5 เมื่อความรักเพรียกหา
เคนจิโร่ขยับเรือนร่างเปลือยเปล่าไปมาบนร่างของหญิงสาวที่กอดรัดเขาแน่น ใบหน้าเธอพริ้ม และยิ้มอย่างมีความสุข เมื่อได้ของที่ถูกใจ และชายหนุ่มเองก็ดำเนินการเต็มที่ เขาผ่านสมรภูมิในสนามโลกีย์มาตั้งแต่รุ่นหนุ่ม จนกระทั่งเป็นชายฉกรรจ์เต็มตัว ลีลารักจึงเร่าร้อน จนหญิงร่านร้องครางอย่างสุขสม เมื่อเขาจ้วงของสำคัญเข้าไปหนัก ๆ เป็นครั้งสุดท้าย
ทั้งเคนจิโร่และสีวลีต่างกอดกันแน่น หลังจากพากันจูงมือขึ้นสวรรค์ชั้นสุขสวาท
เช้าในวันรุ่งขึ้น ขณะที่น้ำทองกับน้ำตาลรับประทานอาหารเช้าร่วมกัน ซึ่งมีข้าวต้มเครื่องกับน้ำส้มคั้น และผลไม้สองอย่าง คนเป็นพี่มองด้วยสายตายิ้ม ๆ เมื่อเห็นน้องสาวตักอาหารรับประทานอย่างช้าๆ
“มีอะไรหรือคะ พี่น้ำทอง”
“ไม่มีอะไร แต่พี่เห็นเธอสวยขึ้นทุกวัน”
“อะไรกัน อยู่มาตั้งแต่เล็กจนโต เพิ่งเห็นความสวยของน้ำตาล”
“ก็สวยไง ตอนนี้ราศีเถ้าแก่เนี้ยจับแล้วนะ”
“น้ำตาลเป็นเถ้าแก่เนี้ย เพราะพี่น้ำทองให้เงินใช้บ่อย ๆ ไงคะ”
หญิงสาวไม่เข้าใจต่อสิ่งที่พี่ชายพูด ว่ามีความหมายบางอย่างซ่อนเอาไว้ คนเป็นพี่พยายามที่จะบอกบางสิ่ง บางอย่างให้น้องรับรู้ แต่แล้วก็ปิดปากเงียบ ไม่พูดสิ่งใด ๆ ออกมา เมื่อน้ำตาลลุกขึ้น เตรียมตัวไปรอที่รถ
“ยายน้ำตาลเอ้ย ไม่รู้เรื่องอะไรเลย ว่ามีผู้ชายแอบชอบ แต่ไม่เป็นไร สักวันเธอก็จะรู้เอง ว่าคนที่ปรารถนาดีนั้นคือใคร”
เมื่อมาถึงบริษัท น้ำตาลขมวดคิ้วโก่งสวยเข้าหากันด้วยความแปลกใจ เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมถึงมีช่อดอกไม้ราคาแพงวางอยู่บนโต๊ะ เมื่อดูที่การ์ดก็ไม่เห็นชื่อผู้ส่งมาให้ จึงเรียกแม่บ้านมาสอบถาม
“พี่ต้อย พี่ต้อยคะ ถามอะไรหน่อยสิ”
“ขา คุณน้ำตาล”
“ใครเอาช่อดอกไม้มาวางไว้บนโต๊ะคะ”
“มีคนเอามาส่งให้ บอกว่าเป็นของคุณน้ำตาลค่ะ”
เมื่อรู้ว่าดอกไม้เป็นของตนเท่านั้น หญิงสาวทำหน้างุนงง เพราะไม่มีชื่อคนนำส่ง เธออยากรู้ว่าเป็นใคร ส่งให้อย่างนี้เพื่อจุดประสงค์อะไร
“ใครก็ไม่รู้ ส่งดอกไม้มาให้น้ำตาล”
“สงสัยเป็นคนที่แอบชอบคุณน้ำตาลไงคะ”
“ไม่หรอกมั้ง ใครจะมาชอบ น้ำตาลไม่ใช่คนสวยระดับนางสาวไทย หน้าตาก็งั้น ๆ หมกตัวอยู่แต่ในบริษัท คนที่ชอบก็คงเป็นประเภทตาถั่วค่ะ”
แม่บ้านไม่กล้าวิจารณ์ถึงรูปร่างหน้าตาของเจ้านาย ทั้งที่รู้ว่าน้ำตาลเป็นผู้หญิงหน้าตาดีคนหนึ่ง เธอกลัวว่าถ้าพูดออกไปแล้วจะเป็นการประจบประแจง สู้อยู่เฉย ๆ ดีกว่า จากนั้นถอยออกไป และเห็นสุวณิชเดินเข้ามา ในมือหอบแฟ้มเอกสารบางอย่างเอาไว้
“น้ำตาล ช่วยพี่สะสางงานเก่า ๆ ด้วย แยกเป็นหมวดหมู่ว่าเป็นรายจ่ายของแต่ละปี และแต่ละเดือน”
“ได้ค่ะ พี่ณิช”
หญิงสาวรับแฟ้มเอกสารเหล่านั้นมาวางบนโต๊ะ แต่ไม่กล้าสบสายตา นอกจากก้มหน้านิ่ง เพราะกลัวสายตาคมวาวคู่นั้นรู้ว่าบาดลึกเข้าไปในดวงจิต จนทำให้ว้าวุ่นใจ
“เที่ยงนี้มีนัดทานข้าวกับหนุ่ม ๆ คนไหนหรือเปล่า”
“ก็คงจะเป็นพี่น้ำทองค่ะ”
“น้ำทองออกไปหาลูกค้า งานนี้น้ำตาลทานข้าวคนเดียวแล้วล่ะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ น้ำตาลทานได้”
“งั้นพี่จะพาไปทาน ร้านอร่อยอยู่ไม่ไกลจากบริษัท ห้ามปฏิเสธนะ”
“ขอบคุณค่ะ”
หญิงสาวรับคำเสียงแผ่ว แล้วลิงโลดใจอย่างที่สุด เมื่อหนุ่มในฝันชวนไปรับประทานอาหารมื้อกลางวัน ตั้งแต่รู้จัก และเข้ามาทำงานในฐานะน้องสาวของหุ้นส่วน เธอไม่เคยรับประทานอาหารสองต่อสองกับเขาเลย
ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่จะไปด้วยกัน อดตื่นเต้นไม่ได้ เธออยากรู้เหมือนกันว่าเขาจะรู้สึกอย่างไรกับเธอบ้าง บางทีอาจจะชวนเพราะความสงสารที่รู้ว่าเธอไม่มีเพื่อน หรือมีความรู้สึกพิเศษ ต้องการที่จะสานความสัมพันธ์
ดูจากดวงตาคู่นั้น บ่งบอกว่าพึงพอใจเธอเช่นกัน
เมื่อเขาออกจากห้องไปแล้ว หญิงสาวอดใจไม่ไหว โทรศัพท์ไปเล่าให้พิราลัยเพื่อนสนิทให้รับฟังทันที
“ยายลัย เราตื่นเต้นจังเลย”
“เกิดอะไรยะแม่คุณ เสียงนี่กระเส่าเชียว”
“ก็พี่ณิช ชวนเราไปทานข้าวเที่ยงด้วยกัน เน้น สองต่อสอง”
“ว้าว ! อย่างนี้ศรรักปักอกแน่ ๆ เธออย่าปฏิเสธนะ เพราะชอบเขาอยู่แล้วนี่”
“เรา เรา ทำตัวไม่ถูก คงเขิน นั่งเอามือจับกันจนแน่น ถ้า ถ้าเขาเข้ามาใกล้ ๆ เราคงขาดใจตายแน่ ๆ เลยนะ”