต่ไม่เคยแวะเข้ามารับประทานแม้แต่ครั้งเดียว เพราะไม่มีใครพามา ครั้งนี้สุวณิชได้พาเธอมารับประทาน เพราะบอกว่าอร่อยมาก หญิงสาวไม่กล้าถามว่าเขามากับใครบ้าง
‘อาจจะเป็นสาวคนใดคนหนึ่งก็ได้ ในเมื่อเขาหล่อขนาดนี้ รวยอีกด้วย นิสัยก็ดี คงไม่มีผู้หญิงคนไหนปฏิเสธเขาหรอก’
น้ำตาลค่อนแคะเขาในใจ เพราะยังคงกังขาว่าเขาอาจจะมีผู้หญิงเข้ามาในชีวิต ทว่าความคิดถูกทำลายลง เมื่อมือใหญ่ ๆ เอื้อมมาจับมือเธอเอาไว้
“เข้าไปข้างในก่อน แล้วค่อยสั่งอาหาร ขอบอกว่าที่นี่อาหารน่ารับประทานทั้งนั้นแหละ”
“ค่ะ คนค่อนข้างเยอะเหมือนกันนะคะ”
“ไม่ต้องกังวลเรื่องโต๊ะนะ พี่จองเอาไว้แล้ว”
“ขอบคุณค่ะ”
หญิงสาวอยากจะบอกให้เขาปล่อยมือที่จับเอาไว้ เพราะกลัวคนในร้านเข้าใจผิดคิดว่าเธอกับเขามีความสัมพันธ์ทางใจต่อกัน แต่ไม่กล้า เพราะเขามาในฐานะเจ้ามือ และเป็นเพื่อนของพี่ชาย เมื่อเข้ามาในร้าน เขาพาไปนั่งที่โต๊ะตัวหนึ่ง ในมุมที่ดี
ระหว่างที่ทั้งสองกำลังสั่งอาหารอยู่นั้น มีสายตาใครบางคนมองด้วยความไม่พอใจ แม้ว่ามีชายหนุ่มอยู่เคียงข้าง
เจ้าของสายตาคู่นั้นคือ สีวลี ความพึงพอใจที่มีต่อสุวณิชยังหลงเหลืออยู่ หญิงสาวทนไม่ได้ที่เขามีสาวสวยอยู่เคียงข้างอย่างนี้ ตั้งแต่ห่างหายจากเขาไปหลายปี มาเจอครั้งนี้สุวณิชดูดีมาก
เขาคงจะมีฐานะ เพราะเฟอร์นิเจอร์บนเรือนร่าง และเครื่องแต่งกายดูดี มียี่ห้อ
“คุณณิช นี่เขาดูดีถึงขนาดนี้เลยหรือ”
หญิงสาวรำพึงด้วยเสียงเบาหวิว ขอบตาร้อนผ่าวต่อสิ่งไม่ดีที่กระทำต่อเขา เมื่อรู้ว่าตัวเองกำลังไปดี มีอนาคตสดใส กล้าตัดความสัมพันธ์กับเขา โดยที่เมื่อก่อนนั้นสุวณิชเป็นแค่เพียงลูกจ้าง กินเงินเดือนเท่านั้น
“มีอะไรหรือครับคุณลี หน้าไม่ค่อยดีเลย หรือว่าอาหารไม่อร่อย”
เคนจิโร่ถามด้วยความสงสัย จู่ ๆ รอยยิ้มบนใบหน้าของหญิงสาวหายไป เปลี่ยนเป็นเครียดขมึง
“ไม่มีอะไรหรอก แค่คิดเรื่องงานเท่านั้น”
“เรื่องงาน ผมขอโทษครับที่ช่วยเหลือคุณไม่ได้เลย”
ชายหนุ่มแกล้งทำเป็นเห็นอกเห็นใจ ทั้งที่ความจริงแล้ว ไร้ความจริงใจ ทุกครั้งที่มาด้วยกัน เขาจะต้องได้รับเงินเป็นค่าเสียเวลา แม้บอกว่าไม่เป็นไร เมื่อเธอยัดใส่มือให้ เขาจำใจรับเอาไว้
“คุณหรือใคร ช่วยอะไรฉันไม่ได้หรอกค่ะ”
“นั่นสิครับ ถ้าอย่างนั้น รับประทานอาหารดีกว่าครับ ปลานึ่งบ๊วยอร่อยมากเลยนะครับ”
ชายหนุ่มพยายามเอาใจสุดฤทธิ์ ตักอาหารจานโปรดส่งให้ สีวลีหลับตานิ่ง ๆ ด้วยความรู้สึกที่บอกว่า หัวใจปวดร้าวอย่างที่สุด
ความรู้สึกดี ๆ ที่ได้รับจากสุวณิช สร้างความประทับใจแก่น้ำตาลไม่น้อย หลังจากรับประทานอาหารกลางวันด้วยกัน เขาพาไปซื้อกระเป๋าราคาแพง บอกว่าให้เหมาะสมกับฐานะน้องสาวเจ้าของบริษัท
“ว่าง ๆ พี่จะพาไปฟังเพลง”
“ฟังเพลง ที่ไหนคะ”
“แน่ะ อยากไปขึ้นมาเชียวล่ะ พี่จะบอกให้รู้นะว่า ห้ามไปกับใครเป็นอันขาด นอกจากพี่เพียงคนเดียวเท่านั้น”
“ค่ะ ไม่ไปกับใครอยู่แล้ว กลัวค่ะ ผู้ชายทุกวันนี้ไว้ใจได้ยากมาก”
“นั่นสิ แต่สำหรับพี่ ไม่เคยทำให้ผู้หญิงคนไหนเจ็บปวด มีแต่ผู้หญิงทำให้เศร้า”
เขากล่าวด้วยเสียงกลั้วหัวเราะ ซึ่งก็ทำให้เธอหัวเราะอย่างมีความสุข โดยไม่รู้ว่าน้ำทองยืนมองที่หน้าต่างข้างบนของห้องทำงาน ดีใจที่น้องสาวเจอผู้ชายดี ๆ อย่างสุวณิช โดยคาดว่าคนทั้งสองคงเข้ากันได้ดี
เมื่อน้องสาวเข้ามาในห้องทำงาน น้ำทองยิ้มกริ่ม มองด้วยสายตาแปลก ๆ น้ำตาลรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง กลัวพี่เข้าใจผิด คิดว่าเธอกับสุวณิชมีความสัมพันธ์ทางใจต่อกัน
“พี่น้ำทอง มีอะไรคะ ทำไมมองน้ำตาลอย่างนั้นล่ะ”