บท
ตั้งค่า

บทที่ 4

“เจ้านายครับ ตกลงเจ้านายจะเทคโอเวอร์หรือเปล่าครับ”

คาเมลสะกิดเจ้านายหนุ่ม เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายใจลอย ไม่ได้ฟังข้อมูลที่เขารายงานออกไป

“นายว่าอะไรบ้างนะ เราไม่ได้ฟัง เอาใหม่ตั้งแต่ต้นเลย”

โดมินิทรู้สึกตัวเองอีกครั้ง หลังจากเผลอนึกถึงเรื่องอดีตที่ผ่านมา เท้ายาวทรงพลังก้าวเดินไปเรื่อยๆ จนมาถึงชั้นสี่ที่เป็นแผนกเด็ก

“เจ้านายคิดว่าเจ้าของห้างฯ เขาแต่งบัญชีหรือครับ”

“เราเจอมาบ่อย นายก็รู้ สรุปแล้วผลประกอบการเป็นยังไง”

โดมินิทเดินมาหยุดตรงต้นคริสมาสต์ต้นใหญ่ ซึ่งจัดไว้กลางชั้นสี่ ชายหนุ่มยืนมองกล่องของขวัญที่ห่อด้วยกระดาษสีน้ำเงิน ซึ่งจัดวางเรียงรายรอบๆ ต้นคริสมาสต์ ริมฝีปากสีสดเม้มเข้าหากัน ดวงตาสีน้ำเงินเข้มจับจ้องที่กล่องของขวัญไม่วางตา ขณะเดียวกันสมองก็กำลังคิดคำนวณตามที่เลขาหนุ่มรายงานให้ทราบ

“เท่าที่ผมไปสืบมาเอง กำไรของห้างอยู่ประมาณสิบล้านครับ ไม่ถึงห้าสิบล้านกว่า เหมือนที่เราได้รับข้อมูลจากฝ่ายบัญชีของห้าง”

“ถ้าได้กำไรขนาดนี้ กิจการก็น่าจะอยู่ได้ ไม่จำเป็นต้องขายเลย” โดมินิท

ออกความคิดเห็นกับลูกน้อง

“มีข่าววงในว่าเจ้าของกิจการติดการพนันครับ ข้ามไปเล่นบ่อนที่กัมพูชากับมาเก๊าเดือนละหลายครั้ง บางเดือนก็ไม่กลับมาเมืองไทยเลยครับ”

“ส่วนมากจะเล่นเสียและติดหนี้พนันใช่ไหม”

ชายหนุ่มถามด้วยเสียงราบเรียบ เพราะรู้คำตอบดีอยู่แล้ว ไม่เคยมีใครรวยด้วยการพนันได้ เขาเห็นมานักต่อนักแล้ว ต่อให้รวยล้นฟ้าแค่ไหน ถ้าได้ติดการพนันแล้วก็เหมือนเอาเงินไปเผาทิ้ง

“บิงโก! ถูกต้องครับเจ้านาย นายทวีวิทย์กับเมียเล่นเสียทีละหลายๆ ล้าน พอไม่มีเงินจ่ายหนี้พนัน ก็เอาเงินกำไรบางส่วนไปหมุนก่อน หุ้นส่วนบางคนรู้ข่าวก็ไม่พอใจมาก เลยถอนหุ้นหมด นายทวีวิทย์ไม่มีเงินมาบริหารงาน ก็เลยต้องขายกิจการทิ้ง แล้วเจ้านายจะซื้อไหมครับ”

“ซื้อ! แต่ไม่ใช่ในราคาที่ตกลงกันไว้ในครั้งแรก นายไปจัดการต่อรองราคาและก็จัดการเรื่องเอกสารได้เลย เราจะให้นายเป็นคนบริหารที่นี่” โดมินิทเอ่ยตอบโดยไม่ได้หันมามองหน้าคาเมล นัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มจับจ้องอยู่ยังกล่องของขวัญ

