บท
ตั้งค่า

บทที่ 10

ณิชาดาลุกขึ้นยืน กอดหลานชายไว้และหันมามองโดมินิท ดวงตาสีดำคู่สวยเริ่มระแวงขึ้นมา เธอนึกไม่ออกว่าโดมินิทซื้อของเล่นให้น้องบลูทำไม ถ้าซื้อให้แค่ชิ้นเดียวเธอจะไม่สงสัยเลย แต่นี่เล่นหยิบของเล่นใส่จนเกือบเต็มรถเข็น และของเล่นแต่ละชิ้นก็มีแต่ราคาแพงๆ ทั้งนั้น

“ทำไมคุณซื้อของเล่นให้น้องบลูมากมายขนาดนี้คะ”

“เยอะอะไรกันของเล่นแค่ไม่กี่ชิ้นเอง” โดมินิทตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ มือใหญ่ยังช่วยน้องบลูหยิบของเล่นใส่ในรถเข็นต่อ

“ไม่เยอะได้ยังไง หุ่นยนต์สี่ตัว เครื่องบินบังคับวิทยุหนึ่งลำ เลโก้สองกล่อง รถยนต์บังคับวิทยุอีกหนึ่งคัน แล้วนี่อะไร? โมเดลทหารชุดใหญ่อีกหนึ่งชุด ของเล่นแต่ละอย่างราคาแพงๆ ทั้งนั้นเลยนะ”

ณิชาดาต่อว่าโดมินิท ขณะเดียวกันมือเรียวยาวหยิบของเล่นแต่ละชิ้นขึ้นมาดูป้ายราคาที่แปะติดไว้ ก่อนจะร้องเสียงหลงด้วยความตกใจ

“คุณ โมเดลทหารราคาตั้งสองพันเลย มันแพงเกินไป ฉันให้น้องบลูรับไม่ได้หรอกค่ะ” ว่าแล้วหญิงสาวก็หยิบกล่องโมเดลทหารไปวางไว้บนชั้นวางเหมือนเดิม

น้องบลูเห็นน้าสาวหยิบของเล่นจากรถเข็นไปใส่ไว้บนชั้นวางเหมือนเดิม ก็ได้แต่ทำตาปรอยๆ เพราะความเสียดาย แต่ก็ไม่กล้าหยิบมาใส่รถเข็นคืน

โดมินิทไม่ยอมให้ณิชาดาทำเช่นนั้น ชายหนุ่มหยิบโมเดลทหาร และของเล่นชิ้นอื่นๆ มาใส่ในรถเข็นอีกครั้ง

“เอาไปเถอะ ผมอยากซื้อให้น้องบลู คุณจะเลือกของเล่นอย่างอื่นให้น้องบลูด้วยก็ได้นะ”

โดมินิทหันมาทางน้องบลู ซึ่งตอนนี้ดวงตาสีน้ำเงินเข้มเปล่งประกายแวววาวดีใจเหมือนเดิม

“แต่ฉันกับพี่สาวไม่มีเงินจ่ายคืนให้พวกคุณนะ”

“รับไปเถอะ ฮันนี่ เจ้านายผมเขาอยากซื้อให้น้องบลู แค่น้องบลูชอบก็พอแล้ว ส่วนเรื่องเงินถือว่าจิ๊บจ๊อย”

“เอ้า! จิ๊บจ๊อยก็จิ๊บจ๊อย ถ้าอยากซื้อให้นัก เราก็ไม่ศรัทธา แต่ขอบอกไว้ก่อน ห้ามส่งบิลมาเก็บเงินทีหลังนะ ฉันกับพี่สาวไม่ยอมจ่ายคืนเด็ดขาด”

ณิชาดาหันมามองค้อน และเอ่ยแขวะคาเมล

“ไม่ส่งบิลไปเรียกเก็บเงินคืนแน่นอน” คาเมลเน้นย้ำ ทำเอาณิชาดาคลี่ยิ้มหวานให้ด้วยความดีใจ แต่ก็ต้องหุบยิ้มทันที เมื่อได้ยินประโยคต่อไป

“แต่...ผมขอไปกินมื้อค่ำที่บ้านคุณเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ และต้องเป็นฝีมือคุณเท่านั้น”

“ได้ยังไงคุณไม่ได้เป็นคนจ่ายเงินสักหน่อย” หญิงสาวไม่ยอมแพ้ ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ ก็เธอทำกับข้าวเป็นซะเมื่อไร

“ใครว่า ผมนี่แหละเป็นคนจ่าย เงินของเจ้านาย แต่ผมมีหน้าที่ต้องจ่ายแทนเขา เพราะฉะนั้นก็ถือได้ว่าผมเป็นคนจ่ายเงิน เป็นอันว่าเราตกลงกันตามนี้ มื้อค่ำฝีมือคุณหนึ่งสัปดาห์”

“ก็ได้ มื้อค่ำที่บ้านฉันหนึ่งสัปดาห์ แต่คุณหาเอาเองว่าบ้านฉันอยู่ที่ไหน ถ้าหาไม่เจอภายในเจ็ดวัน ก็ถือว่าข้อตกลงเป็นโมฆะ”

ณิชาดายิ้มหวานให้คาเมล รู้สึกสะใจที่เห็นอีกฝ่ายกัดฟันกรอดๆ แยกเขี้ยวใส่เพราะความโมโห

“ไม่ต้องถึงเจ็ดวันหรอก ไม่เกินสามวัน ผมก็หาบ้านคุณเจอแล้ว” คาเมลคุยโว

“ฮึ!...ขี้คุย หาให้เจอก่อนเถอะ กรุงเทพฯ ไม่ใช่เล็กๆ นะคุณคาเมล...” ณิชาดาแกล้งลากเสียงเรียกชื่อชายหนุ่ม

“เอาน่า...ผมหาเจอก็แล้วกัน คุณเตรียมทำกับข้าวรอได้เลย” คาเมลเอ่ยตอบด้วยความมั่นใจ ก่อนจะออกคำสั่งขึ้นมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย

“แบมือข้างซ้ายมาทีสิ ฮันนี่”

“เป็นหมอดูคู่กับหมอเดาหรือยังไงถึงอยากดูลายมือขึ้นมา” ณิชดาถามเสียงกลั้วหัวเราะไม่ยอมยื่นมือออกไป

“บอกให้ยื่นมือมา ทำตามเถอะน่า ถามมากอยู่ได้” คาเมลบ่นออกมาอย่างขัดใจที่หญิงสาวไม่ยอมทำตามเขาสักที

“เรื่องอะไร จะหลอกจับมือฉันใช่ไหม ฮึ! ไม่หลงกลง่ายๆ หรอก”

คาเมลส่ายหน้ายิ้มด้วยความระอากับอาการดื้อดึงของหญิงสาว เขาหยิบนามบัตรออกมาหนึ่งใบ พลิกนามบัตรและเขียนข้อความลงไปด้านหลัง ก่อนจะยื่นนามบัตรให้สาวน้อย แต่อีกฝ่ายไม่ยอมยื่นมือออกมารับสักที ชายหนุ่มเลยเอื้อมมือไปจับมือเล็กไว้และยัดนามบัตรใส่มือหญิงสาว

ณิชาดารับนามบัตรมาอ่านชื่อ นามสกุล ตำแหน่งหน้าที่และที่อยู่ ซึ่งพิมพ์ด้วยน้ำหมึกสวยงาม จากนั้นก็พลิกดูเบอร์โทรที่เขียนอย่างเป็นระเบียบด้านหลังนามบัตรก่อนจะถามขึ้นมา

“เบอร์โทรใครคะ”

“ใครเป็นคนให้นามบัตรคุณล่ะ” คาเมลเล่นลิ้นไม่ยอมตอบ

“เบอร์โทรศัพท์ของคุณหรือคะ ทำไมเบอร์ข้างหน้ากับข้างหลังนามบัตรไม่เหมือนกันเลย” มือบางพลิกนามบัตรไปมา เพื่อดูเบอร์โทรศัพท์ทั้งสองเบอร์

“เบอร์โทรที่พิมพ์อยู่ด้านหน้า เป็นเบอร์โทรที่ใช้สำหรับติดต่อธุรกิจ ลูกค้าจะติดต่อมาเบอร์นี้ แต่เบอร์โทรที่อยู่ด้านหลัง เป็นเบอร์ส่วนตัวของผม มีคนรู้แค่สามคนคือเจ้านาย พ่อกับแม่ และคุณเป็นคนที่สี่ ที่รู้จักเบอร์นี้ เข้าใจหรือยัง”

คาเมลไขข้อสงสัย แล้วดึงมือหญิงสาวให้เดินตามโดมินิทและน้องบลู ซึ่พากันเข็นรถเข็นไปตรงแคชเชียร์เพื่อชำระเงิน

“สงสัยจะแจกเบอร์สาวๆ ไปทั่วล่ะสิ”

“ใครว่า ยังไม่เคยแจกเบอร์ส่วนตัวกับสาวๆ คนไหนสักคนเลย คุณเป็นคนแรกนะที่ได้รับเกียรตินี้” คาเมลรีบปฏิเสธเป็นพัลวัน

“ไม่เคยแจกเบอร์สาวๆ แต่เอาไว้แจกพวกหนุ่มหรือเปล่า” ณิชาดาพูดล้อเลียนปนเสียงหัวเราะ จนคาเมลชักจะเริ่มหมั่นไส้ขึ้นมา

“คุณนี่ ชอบชักใบให้เรือเสีย ผมเป็นผู้ชายทั้งแท่งนะครับ ไม่ใช่เกย์ที่ต้องไปแจกเบอร์หนุ่มๆ“

“ใครจะเป็นรู้ ก็บอกว่าไม่เคยแจกเบอร์สาวๆ ก็นึกว่าจะเก็บเอาไว้แจกพวกหนุ่มๆ แทน” ณิชาดายิ้มขำ

“คุณนี่จริงๆ เลยนะ” คาเมลส่ายหน้ายิ้มขำกับความคิดของหญิงสาว

“แต่ก็รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่คุณคาเมลให้เกียรตินี้กับดิฉัน”

ณิชาดาประชดคาเมลแถมยังทำท่าถอนสายบัวงามๆ ให้ชายหนุ่มหนึ่งครั้งด้วย หญิงสาวเก็บนามบัตรไว้ในกระเป๋ากางเกง ลึกๆ ในใจรู้สึกดีใจที่ชายหนุ่มให้ความสำคัญกับเธอ ทั้งๆ ที่เพิ่งรู้จักกัน

หนุ่มสาวทั้งคู่เดินทะเลาะกันจนมาถึงแผนกแคชเชียร์ ตลอดเวลาที่เดินคู่กัน ณิชาดาไม่รู้ตัวว่ามือตัวเองถูกมือใหญ่กุมไว้ตลอดเวลา คาเมลเองก็ไม่ยอมปล่อยมือจากหญิงสาวเหมือนกัน เขารู้สึกมีความสุขที่ได้พูดคุยทะเลาะเบาะแวงกับหญิงสาว มีหลายๆ คนที่เดินสวนทางณิชาดากับคาเมล พวกเขาพากันมองสาวสวยกับหนุ่มหล่อและพาอมยิ้มกับความน่ารักของคนทั้งคู่

แต่ก็มีหนุ่มๆ บางคนที่มองสาวสวย หน้าหวาน ร่างบางอรชรอ้อนแอ้นจนแทบจะเหลียวหลัง แต่พอเจอสายตาคมดุที่ถลึงตามองตอบแสดงความเป็นเจ้าของสาวสวยหน้าหวาน พวกหนุ่มๆ ก็ต้องพากันหลบเป็นแถวไม่กล้ามองต่อ

ณิชาดาเดินมาถึงแผนกแคชเชียร์และเข้าไปกอดน้องบลูไว้ มองดูคาเมลที่กำลังเซ็นต์ชื่อลงบนสลิปบัตรเครดิต แล้วก้มหน้าลงไปกระซิบบอกข้างหูน้องบลู

“น้องบลูขอบคุณ คุณอาทั้งสองคนหรือยังคะ”

น้องบลูยกมือพนมไหว้โดมินิทและเข้าไปกอดชายหนุ่มไว้ “ขอบคุณครับคุณอาบลู”

“ไม่เป็นไรครับ” โดมินิทกอดตอบและหอมแก้มน้องบลูอีกฟอดใหญ่

น้องบลูเดินเข้าไปหาคาเมล พนมมือไหว้คาเมลอีกคน “ขอบคุณครับคุณอา...” คำพูดที่จะพูดต่อชะงักอยู่ในลำคอเพราะไม่รู้จักชื่อของคุณอาอีกคน

“อาชื่อคาเมลครับ” คาเมลดึงร่างเด็กน้อยเข้ามากอดและหอมแก้มยุ้ยๆ ไปหนึ่งที

“ขอบคุณครับ คุณอาคาเมล” น้องบลูพนมมือไหว้คาเมลอีกครั้งแล้วเดินกลับไปหาโดมินิทและกอดชายหนุ่มไว้ ปากเล็กเริ่มทวงสัญยิงสัญญาที่เคยสัญญากันไว้

“คุณอาอย่าลืมสัญญานะครับ อาบลูต้องพาน้องบลูไปหาคุณพ่อนะครับ”

น้องบลูกระซิบเบาๆ ให้ได้ยินแค่สองคน ระหว่างตัวเองกับคุณอาบลู

“ไม่ลืมแน่นอน คุณอาขอจัดการธุระให้เสร็จก่อน แล้วคุณอาจะพาน้องบลูไปหาคุณพ่อเองครับ”

“นานไหมครับ”

“สักประมาณสองอาทิตย์คงจะเสร็จครับ”

โดมินิทคำนวณระยะเวลาในการจัดการเรื่องเทคโอเวอร์ห้างฯ การเข้าไปตรวจดูงานในบริษัท รวมทั้งเรื่องสำคัญการตามหาปรีชยาพร คำนวณคร่าวๆ ทุกอย่างคงเสร็จเรียบร้อยภายในสองสัปดาห์

ชายหนุ่มสงสารน้องบลู เวลาพูดถึงพ่อทีไรดวงตาน้องบลูจะสุกใสแวววาวด้วยความดีใจ จนทำให้เขาต้องตอบตกลงและสัญญาเป็นหมั้นเป็นเหมาะว่าจะพาแกไปหาคุณพ่อเอง

“ทำไมนานจังครับ อาบลูพาไปหาคุณพ่อพรุ่งนี้เลยไม่ได้หรือครับ”

โดมินิทหัวเราะหึๆ ในลำคอ “คงไม่ได้หรอกครับ อาบลูมีงานเร่งด่วนที่ต้องทำให้เสร็จก่อนนะครับ อาบลูสัญญาว่าถ้าเสร็จธุระเมื่อไร อาบลูจะพาน้องบลูไปทันทีครับ”

“คุณอาบลูจะหาบ้านน้องบลูเจอไหมครับ”

“อืม...นั้นนะสิ เรื่องใหญ่แล้วนะนี่ อาบลูจะหาบ้านน้องบลูเจอหรือเปล่าก็ไม่รู้”

โดมินิทแกล้งเด็กน้อย ชายหนุ่มยิ้มขำเมื่อเห็นน้องบลูตีสีหน้ากังวลคงกลัวว่าเขาจะหาบ้านตัวเองไม่เจอ เรื่องหาที่อยู่ของน้องบลูเป็นเรื่องเล็ก ถ้าเขาต้องการจริงๆ สั่งเลขาผู้ทรงประสิทธิภาพให้จัดการให้ รับรองไม่เกินหนึ่งวัน เขาก็ได้ในสิ่งที่ต้องการแล้ว

น้องบลูเห็นท่าทางของคุณอาบลูแล้ว ก็หวาดกลัวว่าคุณอาจะหาบ้านตัวเองไม่เจอ จึบรีบสาวเท้าเข้าไปหาน้าสาวมือเล็กจับมือบางน้าสาวและเขย่าแรงๆ แล้วเอ่ยขอร้องน้าสาวว่า

“น้าปุ้น! น้าปุ้นบอกที่อยู่บ้านของเราให้คุณอาบลูได้ไหมครับ คุณอาจะได้ไปหาน้องบลูถูกนะครับ” สีหน้าน้องบลูแสดงถึงความกังวลเพราะตัวเองจำที่อยู่บ้านไม่ได้จริงๆ

“บอกไม่ได้ค่ะ อันนี้เป็นหน้าที่ของคุณอาคาเมล เพราะฉะนั้นคุณอาเขาต้องหาเอาเองค่ะ”

“แล้วถ้าหาไม่เจอละครับ” น้องบลูไม่ยอมแพ้ ยังอยากให้น้าสาวบอกที่อยู่กับคุณอาทั้งสองคน

“หาเจอแน่นอนครับ น้องบลูเชื่อฝีมือคุณอาเถอะครับ รับรองเราได้เจอกันเร็วๆ นี้แน่นอนครับ” คราวนี้คาเมลเป็นคนให้สัญญากับน้องบลูด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

“น้องบลู บอกน้าปุ้นได้ไหมว่าน้องบลูสัญญากับคุณอาโดมินิทเรื่องอะไร”

ณิชาดาก้มหน้าลงไปถามน้องบลูด้วยความอยากรู้

น้องบลูยิ้มแป้นให้น้าสาว แล้วส่ายหน้าแรงๆ ไม่ยอมบอกให้น้าสาวรู้ จากนั้นร่างเล็กก็เดินเข้าไปกอดโดมินิทไว้และหันหน้ามาทางน้าสาว พร้อมกับบอกว่า

“ไม่บอกหรอกครับ เป็นความลับของน้องบลูกับคุณอาบลู เรารู้กันแค่สองคนเท่านั้นครับ”

ณิชาดาหันหน้าไปทางคาเมล ดวงตาคู่สวยสบกันกับดวงตาสีน้ำตาลเหมือนจะสอบถามว่าชายหนุ่มรู้หรือเปล่า คาเมลส่ายหน้าปฎิเสธเขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเจ้านายไปสัญยิงสัญญาเรื่องอะไรไว้กับน้องบลูระหว่างณิชาดากำลังเกลี้ยกล่อมหลอกถามน้องบลูอยู่ โทรศัพท์มือถือของคาเมลก็ดังขึ้น ชายหนุ่มหันหน้าไปทางณิชาดาและโดมินิททำท่าทางเหมือนขออนุญาตรับสาย ก่อนจะหันหลังให้และสนทนากับคู่สนทนาที่โทรเข้ามา

“เจ้านายครับ ผู้จัดการสาขาที่อเมริกาโทรมาครับ มีเรื่องด่วนเกี่ยวกับสินค้าที่ส่งออกรอบล่าสุดครับ” คาเมลกดวางสายและหันมารายงานเจ้านายด้วยสีหน้าซีเรียส

“ทำไม? สินค้ามีปัญหายังไง”

“ลูกค้าเขาตรวจสอบแล้วว่ามีชุดเครื่องเพชรอยู่ชุดหนึ่งที่เป็นของปลอมครับ” เลขาหนุ่นเดินเข้ามากระซิบบอกเจ้านายใกล้ๆ

“เป็นไปได้ยังไง สินค้าของเราเป็นของแท้และเกรดเอทั้งนั้น” โดมินิทถามด้วยความสงสัย

“ตอนนี้ผู้จัดการฝ่ายผลิตกำลังดูกล้องวงจรปิดว่ามีการสับเปลี่ยนสินค้าหรือเปล่า”

“ได้! ถ้างั้นเรากลับกันเลยแล้วกัน เดี๋ยวเราขอไปบอกกับน้องบลูก่อน” โดมินิทเดินเข้าไปหาน้องบลู คุกเข่าลงกับพื้นและกอดน้องบลูไว้แน่น

“น้องบลูครับ อาบลูมีงานด่วนต้องกลับไปทำ น้องบลูไปหาคุณแม่ก่อนนะครับ อาบลูสัญญาว่าทำงานเสร็จแล้ว คุณอาจะรีบไปหาน้องบลู จะไปกินเค้กช็อคโกแลตที่บ้านน้องบลูแน่นอนครับ” โดมินิทให้สัญญากับน้องบลูด้วยน้ำเสียงอันหนักแน่น

“จริงๆ นะครับ อาบลูต้องหาบ้านน้องบลูให้เจอนะครับ” เด็กน้อยเอ่ยย้ำเพราะกลัวคุณอาบลูจะไม่ไปหาตัวเองตามสัญญา

“คุณอาบลูสัญญาด้วยเกียรติของลูกผู้ชายเลยครับ พอเสร็จงานแล้วคุณอาบลูจะรีบไปหาน้องบลูทันทีเลยครับ”

“คุณอาบลูครับ น้องบลูโทรไปหาคุณอาได้ไหมครับ” น้องบลูถูมือตัวเองด้วยความขลาดๆ กลัวคุณอาจะปฏิเสธ

“ได้สิครับ เดี๋ยวคุณอาจดเบอร์โทรกับที่อยู่ให้ เบอร์นี้เป็นเบอร์ส่วนตัวของคุณอา น้องบลูโทรไปได้ตลอดเวลาเลยครับ”

โดมินิทบอกพลางหยิบนามบัตรออกมาจดเบอร์ส่วนตัวและที่อยู่ในเมืองไทยให้เด็กน้อย เพราะด้านหน้านามบัตรที่พิมพ์ไว้อย่างสวยงามจะเป็นเบอร์โทรและที่อยู่ในอเมริกาทั้งหมด

“น้องบลูโทรเข้าเบอร์ที่คุณอาจดไว้ด้านหลังนะครับ” มือใหญ่พลิกนามบัตรให้น้องบลูดูเบอร์โทรด้านหลังและยื่นนามบัตรให้

“ขอบคุณครับคุณอา” น้องบลูยกมือไหว้ขอบคุณแล้วรับนามบัตรมาดู

“คุณอาต้องไปทำงานแล้วนะครับ” โดมินิทดึงน้องบลูเข้ามากอดแล้วหอมแก้มยุ้ยๆ ทั้งสองข้างและจูบกลางหน้าผากน้องบลูอีกครั้ง ก่อนจะลุกขึ้นเดินไปหาคาเมลที่ยังยืนร่ำลากับสาวน้อยอยู่

“คาเมล เราไปรอนายหน้าลิฟท์แล้วกัน”

โดมินิทตบบ่าลูกน้องคู่ใจแล้วยิ้มให้สาวน้อย ดวงตาสีน้ำเงินเข้มมองไปยังมือใหญ่ของคาเมล ที่ไม่ยอมปล่อยจากมือณิชาดา ชายหนุ่มสบตากับคาเมล แล้วยิ้มให้ลูกน้องอย่างรู้ทันก่อนจะเดินไปรอที่ลิฟท์

“ฮันนี่! ผมต้องกลับไปทำงานก่อน มีงานด่วนเข้ามา” คาเมลรวบมือบางทั้งสองข้างมากุมไว้แน่น

“ไม่เห็นอยากรู้เลย มาบอกฉันทำไม” ณิชดาทำปากยื่นพูดเหมือนงอนชายหนุ่มอยู่

“โธ่! ฮันนี่ งานด่วนจริงๆ นะครับ บริษัทที่อเมริกามีปัญหานิดหน่อย ผมกับเจ้านายต้องกลับก่อน แต่ฮันนี่ไม่ต้องกลัว รับรองผมหาบ้านคุณเจอตามเวลาที่กำหนดไว้แน่นอน“

คาเมลยิ้มกว้างให้หญิงสาว มือใหญ่บีบมือบางทั้งสองข้างเบาๆ เหมือนจะยืนยันคำพูดของตัวเอง

“ค่ะ รับทราบแล้ว คุณรีบไปสิค่ะ เจ้านายคุณล่วงหน้าไปนานแล้ว เดี๋ยวก็โดนดุหรอก” ณิชาดาพยายามดึงมือทั้งสองกลับ แต่คาเมลก็ไม่ยอมปล่อยมือเธอสักที

“ขอบคุณครับที่เป็นห่วง แสดงว่าเริ่มมีใจให้กับผมแล้วใช่ไหมครับ”

คาเมลยิ้มให้หญิงสาว โมเมเอาเองว่าณิชดาก็ชอบเขาเหมือนกัน

“ฮึ! คนอะไรก็ไม่รู้ ชอบมั่วนิ่มที่สุดเลย รีบๆ ไปได้แล้ว ฉันกับน้องบลูจะไปหาพี่สาวเหมือนกัน”

คาเมลยิ้มให้หญิงสาวก่อนจะก้มตัวลงไปคุยกับน้องบลู “คุณอาไปก่อนนะครับ”

“ครับคุณอาคาเมล มาหาน้องบลูกับน้าปุ้นเร็วๆ นะครับ น้องบลูกับน้าปุ้นคิดถึง” น้องบลูอ้อนคาเมลแทนน้าสาว

“คิดถึงทุกวันเลยนะครับ”

คาเมลยิ้มชอบใจกับคำพูดของน้องบลู ชายหนุ่มกระซิบเสียงแหบพร่าข้างใบหูณิชาดา ขโมยจูบเร็วๆ บนแก้มเนียนนุ่มแล้วรีบเดินไปหาโดมินิทอย่างรวดเร็วก่อนจะถูกหญิงสาวเจริญพรเข้าให้

“น้องบลูเราไปหาคุณแม่กันเถอะ ป่านนี้คุณแม่เป็นห่วงแย่แล้ว”

ณิชดาบอกหลานชาย แต่สายตายังจับจ้องไปที่ชายหนุ่มทั้งสองคน ซึ่งเพิ่งเดินจากไป หญิงสาวรู้สึกสะกิดใจทุกครั้งที่มองหน้าโดมินิท เธอรู้สึกเหมือนเคยเห็นหรือรู้จักโดมินิทมาก่อน แต่ก็นึกไม่ออกสักทีว่าเคยเจอชายหนุ่มที่ไหน

“ครับน้าปุ้น น้องบลูจะเล่าเรื่องคุณอาบลูให้แม่หมูฟังด้วย แม่หมูต้องชอบแน่ๆ เลย” น้องบลูบอกด้วยความดีใจ

คาเมลเดินจากมาได้แค่ครึ่งทางก็หันหลังกลับไปมองณิชาดาและยิ้มกว้างให้หญิงสาว ชายหนุ่มมองเลยไปที่น้องบลู เขาสัญญากับตัวเองว่าเสร็จเรื่องยุ่งๆ ที่อเมริกาเมื่อไร จะจ้างนักสืบให้สืบหาประวัติของน้องบลูโดยเร็วที่สุด เป็นไปได้ที่น้องบลูอาจจะเป็นลูกของโดมินิท เขาแอบสังเกตท่าทางการเดิน การพูด หรือแม้แต่การหัวเราะของโดมินิทกับน้องบลู ทั้งสองคน มีอากัปกิริยาเหมือนกันยังกับแกะ ยังไม่รวมถึงใบหน้าหรือสีดวงตาที่มีสีน้ำเงินเข้มเหมือนกันด้วย

ณิชาดาเห็นคาเมลหันมายิ้มให้ ก็ยิ้มหวานตอบกลับเหมือนกัน ดวงตาคู่สวยมองตามคาเมลเดินไปจนลับสายตา จากนั้นก็พาน้องบลูลงบันไดเลื่อนไปหาพี่สาว

โดมินิทยืนยิ้มอย่างมีความสุขอยู่หน้าลิฟท์ เมื่อนึกถึงน้องบลู เขารู้สึกเหมือนกับว่าน้องบลูจะเป็นตัว มาสคอต (Mascot) ที่คอยนำโชคและนำความสุขมาให้แก่เขา

ถ้าหากโดมินิทสามารถล่วงรู้อนาคตได้ ชายหนุ่มจะรู้ว่าน้องบลูเป็นมาสคอตตัวนำโชคจริงๆ เพราะอีกไม่นานน้องบลูจะเป็นคนที่ทำให้เขาได้พบกับปรีชยาพรโดยไม่คาดฝัน...

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel