บทที่ 9
โดมินิทพาน้องบลูมาที่แผนกของเด็กเล่น ซึ่งมีของเล่นเด็กครบครันตั้งแต่เด็กเล็กไปจนถึงเด็กโต น้องบลูมองหุ่นยนต์ที่วางอยู่บนชั้นวางด้วยสายตาแวววาว เอื้อมมือไปลูบคลำหุ่นยนต์ที่วางโชว์ไว้นอกกล่องด้วยความอยากได้ โดมินิทมองตามสายตาของน้องบลูแล้วก็นึกสงสาร อยากซื้อหุ่นยนต์ที่มีอยู่ในแผนกของเล่นเด็กให้น้องบลูทั้งหมด
“น้องบลูอยากได้ตัวไหนก็หยิบใส่รถเข็นได้เลยนะครับ” โดมินิทก้มหน้าบอกเด็กน้อย
“คุณอาบลูจะซื้อหุ่นยนต์ให้น้องบลูทุกตัวเลยหรือเปล่าครับ” น้องบลูถามด้วยความไม่แน่ใจ
“คุณอาซื้อให้ทุกตัวที่น้องบลูอยากได้ครับ” ใบหน้าคมเข้มพยักหน้าตอบรับ
“แต่มันแพงนะครับ ถ้าคุณอาบลูซื้อให้น้องบลูเยอะ เดี๋ยวตังส์คุณอาบลูหมด คุณอาจะไม่มีตังส์ซื้อขนมกินนะครับ” น้องบลูเอ่ยบอกตามประสาเด็กน้อย รู้สึกเป็นห่วงเงินในกระเป๋าของคุณอา
โดมินิทยิ้มเอ็นดูกับความน่ารักชาญฉลาดและมีน้ำใจของเด็กน้อย มือใหญ่ขยี้เบาๆ บนศีรษะกลมทุย แล้วเอ่ยตอบให้น้องบลูสบายใจ
“น้องบลูเลือกตามใจชอบได้เลยครับ จะเอาไปฝากเพื่อนด้วยก็ได้ ถ้าเงินอาบลูหมด ไม่มีเงินซื้อขนม คุณอาไปกินขนมที่บ้านของบลูแทนได้ไหมครับ”
“เย้! เย้! ได้ครับ คุณอาบลูต้องไปกินเค้กช็อคโกแลตที่บ้านน้องบลูนะครับ คุณแม่ทำอร่อยที่สุดในโลกเลยครับ” ร่างป้อมกระโดดเย้วๆ ด้วยความดีใจที่จะได้หุ่นยนต์หลายตัว และที่สำคัญคุณอาจะไปเที่ยวที่บ้านของตนเองด้วย
“น้องบลูชอบกินเค้กช็อคโกแลตหรือครับ” ขณะเอ่ยถาม โดมินิทก็จับร่างป้อมๆ ที่กระโดดโลดเต้นไว้ให้อยู่นิ่งๆ
“ชอบที่สู๊ดด...เลยครับ” ปากเล็กทำเสียงสูงบอกให้รู้ว่าชอบมากแค่ไหน “แต่คุณแม่ไม่อยากให้กินเยอะ คุณแม่บอกว่าเดี๋ยวน้องบลูจะอ้วนเกินไป ถ้าเป็นเด็กอ้วนจะไม่สบาย น้องบลูก็เลยแอบไปกินสองคนกับน้าปุ้นครับ”
ประโยคหลังน้องบลูพูดกระซิบเบาๆ เหมือนกลัวว่าคุณแม่จะได้ยิน ทำเอาโดมินิทต้องหัวเราะขบขำกับความเจ้าเล่ห์ของเจ้าตัวเล็ก
“คุณแม่จับได้ไหมครับ”
“จับไม่ได้ครับ น้าปุ้นพากินตอนคุณแม่ไม่ได้อยู่ที่ร้านครับ” น้องบลูยิ้มแป้นให้ชายหนุ่ม
“ฉลาดจริงๆ เลยนะเรา” โดมินิทดึงตัวน้องบลูเข้ามากอดพลางหอมแก้มซ้ายขวาฟอดใหญ่ด้วยความรัก
“คุณอาครับ น้องบลูเจอหุ่นยนต์โรโบคอบแล้วครับ อยู่นี่ไงครับ” น้องบลูชูหุ่นยนต์ที่ตัวเองชอบและอยากได้ให้ชายหนุ่มดู
“ตัวนี้เรียกหุ่นยนต์โรโบคอบ น้องบลูอยากได้ตัวนี้ น้องบลูจะเอาไปเล่นกับพี่อาร์ตครับ”
“รู้จักชื่อหุ่นยนต์ด้วย” โดมินิทแซวยิ้มๆ
“รู้จักครับ น้องบลูรู้จักชื่อหุ่นยนต์ทุกตัวเลย ตัวนั้นชื่ออุลตร้าแมน ตัวนั้นชื่อมดเอ็กซ์ ตัวนั้นชื่อโดราเอมอน ตัวนั้นชื่อ...” น้องบลูกำลังจะบอกชื่อหุ่นยนต์ตัวต่อไป แต่ถูกโดมินิทเอ่ยห้ามทัพไว้เสียก่อน
“พอแล้วครับ คุณอาจำได้ไม่หมดหรอกครับ พี่อาร์ตที่น้องบลูจะซื้อหุ่นยนต์ไปฝากคือใครครับ” ชายหนุ่มหยิบหุ่นยนต์โรโบคอบและตัวอื่นๆ ที่น้องบลูเรียกชื่อเมื่อสักครู่เอาใส่ในรถเข็นทุกตัว
“พี่อาร์ตอยู่บ้านใกล้ๆ กับน้องบลูครับ ตอนเย็นๆ คุณลุงพันจะพาพี่อาร์ตมาเล่นกับน้องบลูทุกวันเลยครับ น้าปุ้นบอกว่าคุณลุงพันมากินกาแฟและมาจีบคุณแม่ด้วยครับ” เด็กน้อยรายงานด้วยน้ำเสียงแจ้วๆ
“คุณพ่อน้องบลูไม่ว่าหรือครับที่มีคนมาจีบคุณแม่”
“คุณพ่อไม่ได้อยู่กับน้องบลู น้าปุ้นบอกว่าคุณพ่ออยู่ไกลมากๆ อยู่ต่างประเทศ ถ้าจะไปหาต้องนั่งเครื่องบินไปครับ”
“น้องบลูอยากไปหาคุณพ่อไหมครับ” โดมินิทสนใจขึ้นมาทันทีเมื่อน้องบลูบอกว่าคุณพ่ออยู่ต่างประเทศ
“อยากครับ แต่น้องบลูหยอดกระปุกออมสินยังไม่เต็มเลย น้องบลูไม่มีเงินซื้อเครื่องบิน” น้องบลูตีหน้าสลด ทำเสียงเศร้าๆ เมื่อพูดถึงเรื่องนี้
โดมินิทยิ้มออกมารู้สึกรักน้องบลูมากขึ้นกว่าเดิม เจ้าตัวคงคิดว่าเครื่องบินลำละไม่กี่บาท จึงหยอดกระปุกออมสินเก็บเงินไว้ซื้อเครื่องบิน
“อาบลูซื้อเครื่องบินบังคับวิทยุให้ลำหนึ่งเอาไหมครับ เอาไว้ขับไปหาคุณพ่อ” ชายหนุ่มยิ้มพูดหลอกล่อเด็กน้อย เขาอยากรู้ว่าน้องบลูจะตอบว่ายังไง
“เอาครับ แต่มันนั่งไม่ได้นี่ครับ น้องบลูเห็นมันเล็กนิดเดียวเอง คุณอาจะให้น้องบลูนั่งตรงไหนครับ ถ้านั่งทับไปมันต้องหักแน่ๆ เลยครับ” เด็กน้อยแสดงความคิดเห็นอย่างชาญฉลาด
‘เจ้าเด็กคนนี้ฉลาดจริงๆ ท่าทางคุณแม่กับน้าสาวจะเลี้ยงมาดี’
“อืม...ถ้างั้นอาบลูให้ยืมเครื่องบินขับไปหาคุณพ่อดีไหมครับ” โดมินิทหมายถึงเครื่องบินส่วนตัวของเขา
น้องบลูได้ยินเช่นนี้ ก็หันมาจับแขนแข็งแรงของโดมินิทไว้ หมดความสนใจในหุ่นยนต์ทุกตัวที่อยากได้ ริมฝีปากเล็กๆ ถามขึ้นด้วยความตื่นเต้น เพราะอยากเจอคุณพ่อมาก
“คุณอาบลู มีเครื่องบินด้วยหรือครับ”
“มีครับ มีอยู่ลำหนึ่ง เป็นเครื่องบินของจริงนั่งได้ด้วยครับ” โดมินิทเอ่ยกลั้วหัวเราะ เมื่อเห็นดวงตาสีน้ำเงินเข้มทำตาโตแวววาวตื่นเต้นกว่าเดิม
“คุณอาให้น้องบลูยืมได้ไหมครับ น้องบลูจะขับไปหาคุณพ่อ น้องบลูสัญญาว่าจะไม่ทำพังครับ”
น้องบลูชูนิ้วชี้กับนิ้วกลางขึ้นทำเป็นเหมือนสัญลักษณ์การสัญญา แต่ดันลืมยกนิ้วนางขึ้นมาด้วยเลยทำให้จากสัญญากลายเป็นสู้ตายแทน
โดมินิทอดหัวเราะกับสัญลักษณ์การสัญญาของบลูไม่ได้ ตั้งแต่เจอน้องบลูเขารู้สึกว่าตัวเองมีความสุขขึ้นมาก เขาหัวเราะและยิ้มบ่อยขึ้น หลังจากเจอมรสุมชีวิตในอดีตที่ผ่านมา เขาไม่เคยหัวเราะด้วยความสุขใจอีกเลย เขาดีใจที่ได้พบเด็กน้อยที่น่ารักเหมือนน้องบลู
“อาบลูให้ยืมเครื่องบินครับ ว่า...แต่ว่า...ขับเครื่องบินเป็นหรือเปล่านะเรา” น้ำเสียงที่เปล่งออกมาเจือด้วยรอยยิ้มระคนเอ็นดู
“ไม่เป็นครับ แต่จะให้อาบลูขับให้ นะครับ...อาบลูขับเครื่องบินพาน้องบลูไปหาคุณพ่อหน่อยนะครับ” เด็กน้อยออดอ้อนโถมตัวเข้าไปกอดขาโดมินิทไว้
ชายหนุ่มย่อตัวลงนั่งหยองๆ บนส้นเท้าตัวเองและกอดน้องบลูไว้ สงสารเด็กน้อยจับใจ
“อ้าว! ไหง๋มาให้คุณอาขับให้ล่ะครับ”
“ก็อาบลูเป็นคนซื้อ คุณอาก็ต้องขับเป็นสิครับเหมือนน้าปุ้น น้าปุ้นซื้อรถเอง น้าปุ้นยังขับรถเป็นเลย แต่น้าปุ้นขับรถไม่เก่ง เมื่อเดือนก่อนน้าปุ้นขับรถชนกระถางต้นไม้แตกตั้งสี่ใบ ต้นไม้หน้าบ้านหักด้วย” น้องบลูเผาน้าสาวยกใหญ่ โดยไม่รู้ว่าน้าสาวกำลังยืนฟังอยู่ด้านหลัง
ณิชาดาหน้าแดงก่ำขึ้นมาทันควันด้วยความอาย เมื่อโดนหลานเผาต่อหน้าชายหนุ่มทั้งสอง โดยเฉพาะคนที่เดินตามหลังเธอมาติดๆ พอได้ยินคำพูดของน้องบลูก็ปล่อยหัวเราะก๊ากออกมาอย่างขบขัน
“กระถางต้นไม้แตกสี่ใบเลยหรือครับน้องบลู” คาเมลถามเสียงกลั้วหัวเราะ ใบหน้าคมเข้มยิ้มพราย สายตายังจับจ้องอยู่ที่สาวสวย ซึ่งยืนตีหน้าบึ้งอยู่ข้างๆ ตัวเขา
“ครับ ไฟข้างหลังรถแตกด้วย เมื่อตะกี้ตอนจอดรถ คุณแม่บอกว่าถ้าน้าปุ้นชนรถคันสวยที่จอดอยู่ข้างๆ คุณแม่จะหักเงินค่าขนมน้าปุ้นสามเดือน”
พอน้องบลูพูดจบ คาเมลก็ปล่อยหัวเราะเสียงดังกว่ารอบแรก ทำเอาคนที่เดินซื้อของอยู่แถวๆ นั้นต้องหันมามองด้วยความสนใจ
“น้องบลู!”
ณิชาดาเรียกหลานเสียงดัง หน้าขาวนวลเปลี่ยนเป็นสีแดงลูกตำลึงสุกด้วยความอับอาย มือบางตีแรงๆ ไปบนต้นแขนคาเมล ซึ่งยืนหัวเราะจนตัวงอหน้าดำหน้าแดง
“คุณคาเมล หยุดหัวเราะได้แล้ว ขำอะไรกันนักกันหนากับอีแค่ขับรถชนกระถางต้นไม้แตก” หญิงสาวพยายามทำหน้าบึ้งกลบเกลื่อนความอายของตัวเอง
“คุณไม่เคยขับรถชนกระถางต้นไม้หรือยังไง” คราวนี้ณิชาดาหันมาถลึงตาถามคาเมลอย่างเอาเรื่อง
“ไม่เคยสักที ขับรถออกมาข้างนอกแบบนี้มีใบขับขี่พกติดตัวหรือเปล่า ฮันนี่” คาเมลเอ่ยถามกลั้วหัวเราะ มองหญิงสาวด้วยสายตาที่บ่งบอกถึงความรัก ซึ่งเจ้าตัวเปิดเผยออกมาให้อีกฝ่ายได้เห็นโดยไม่คิดปิดบัง
“มีสิ ทำไมจะไม่มี คนเขาอุตส่าห์ไปสอบมาเรียบร้อย”
“สอบได้หรือซื้อมา” คาเมลยังแหย่ไม่เลิก
“ฮึ! ดูถูก ไปสอบมาสิ ใครเขาซื้อใบขับขี่กันละ สมัยนี้สอบง่ายจะตายไป”
ใบหน้างามเนียนมองค้อน ย่นจมูกใส่คาเมลด้วยความโมโหที่ถูกอีกฝ่ายแกล้งอยู่ตลอดเวลา
“สอบปฏิบัติกี่ครั้ง ถึงผ่านได้ใบขับขี่มา” คาเมลพยายามกลั้นเสียงหัวเราะตอนถามคำถามนี้ เพราะเขารู้คำตอบดีอยู่แล้ว
“สามครั้ง!”
ณิชาดาตอบห้วนๆ แบบมะนาวไม่มีน้ำ โกรธคนถามที่สุด รู้ดีว่าคำตอบที่ตัวเองตอบไปต้องทำให้อีกฝ่ายหัวเราะเยาะแน่
และก็ไม่ผิดหวัง พอเธอพูดจบเท่านั้นแหละ ทั้งคาเมลทั้งโดมินิทก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาพร้อมๆ กัน แถมยังมีกองหนุนตัวเล็กคอยหัวเราะตามด้วยเหมือนกับว่าเข้าใจในเรื่องที่ผู้ใหญ่คุยกัน
‘อย่าให้ถึงทีของข้าวปุ้นบ้างก็แล้วกัน’ ณิชาดากัดฟันดังกรอดๆ แค้นอยู่ในใจ
คาเมลเห็นแก้มนวลใสแดงปลั่งด้วยความอายก็นึกมันเขี้ยว อยากจะเข้าไปหอมแก้มสักฟอดใหญ่ๆ
ส่วนณิชาดา เมื่อหาเรื่องใครไม่ได้แล้ว ก็หันมาเล่นงานเจ้าหลานตัวแสบที่บังอาจเผาเธอต่อหน้าคนอื่น
“เอาน้าปุ้นมาเผาแบบนี้ น้าปุ้นไม่ซื้อหุ่นยนต์โรโบคอบให้แล้ว”
“คุณอาบลูซื้อให้แล้วครับ นี่ไงครับ สวยไหมครับ” น้องบลูไม่พูดเปล่ายังยื่นหุ่นยนต์มาข้างหน้าจนแทบจะชนใบหน้าสวยๆ ของน้าสาว
“แหม! พอมีคนซื้อให้ก็ไม่สนใจน้าเลยนะ” ณิชาดายังงอนหลานชายไม่เลิก
คาเมลส่ายหน้าขำกับความขี้งอนของหญิงสาว ดูเอาเถอะกับหลานอายุแค่ไม่กี่ขวบ เจ้าหล่อนยังงอนไม่เลิก นี่ถ้างอนกับเขามิต้องง้อกันเป็นวันๆ เลยหรือไง
ชายหนุ่มนึกไปถึงอนาคตข้างหน้าที่มีเขากับหญิงสาวอยู่คู่กัน แต่ถึงเจ้าหล่อนจะขี้งอนมากเพียงใด เขาก็ยินดีง้อเธอไปตลอดทั้งชีวิต...
“น้าปุ้นก็ซื้อต้นคริสมาสต์ให้น้องบลูไงครับ แล้วเย็นนี้เราเอาไปตกแต่งที่ร้านกาแฟด้วยกัน” น้องบลูเดินมากอดน้าสาวไว้ แล้วพูดออดอ้อนเหมือนเคย
“น้าปุ้นซื้อให้ก็ได้ แต่ต้องทำยังไงก่อนเอ๋ย...” ร่างบางคุกเข่าลง เอียงแก้มแดงปลั่งเข้าไปใกล้ๆ น้องบลู
น้องบลูรู้งาน พอน้าสาวยื่นแก้มมาให้ น้องบลูก็เข้าไปหอมแก้มน้าสาวและเอียงแก้มยุ้ยๆ ของตัวเองให้น้าสาวหอมคืนเหมือนกัน ภาพที่สองน้าหลานแสดงความรักความผูกพันธ์ต่อกันเป็นที่ประทับใจแก่ชายหนุ่มทั้งสองยิ่งนัก