“จะให้ผมบริหารที่นี่? ถ้างั้นก็แปลว่าเจ้านายจะมาอยู่เมืองไทยด้วยใช่ไหมครับ” คาเมลถามย้ำด้วยความดีใจ

“เปล่า! เราจะให้นายบริหารคนเดียว”

“อ้าว!...แล้วเจ้านายละครับ”

“ถ้าเราตามหาน้องหมูไม่พบ เราจะกลับอเมริกา นายต้องอยู่เมืองไทยคนเดียว” โดมินิทตอบเสร็จก็เดินหนีไปที่ลิฟท์ทันที

คาเมลมัวแต่ยืนตะลึงตกใจกับคำตอบของเจ้านาย กว่าจะรู้สึกตัวเจ้านายหนุ่มก็เดินไปเกือบถึงลิฟท์แล้ว

“เจ้านายครับ รอผมด้วยสิครับ” คาเมลรีบวิ่งตามไปที่ลิฟท์ “จะดีหรือครับเจ้านาย ถ้าผมอยู่เมืองไทย แล้วใครจะดูแลเจ้านายละครับ”

“ไม่เป็นไร เราดูแลตัวเองได้”

โดมินิทเอ่ยขอบใจผ่านดวงตาสีน้ำเงินเข้ม เขารู้ดีว่าสิ่งที่คาเมลเป็นห่วงไม่ใช่สุขภาพทางกาย แต่คาเมลเป็นห่วงเรื่องสภาพจิตใจของเขามากกว่า

“เจ้านายจะไปไหนต่อไหมครับหรือว่าจะกลับบ้านเลย”

“กลับบริษัทแล้วกัน” โดมินิทหมายถึงสาขาของเอิร์สคามอนกรุ๊ปที่อยู่ในเมืองไทยซึ่งตั้งอยู่ชานเมืองกรุงเทพฯ

“นายจะกลับไปพักผ่อนก่อนก็ได้ เดี๋ยวเราเข้าบริษัทคนเดียว”

“ไม่เป็นไรครับเจ้านาย ผมไปด้วยครับ ผมอยากเข้าไปสะสางงานที่ค้างอยู่ให้เสร็จเหมือนกัน”

โดมินิทมองสายตาเจ้าเล่ห์ของคาเมลแล้วยิ้มตรงมุมปากอย่างรู้ทัน แต่ก็ไม่พูดอะไรออกมา

คาเมลมองเจ้านายหนุ่มแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่ด้วยความหนักใจ

โดมินิททำงานวันละสิบห้าชั่วโมงเป็นอย่างต่ำ ทำงานตลอด 365 วันแทบไม่ยอมหยุดพักผ่อนแม้แต่วันเดียว ไม่เคยไปเที่ยวสังสรรค์กับเพื่อน ๆ นานๆ ครั้งจึงจะยอมออกงานสังคมกับเขาสักที

เหตุการณ์ในอดีตที่ผ่านมามันพรากเอาโดมินิทคนเดิมไปด้วย จากชายหนุ่มที่เคยหัวเราะยิ้มแย้ม แจ่มใสอารมณ์ดีตลอดเวลา ตอนนี้เขาแทบจะไม่เคยได้ยินเสียงหัวเราะออกจากปากเจ้านายหนุ่มเลย ใบหน้าคมเข้มไม่ยอมแสดงความรู้สึกเจ็บปวดออกมาให้เห็นอีก แต่เขาก็รู้ดีว่า โดมินิทยังเจ็บปวดและจมอยู่กับอดีต ถ้าหากเขาปล่อยให้โดมินิทกลับบริษัทคนเดียวมีหวังได้ทำงานจนลืมเวลาและหลับคาโต๊ะทำงานเหมือนเดิม

“คาเมลนายจะไปหรือเปล่า ถ้าไม่ไปเราจะไปคนเดียว” โดมินิทหันมาถามด้วยความรำคาญ เมื่อคาเมลไม่มีทีท่าว่าจะขยับไปไหนสักที

“ไปครับเจ้านาย”

คาเมลเดินตามเจ้านายไปถึงหน้าลิฟท์และกำลังจะก้าวเข้าไปข้างใน แต่โดมินิทกลับยืนชะงักหยุดนิ่งไม่ยอมก้าวไปไหน

โดมินิทหยุดยืนอยู่หน้าลิฟท์เมื่อได้ยินเสียงประกาศตามหาเด็กหายจากประชาสัมพันธ์ของห้างฯ ซึ่งมีประโยคหนึ่งที่สะดุดใจเขามากที่สุด จนทำให้เขาต้องหยุดฟัง

'เด็กชื่อภูมินิท ชื่อเล่นชื่อน้องบลู มีดวงตาสีน้ำเงินเข้ม'

“พี่หมูคะ ตอนนี้พี่หมูอยู่ที่ไหนคะ” ณิชาดาพูดใส่โทรศัพท์รัวเร็วจนแทบหายใจไม่ทัน

“พี่กำลังขึ้นบันไดเลื่อนไปหาข้าวปุ้นอยู่จ้ะ ข้าวปุ้นอยู่ชั้นสี่ใช่ไหม อยู่ตรงแผนกไหนเดี๋ยวพี่จะไปหา”

“ปุ้นอยู่ชั้นสี่อยู่หน้าร้านไอศรีมค่ะ พี่หมูรีบมาเร็วๆ นะคะ”

น้ำเสียงที่เปล่งออกมาเริ่มสั่นเครือ ณิชาดายังไม่อยากบอกให้พี่สาวรู้ว่าน้องบลูหาย เธอพยายามเดินหาทั่วร้านไอศรีมแล้ว แต่ก็ไม่เจอน้องบลู

“โอเคจ้ะ ปุ้นอยู่ตรงนั้นแหละพี่ขึ้นมาเกือบถึงแล้ว”

ปรีชยาพรวางสายจากน้องสาว แล้วหันไปมองครอบครัวหนึ่งที่กำลังลงบันไดเลื่อนสวนทางกับเธอ เด็กผู้หญิงแก้มยุ้ยยืนอยู่ตรงกลางมีพ่อกับแม่ยืนจูงมือลูกคนละข้าง เด็กน้อยคงกำลังชวนให้คุณพ่อดูตุ๊กตาที่เพิ่งซื้อมา เพราะเห็นชี้ไม้ชี้มือมาที่ตุ๊กตา หญิงสาวมองแล้วก็อมยิ้มกับความน่ารักของครอบครัวคู่นี้ เธออยากให้ครอบครัวเธอเป็นแบบนี้บ้าง เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ใบหน้าเนียนงามนัยน์ตาสีดำสนิทคู่สวยฉายแววเศร้าขึ้นมาทันที คิดว่าครอบครัวของเธอคงจะไม่มีโอกาสได้อยู่พร้อมหน้ากันเหมือนครอบครัวคนอื่นๆ

เมื่อขึ้นบันไดเลื่อนมาพบน้องสาวแล้ว ปรีชยาพรก็ถามหาลูกชายทันที

“น้องบลูละปุ้น”

“เอ่อ...เอ่อ...” ณิชาดาอึกอักยังไม่กล้าบอกความจริงกับพี่สาว

“มีอะไรหรือเปล่าปุ้น”

ปรีชยาพรยิ้มบางๆ ให้น้องสาว แต่พอกวาดสายตามองรอบๆ ไม่เห็นน้องบลูอยู่ด้วย แก้มเนียนสีชมพูระเรื่อตามธรรมชาติถึงกับซีดเผือดลงทันที

“ปุ้น! น้องบลูไปไหน” หญิงสาวเอื้อมมือไปจับแขนขาวเนียนของน้องสาวแล้วบีบแน่นด้วยความลืมตัว

“น้องบลูหายไปค่ะ...”

ข้าวปุ้นตอบเสียงเครือ ดวงตาคู่สวยมีน้ำตารื้นขอบตา รู้สึกเจ็บแขนข้างที่ถูกพี่สาวบีบไว้แน่น แต่ก็ไม่กล้าร้องอุทธรณ์ออกมา

“น้องบลูหายไป? หายไปนานหรือยังปุ้น” ปรีชยาพรเอ่ยถามน้ำเสียงร้อนรน

“สักสิบนาทีได้แล้วค่ะ ปุ้นมัวแต่จ่ายค่าไอศรีม พอหันมาอีกทีก็ไม่เจอน้องบลูแล้ว ปุ้นขอโทษที่ดูแลหลานไม่ดี”

ณิชาดายกมือไหว้ขอโทษพี่สาว พร้อมกับร้องไห้ออกมาเสียงดัง จนคนที่เดินผ่านไปผ่านมาต้องหันมามองด้วยความสนใจ

“ปุ้น! หันมามองหน้าพี่ก่อน อย่าเพิ่งร้องไห้ ปุ้นต้องมีสตินะจ้ะ ปุ้นอยู่กับน้องบลูครั้งสุดท้ายที่ไหน”

“ในร้านไอศรีม ปุ้นกำลังจ่ายเงินอยู่ น้องบลูยืนกินไอศรีมอยู่ข้างๆ วันนี้คนกินไอศรีมเยอะ เลยต้องเข้าคิวจ่ายเงิน พอปุ้นหันมาอีกทีก็ไม่เจอน้องบลูแล้วค่ะ”

“พี่ว่าน้องบลูไม่ไปไหนหรอก น้องบลูเป็นเด็กฉลาด ถ้าเขาหาเราไม่เจอน้องบลูจะเดินไปหารปภ. เหมือนคราวที่แล้ว”

ปรีชยาพรปลอบใจน้องสาวและตัวเองไปพร้อมๆ กัน ทั้งๆ ในใจก็รู้สึกหวาดกลัวไม่แพ้กัน หญิงสาวนึกถึงตอนน้องบลูเคยหายในห้างฯ เล็กๆ ที่หัวหิน

ตอนนั้นน้องบลูอายุประมาณสี่ขวบ เธอกับข้าวปุ้นเดินหาจนทั่วห้างฯ แต่ก็ไม่พบน้องบลู พอเดินมาถึงประชาสัมพันธ์ของห้างฯ เพื่อให้ช่วยประกาศหา ปรากฎว่าน้องบลูนั่งรออยู่กับรปภ. พอเห็นหน้าแม่กับน้าสาวก็ยิ้มแป้นให้ เธอถามรปภ. ว่าเจอน้องบลูที่ไหน เขาบอกว่าน้องบลูเดินมาหาเขาเองและบอกว่าหาคุณแม่กับน้า ไม่เจอให้คุณลุงรปภ. พาไปหาแม่หน่อย

“แต่...พี่หมูคะ ห้างนี้ไม่ได้เล็กเหมือนห้างในหัวหินนะคะ ที่นั้นมีชั้นเดียวเอง แต่ที่นี่มีตั้งหลายชั้น เราจะหาน้องบลูเจอได้ยังไงคะ” ณิชาดาเอ่ยถามเสียงเครือ น้ำตาเริ่มไหลออกมาจากดวงตาคู่สวย

“เอาแบบนี้นะปุ้น เราแยกกันหา ปุ้นหาให้ทั่วชั้นสี่อีกรอบ เดี๋ยวพี่ลงไปที่ชั้นล่างให้ประชาสัมพันธ์ช่วยประกาศตามหาน้องบลูด้วย ถ้าปุ้นเจอน้องบลูก่อนก็โทรหาพี่ หรือถ้าพี่เจอน้องบลูก่อนพี่ก็จะโทรมาบอกปุ้น”

“ตกลงค่ะพี่หมู”

“น้องบลูเป็นเด็กดีนะปุ้น คุณพระคุณเจ้าจะคุ้มครองน้องบลูจ้ะ”

ปรีชยาพรจับมือของน้องสาวทั้งสองข้างไว้ ซึ่งตอนนี้เย็นเฉียบไม่แพ้มือของเธอ

“ปุ้นก็ขอให้เป็นแบบนั้น ขอให้คุณพระคุณเจ้าคุ้มครองหลานของปุ้นด้วยเถอะ” ณิชาดายกมือขึ้นพนมไหว้เหนือศีรษะ ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยคุ้มครองหลานรักของเธอด้วย

ปรีชยาพรตบหลังมือน้องสาวเบาๆ ก่อนจะปล่อยมือน้องสาว แล้วแยกย้ายกันตามหาน้องบลู

“สวัสดีค่ะ มีอะไรให้ช่วยไหมคะ” ประชาสัมพันธ์สาวประจำห้างฯ กล่าวทักทายปรีชยาพร

“สวัสดีค่ะ คุณช่วยประกาศตามหาลูกชายให้ดิฉันด้วยนะคะ แกพลัดหลงกับเราค่ะ” ปรีชยาพรบอกประชาสัมพันธ์ด้วยน้ำเสียงรัวเร็ว

“ได้ค่ะ คุณแม่ช่วยเขียนรูปพรรณของน้องให้ด้วยค่ะ อาจจะเป็นสีเสื้อ สีกางเกงที่น้องใส่อยู่ หรือจุดเด่นของน้องก็ได้ค่ะ จะได้ช่วยตามหาได้ง่ายขึ้น”ประชาสัมพันธ์สาวบอกพลางส่งกระดาษกับปากกาให้

ปรีชยาพรยื่นมือที่สั่นเทา ไปรับกระดาษกับปากกา แล้วก็เขียนรายละเอียดตามที่ประชาสัมพันธ์บอก เสร็จแล้วก็ยืนกระดาษให้ประชาสัมพันธ์คืน

ประชาสัมพันธ์สาวรับกระดาษจากปรีชยาพรมาอ่านสักครู่ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นบอก

“เดี๋ยวดิฉันจะประกาศเลยนะคะ และจะให้รปภ. ช่วยตามหาด้วยค่ะ เชิญคุณแม่นั่งรอที่เก้าอี้ก่อน เผื่อว่ามีใครเจอน้องแล้วจะได้พามาพบคุณแม่ที่นี่เลย”

ปรีชยาพรเดินลากขาอย่างไร้เรี่ยวแรงไปนั่งตรงเก้าอี้ที่ประชาสัมพันธ์ชี้บอก ภาวนาในใจขอให้พวกเธอเจอน้องบลูเร็วๆ ด้วยเถอะ

โดมินิทยืนนิ่งอยู่หน้าลิฟท์ฟังประกาศเด็กหาย ตอนได้ยินเสียงประกาศครั้งแรก เขาไม่ได้สนใจมากนัก แต่มาสะดุดใจเอาประโยคสุดท้าย

“สวัสดีค่ะ ท่านผู้มีอุปการะคุณทุกท่าน ขณะนี้มีเด็กชายได้พลัดหลงกับผู้ปกครอง เด็กชื่อภูมินิท ชื่อเล่นน้องบลูค่ะ น้องบลูอยู่กับคุณแม่ครั้งสุดท้ายที่ชั้นสี่แผนกเด็ก ถ้าท่านใดพบเห็นน้องบลู อายุประมาณห้าขวบกว่า ใส่เสื้อโปโลสีแดง ใส่กางเกงสี่ส่วนสีขาว สวมรองเท้าสีขาว ผมสีน้ำตาลอ่อน ดวงตาสีน้ำเงินเข้ม รบกวนพามาพบคุณแม่ที่ประชาสัมพันธ์ด้วยค่ะ ขอบพระคุณมากค่ะ”

โดมินิทยืนฟังประกาศด้วยความสนใจ จนกระทั่งลิฟท์มาถึงแล้วก็ไม่ยอมก้าวเข้าไปในลิฟท์สักที

“เจ้านายครับ ลิฟท์มาแล้วครับ” คาเมลเอ่ยเรียกเมื่อเห็นอีกฝ่ายยืนนิ่งไม่ไหวติง

“คาเมล นายได้ยินประกาศเมื่อสักครู่หรือเปล่า”

“ได้ยินครับ แต่ไม่ทันฟังว่าเขาพูดว่าอะไรบ้าง”

คาเมลตอบเจ้านายและก้าวออกมาจากลิฟท์ เมื่อสักครู่เขาได้ยินเสียงประกาศเด็กหาย แต่ไม่รู้จริงๆ ว่าพูดว่าอะไรบ้าง เพราะมัวแต่สนใจดูข้อมูลบนโทรศัพท์มือถือ

“เขาประกาศเด็กหาย”

“ครับเจ้านาย” คาเมลรับคำ แต่สายตาก็ยังคงสนใจข้อมูลบนมือถือเหมือนเดิม ไม่ได้สนใจว่าเจ้านายกำลังมีอาการหงุดหงิดกับท่าทีของเขา

“คาเมล!” โดมินิทเริ่มโกรธเลขาตัวแสบขึ้นมานิดๆ น้ำเสียงที่เรียกชื่อเลขาจึงดังขึ้นกว่าเดิม

“ถ้านายยังสนใจแต่ไอ้โทรศัพท์บ้าๆ นั้น เราจะเอามันไปทิ้ง”

“ผมเก็บก็ได้ครับ แล้วเขาประกาศว่าอะไรบ้างครับ”

คาเมลรีบเก็บโทรศัพท์อย่างรวดเร็ว ไม่ยังงั้นโทรศัพท์เขาได้ไปนอนแอ้งแม้งอยู่ในถังขยะแน่ จากนั้นเขาก็ต้องเสียเวลาหาข้อมูลหรือทำตารางนัดหมายให้เจ้านายใหม่

“เขาบอกว่าเด็กชื่อภูมินิท ชื่อเล่นชื่อน้องบลู มีดวงตาสีน้ำเงินเข้ม”

“เจ้านายจะไปช่วยตามหาใช่ไหมครับ”

คาเมลเอ่ยถามเจ้านาย ใบหน้าคล้ำแดดแสดงสีหน้าแปลกใจเล็กน้อย เพราะเขารู้ดีว่าถ้าไม่ใช่คนในครอบครัวและคนในปกครองแล้ว โดมินิทไม่เคยสนใจเรื่องของใคร แต่ถ้าหากลูกน้องหรือพนักงานในบริษัทมีเรื่องเดือดร้อน โดมินิทจะช่วยเหลืออย่างเต็มที่ และเผื่อแผ่ไปถึงครอบครัวของพนักงานด้วย

แต่ในขณะเดียวกันถ้าหากคนในปกครองทำผิด โดมินิทก็จะว่าตามผิดไม่มีผ่อนปรน เพราะเหตุนี้ทำให้โดมินิทเป็นเจ้านายที่ลูกน้องรักให้ความเคารพนับถือ และก็เกรงกลัวในเวลาเดียวกัน เพราะฉะนั้นการที่โดมินิทให้ความสนใจเรื่องที่มีเด็กหายในห้างฯ และกำลังจะไปช่วยตามหาทำให้เขาแปลกใจอยู่มาก

“ไม่รู้สิคาเมล เรารู้สึกสะดุดใจตรงคำว่าดวงตาสีน้ำเงินเข้ม เราอยากเห็นหน้าเด็กว่าจะมีหน้าตายังไง อยากเห็นสีดวงตาว่าจะมีสีน้ำเงินเหมือนกับเราหรือเปล่า เราไปช่วยเขาหาเด็กอีกแรงเถอะคาเมล” โดมินิทพูดเสร็จก็เดินหันหลังออกมาจากลิฟท์กลับไปที่แผนกเด็กทันที

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel