บท
ตั้งค่า

บทที่ 7

ณิชาดานึกขึ้นได้ว่าน้องบลูอยากดู อยากแกะกล่องของขวัญตั้งแต่ดูต้นคริสมาสต์ขณะอยู่ชั้นล่างแล้ว ที่ชั้นสี่ตรงลานกิจกรรมก็มีต้นคริสมาสต์จัดไว้อีกต้น เธอเห็นน้องบลูมองกล่องของขวัญตาปรอยๆ จึงรีบพาไปกินไอศรีมแทน เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของหลานชาย

และขณะวิ่งตรงไปยังลานกิจกรรมของชั้นสี่ มือบางก็ค้นหาโทรศัพท์ในกระเป๋าสะพานแล้วโทรไปพี่สาวด้วย

“พี่หมู! ข้าวปุ้นนึกออกแล้ว ตอนดูต้นคริสมาสต์ น้องบลูบอกว่าอยากดูของขวัญ ปุ้นว่าน้องบลูต้องอยู่แถวๆ ต้นคริสมาสต์แน่เลย พี่หมูไปดูที่ชั้นล่างนะ ปุ้นจะไปดูที่ชั้นสี่ พี่หมู! แค่นี้ก่อนนะแบตฯ จะหมดแล้ว”

ณิชาดาพูดรัวเร็วเป็นชุดแทบไม่หายใจหายคอ จนพี่สาวฟังไม่ทัน หญิงสาวยังไม่ทันได้กดวางสาย สัญญานเตือนแบตเตอรี่หมดก็ดังขึ้นสองครั้งและสัญญานตัดไปทันที

“ฮัลโหลๆ ข้าวปุ้นๆ”

ปรีชยาพรตะโกนใส่โทรศัพท์ เมื่อฟังน้องสาวพูดไม่รู้เรื่อง น้องสาวเธอพูดรัวเร็วจนจับใจความไม่ได้ ยังไม่ทันได้ถามว่าเจอน้องบลูหรือยัง สัญญานก็ตัดไปก่อน หญิงสาวพยายามโทรกลับไปหาน้องสาว แต่ก็ได้ยินเป็นเสียงเทปแทน หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้ กรุณาติดต่อใหม่อีกครั้ง

“ข้าวปุ้นนะ...ข้าวปุ้น บอกให้ชาร์ตแบตฯ โทรศัพท์ให้เต็มทุกครั้งเวลาจะออกจากบ้าน ดูสิแบตฯ หมดแบบนี้ พี่จะติดต่อกันได้ยังไง”

ปรีชยาพรบ่นพึมพำ พลางนึกถึงคำพูดของน้องสาวที่พอจะจับใจความได้บ้าง

“ปุ้นพูดถึงต้นคริสมาสต์ หรือว่าข้าวปุ้นจะให้เราไปหาน้องบลูแถวๆ ต้นคริสมาสต์ ลองไปดูก่อนแล้วกัน ถ้าไม่เจอจะให้เขาประกาศให้อีกครั้ง” ปรีชยาพรรีบเดินไปที่ต้นคริสมาสต์ตรงลานกิจกรรม ในใจภาวนาขอให้เจอลูกสักที

ณิชาดาวิ่งจนมาถึงต้นคริสมาสต์ ดวงตาคู่สวยสอดสายตามองหาน้องบลู แต่ก็ไม่เห็นวี่แววของเจ้าตัวยุ่ง แต่! พลันนั้นสายตาก็เหลือบเห็นภาพที่น้องบลูกำลังกอดอยู่กับคนแปลกหน้าตรงเก้าอี้ยาวข้างๆ ทางเดิน จึงรีบเดินไปหาหลานชายทันที

“เจ้าตัวยุ่งกอดกับใครอยู่ ทำไมเราไม่เคยเห็นเลย หรือว่าน้องบลูกำลังถูกแก๊งลักพาเด็กหลอกอยู่”

คิดได้เช่นนั้น ณิชาดาก็รีบวิ่งไปหาน้องบลู สีหน้าตื่นตระหนกหวาดหวั่นกลัวอันตรายจะเกิดขึ้นกับหลาน

“น้องบลู! น้องบลู! กอดใครอยู่ ออกมานี่เลยนะ” เสียงตะโกนเรียกหลานดังมาแต่ไกล ก่อนเจ้าตัวจะวิ่งไปถึงด้วยซ้ำ

“น้องบลู ทำไมเกเรแบบนี้ ปล่อยให้คุณแม่กับ...ตามหาอยู่ตั้งนาน”

ณิชาดาพูดเสียงสั่นปนหอบ เพราะเมื่อสักครู่เธอรีบวิ่งมาแบบสุดชีวิต อาการหอบเหนื่อยจึงเกิดขึ้น คำว่า น้า จึงหายเข้าไปในลำคอ

น้องบลูกระโดดลงมาจากเก้าอี้เดินมากอดน้าสาวอย่างเอาใจ รู้ว่าตัวเองผิดจึงต้องประจบประแจงน้าสาวไว้ก่อน เพื่อไม่ให้ถูกดุไปมากกว่านี้

“น้องบลูไม่ได้หายไปไหนสักหน่อย น้องบลูแค่เดินมาดูต้นคริสมาสต์เท่านั้นเองครับ” มือป้อมๆ ชี้ไปยังต้นคริสมาสต์ที่ประดับประดาตกแต่งไว้อย่างสวยงาม

“ไม่ต้องมากอดเอาใจเลยนะ น้องบลูมาแกะกล่องของขวัญใช่มั้ย อย่านึกว่ารู้ไม่ทันนะ” ณิชาดามองค้อนหลานอย่างรู้ทัน ใบหน้าสวยยิ้มหวานให้กับความเจ้าเล่ห์ของหลานรัก

“น้องบลูอยากดูของขวัญ น้องบลูอยากรู้ว่าข้างในมีหุ่นยนต์อยู่หรือเปล่า น้องบลูจำได้ว่าต้นคริสมาสต์อยู่ตรงไหนก็เลยเดินมาเองครับ”

“ก่อนเข้ามาในห้างเราคุยกันว่ายังไงจ๊ะ ถ้าน้องบลูตามหาคุณแม่ไม่เจอ น้องบลูต้องเดินไปหาคุณลุงรปภ. ไม่ใช่หรือคะ” ณิชาดาทบทวนเรื่องที่คุยกันเมื่อชั่วโมงที่ผ่านมา

“ก็น้องบลูไม่ได้หายไปไหน น้องบลูแค่มาดูต้นคริสมาสต์กับกล่องของขวัญสีน้ำเงิน น้องบลูก็เลยไม่ไปหาคุณลุงรปภ.” ปากเล็กๆ เถียงกับน้าสาวแบบไม่ยอมแพ้

“โอ๊ย!...อยากจะบ้าตาย แบบนี้เขาไม่เรียกว่าหายแล้วจะเรียกว่าอะไรกันจ๊ะ น้องบลูจ๋า...” ณิชาดาร้องคร่ำครวญกับความไร้เดียงสาของหลานรัก

และระหว่างสองน้าหลานกำลังเถียงกันอย่างเอาเป็นเอาตาย โดมินิทซึ่งนั่งฟังอยู่นาน ได้ตีสีหน้าผิดหวัง เพราะชายหนุ่มคิดว่า ณิชาดาคือแม่ของน้องบลู

ตอนเห็นใบหน้าและสีดวงตาของน้องบลู ชายหนุ่มแอบหวังลึกๆ อยู่ในใจว่า น้องบลูอาจจะเป็นลูกของเขากับปรีชยาพร เพราะน้องบลูมีใบหน้าละม้ายเขาเหลือเกิน เขาอยากให้น้องบลูเป็นลูกของปรีชยาพร ผู้หญิงคนเดียวที่เขารักไม่เคยเสื่อมคลาย เขามั่นใจว่าถ้าน้องบลูเป็นลูกของปรีชาพร นั่นก็หมายความว่าน้องบลูเป็นลูกของเขา

เพราะทุกครั้งที่เขามอบความรักให้กับปรีชยาพร เขาไม่เคยคิดป้องกันแม้แต่ครั้งเดียว เขาปล่อยให้สายธารแห่งความรักหลั่งไหลเข้าสู่ตัวหญิงสาวอันเป็นที่รักทุกครั้ง เขาอยากมีลูกกับปรีชยาพร ผู้หญิงคนเดียวที่ทำให้เขาอยากสร้างครอบครัวด้วย อยากมีลูกด้วยกันสักสองสามคน วิ่งเล่นอยู่หน้าบ้าน มีหญิงสาวกับเขายืนโอบกอดกันคอยดูลูกๆ ด้วยความรัก

โดมินิทแสดงสีหน้าผิดหวังเล็กน้อย ก่อนจะปรับสีหน้าให้เป็นปกติ เมื่อคิดว่าตัวเองคงไม่มีวาสนาที่จะมีลูกชายน่ารักชาญฉลาดเหมือนกับน้องบลู

ซึ่งชายหนุ่มไม่รู้ตัวเลยว่า ตลอดเวลาที่เขานั่งเงียบและแสดงความผิดหวังออกมาไม่ได้รอดพ้นไปจากสายตาของณิชาดา หญิงสาวโกรธขึ้นมาทันทีเมื่อคิดว่าชายแปลกคนนี้คงผิดหวังที่ไม่สามารถหลอกน้องบลูไปขายได้

‘หลานข้าใครอย่าแตะ ถ้าน้าปุ้นคนนี้ยังอยู่ อย่าหวังว่าจะหลอกน้องบลูได้สำเร็จ ไอ้โจรห้าร้อย’ หญิงสาวขบเขี้ยวเคี้ยวฟันนึกในใจ

“นี่คุณ ไอ้แก๊งหลอกเด็ก ทำหน้าแบบนี้แสดงว่าผิดหวังละสิ ที่หลอกน้องบลูไม่สำเร็จ”

“หลอกน้องบลูเรื่องอะไรกันครับ”

โดมินิทถามขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ เขาไม่มีอารมณ์มาต่อล้อต่อเถียงกับใครทั้งนั้น เพราะกำลังรู้สึกผิดหวังอยู่ และปกติถ้ามีใครมายืนต่อว่าเขาแบบนี้คงได้เจอกับพายุอารมณ์ที่พร้อมจะซัดอีกฝ่ายให้พังราบเป็นหน้ากลอง

“คุณจะหลอกน้องบลูไปขายใช่ไหม แต่ฉันมาทันก่อนก็เลยทำสีหน้า

ผิดหวังแบบนี้”

“หลอกอะไร ผมกำลังช่วยพวกคุณตามหาน้องบลูอยู่ต่างหาก”

“ใช่ครับ คุณอาบลูกำลังตามหาน้องบลู และบอกว่าจะพาน้องบลูไปหาคุณแม่ด้วยครับ” น้องบลูเอ่ยสนับสนุนคำพูดของคุณอาสุดหล่อ

“ใครคือคุณอาบลูจ๊ะ” ณิชาดาตีสีหน้างุนงง หันมาถามหลานชายเสียงหวาน

“ก็คุณอาคนนี้ยังไงล่ะครับ คุณอาชื่อเล่นชื่อบลู เหมือนกับน้องบลูเลยครับ” น้องบลูไม่พูดเปล่า ยังกระโดดขึ้นบนเก้าอี้เข้าไปกอดคอโดมินิทไว้แน่นด้วย

ณิชาดาเห็นน้องบลูกระโดดไปกอดคอคนแปลกหน้า ก็ชักเริ่มฉุนขึ้นมาอีกหน

“นี่คุณ ล้างสมองน้องบลูมาหรือยังไงกัน”

“ใครล้างสมองใครหรือครับเจ้านาย”

คาเมลเดินมาถึงบริเวณดังกล่าวทีหลัง และทันได้ยินแค่ประโยคสุดท้ายจึงเอ่ยถามเจ้านายขึ้นมาด้วยความอยากรู้

“หาเด็กเจอแล้วหรือครับเจ้านาย”

เลขาหนุ่มถามขึ้นอีกรอบ เพราะมัวสนใจเด็กน้อยที่กำลังตามหาอยู่ จึงไม่ได้มองคนที่ยืนหันหลังให้ตัวเองว่าเป็นคู่ปรับเก่าที่เพิ่งปะทะฉะดะกันมาเมื่อสักครู่

ณิชาดาได้ยินเสียงคุ้นๆ หู ก็หันหน้าขวับมาทางต้นเสียง พอเห็นว่าเป็นใคร ใบหน้าเนียนหวานก็แดงก่ำ ทั้งเกิดจากความโกรธและความอายที่ถูกจูบก่อนหน้านี้ ขณะเดียวกันริมฝีปากสีแดงระเรื่อ ยังรู้สึกถึงรสชาติหวานจากริมฝีปากเข้มของอีกฝ่าย

และเพื่อเป็นการกลบเกลื่อนความอายของตัวเอง หญิงสาวจึงรีบส่งสายตาพิฆาตมายังคู่กรณีทันที

“อ้าว! ฮันนี่ ดีใจชะมัด จากกันยังไม่ถึงสิบนาทีเลย ได้เจอกันอีกแล้ว สงสัยเราจะเป็นเนื้อคู่ตุนาหงันกันแน่ๆ เลย”

คาเมลยิ้มออกมาทั้งใบหน้าและดวงตา แกล้งพูดยั่วให้สาวน้อยโกรธ ชายหนุ่มรู้สึกดีใจ ที่ได้เจอหญิงสาวที่ตนเองพึงพอใจเร็วกว่าที่คิดไว้

“บ้า! เชิญคุณเป็นเนื้อคู่ตุนาหงันไปคนเดียวเถอะ ฉันไม่เล่นด้วยหรอก”

ใบหน้าเรียวงามมองค้อนคาเมล ก่อนจะตะโกนต่อว่าอีกฝ่ายต่อ

“พวกคุณทำงานเป็นแก๊งเลยใช่ไหม”

“ทำงานอะไรเป็นแก๊ง ผมจูบ เอ้ย! จีบคุณคนเดียวไม่มีกองหนุนใดๆ ทั้งสิ้น”

คาเมลตีหน้ายุ่งงุนงงต่อข้อกล่าวหาของหญิงสาว แต่ก็ไม่วายวกกลับมายังเรื่องที่ได้จูบริมฝีปากหวานฉ่ำ ดวงตาสีน้ำตาลมองอย่างมีความหมายไปยงริมฝีปากแดงระเรื่อพลางยิ้มกวนๆ ใส่หญิงสาวด้วย

“คุณแม่ของน้องบลู เขาคิดว่าพวกเราเป็นแก๊งลักพาเด็ก”

โดมินิทขยายความให้เลขาคู่ใจรู้ ส่วนคาเมลพอได้ยินคำว่า คุณแม่ ถึงกับตีหน้าเซ็งทันที

‘เฮ้อ...กำลังคิดจะจีบสักหน่อย ดันเป็นคุณแม่ลูกหนึ่งซะแล้ว กินแห้วแทนข้าวอีกแล้วเรา’

คาเมลแอบถอนหายใจยาว รู้สึกเสียดายที่เจอหญิงสาวช้าเกินไป เสียดายรสจูบอันแสนหวานล้ำปานน้ำผึ้ง กำลังคิดสานต่อความสัมพันธ์แท้ๆ แต่ยังไม่ทันได้เริ่ม ก็มีอันต้องหยุดชะงักซะแล้ว

“พวกเรานี่นะครับเป็นแก๊งหลอกเด็ก?” คาเมลร้องถามเสียงหลง แล้วตีหน้าตายชมตัวเองกับเจ้านายสุดหล่อต่อ

“คนร้ายที่ไหน จะมีหน้าตาดูดีหล่อเหลาถึงเพียงนี้”

“ถ้าไม่ใช่ แล้วพวกคุณเป็นใคร แต่งตัวแบบนี้ต้องเป็นพวกมาเฟียแน่เลย”

ณิชาดาตั้งข้อสันนิษฐานอีกรอบ ทำเอาชายหนุ่มทั้งสองคนหัวเราะก๊ากออกมาด้วยความขบขำ

“คุณแม่น้องบลูครับ ผมกับเจ้านาย คุณโดมินิทเป็นนักธุรกิจนะครับ และวันนี้กำลังเดินสำรวจห้างฯ เพื่อตัดสินใจว่าจะซื้อกิจการดีหรือเปล่า ไม่ใช่แก๊งลักดงลักเด็กเหมือนที่คุณกำลังยัดเยียดให้หรอกครับ” คาเมลเลิกเรียกฮันนี่ เมื่อคิดว่าหญิงสาวมีเจ้าของแล้ว

ณิชาดามองสำรวจชายหนุ่มทั้งสองคน แต่ก็ยังไม่เชื่ออยู่ดี ใบหน้างามหันไปมองคนที่ถูกเรียกว่าเจ้านาย หญิงสาวจ้องมองสบกับดวงตาสีน้ำเงินเข้มเหมือนต้องการค้นหาความจริง

โดมินิทพยักหน้าตอบรับ ดวงตาสีน้ำเงินแสดงความจริงใจออกมาให้เห็น ก่อนจะเอ่ยให้ความมั่นใจอีกครั้ง

“ใช่ครับ เราเป็นนักธุรกิจกำลังจะเทคโอเวอร์ห้างฯ แห่งนี้ ผมกับคาเมลเลยพากันมาสำรวจกิจการของห้างฯ พอได้ยินเสียงประกาศตามหาน้องบลูก็เลยช่วยกันตามหาอีกแรงครับ”

“อ๋อ...ชื่อคาเมล” ริมฝีปากแดงอวบอิ่มพูดลากเสียง ขณะตวัดสายตาคมดุไปยังคนที่ถูกเรียกว่าคาเมล!

“ครับผม! ผมชื่อคาเมล นามสกุลเฟิร์สคาดี้ เป็นเลขาคนสำคัญของคุณโดมินิทครับ” คาเมลรายงานตัวเสร็จสรรพ พร้อมกับยิ้มล้อเลียนให้สาวน้อยด้วย

“ไม่เห็นจะอยากรู้เลยว่านามสกุลอะไร” ณิชาดาบ่นงึมงำ มองค้อนอีกฝ่ายด้วยความหมั่นไส้จับใจ

“น้าข้าวปุ้น ไม่ใช่คุณแม่ของน้องบลูสักหน่อย”

น้องบลูนั่งฟังผู้ใหญ่ทั้งสามคนเถียงกันอยู่ตั้งนาน ได้เอ่ยพูดขึ้นมาลอยๆ และกำลังสนใจกับเข็มกลัดเนคไทราคาแพงของโดมินิท มือเล็กเริ่มแกะเข็มกลัดเนคไทออกมาดูด้วยความสนใจ ไม่ได้เงยหน้ามองสีหน้าของชายหนุ่มทั้งสองคนซึ่งกำลังยิ้มออกมาพร้อมๆ กัน เมื่อรู้ว่าสาวสวยข้างหน้าไม่ใช่แม่ของน้องบลู

“คุณไม่ใช่แม่ของน้องบลู” น้ำเสียงที่เปล่งออกมาของคาเมลบ่งบอกถึงความดีใจอย่างเห็นได้ชัด

“ก็ใช่นะสิ น้องบลูเป็นหลานของฉัน ส่วนแม่ของน้องบลู พี่สาวฉันกำลังตามหาน้องบลูอยู่ที่ชั้นล่าง”

“เฮ้อ! ค่อยยังชั่วหน่อย”

ชายหนุ่มทั้งสองคนถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก แทบจะพร้อมๆ กัน

โดมินิทรู้สึกโล่งอกที่หญิงสาวตรงหน้าไม่ได้เป็นแม่ของน้องบลู เขายังพอมีความหวังอยู่ว่าน้องบลูอาจจะเป็นลูกของเขา ดูจากสีดวงตาของน้องบลูแล้ว เขาคิดว่ามีความเป็นไปได้สูงมากที่น้องบลูอาจจะเป็นลูกของเขา เพราะลูกผู้ชายของตระกูลเอิร์สคามอน จะมีสีดวงตาเป็นสีน้ำเงินเข้มทุกคน ซึ่งเป็นพันธุกรรมที่ตกทอดมาจนถึงรุ่นลูก รุ่นหลาน

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel