บทที่ 3
และเมื่อนึกถึงยอดดวงใจที่ไม่เคยลืมแม้วินาทีเดียวของชีวิต เหตุการณ์ในอดีตอันเต็มไปด้วยความสุขที่ได้อยู่กับปรีชยาพรก็ประดั่งเข้ามาอีกครั้ง
‘น้องหมู มาให้พี่ชื่นใจหน่อย’ โดมินิทเอ่ยเรียกเสียงออดอ้อนพร้อมกับเดินเข้าหาหญิงสาวที่รัก
‘ไม่เอา คุณบลูหอมแก้มน้องหมูจนแก้มจะช้ำหมดแล้ว’
ปรีชยาพรในวัยยี่สิบสองปี กำลังสวยสดใสอ่อนหวาน บริสุทธิ์ราวกับดอกไม้แรกแย้ม หญิงสาวหัวเราะเสียงใสกังวาน ริมฝีปากได้รูปเปิดยิ้มกว้าง นิ้วมือเรียวยาวลูบแก้มตัวเองข้างที่โดนจูบเมื่อเช้า ศีรษะกลมทุยส่ายแรงๆ จนเส้นผมเงางามแตกกระจายทิ้งตัวลงกลางหลัง ขณะเดียวกันก็เดินหนีคนรักไปรอบๆ เตียงนอน
‘พี่ว่าน่าจะหายช้ำได้แล้วนะ เพราะพี่ไม่ได้หอมแก้มน้องหมูตั้งแปดชั่วโมงแล้ว มาให้หอมดีๆ นะน้องหมู’ โดมินิทก้าวเท้ายาวๆ เข้าหาคนรัก
‘เรื่องอะไรจะให้หอมง่ายๆ แน่จริงคุณบลูก็จับน้องหมูให้ได้สิ ถ้าจับได้น้องหมูมีรางวัลให้ค่ะ’
ปรีชยาพรร้องท้าคนรัก และเดินถอยหลังไปเรื่อยๆ คิดในใจว่าชายหนุ่มไม่มีทางวิ่งทันเธอแน่
‘พูดจริงหรือเปล่า? ถ้าจับได้ห้ามคืนคำเด็ดขาดนะน้องหมู’
โดมินิทกระหยิ่มยิ้มย่องอยู่ในใจ ถอดเสื้อสูทราคาแพงออกและขว้างทิ้งไปยังตะกร้าผ้าที่ใช้แล้ว มืออีกข้างพับแขนเสื้อเชิ้ตมาถึงข้อศอก นัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มฉายแววเจ้าเล่ห์จ้องมองเรียวปากอวบอิ่มไม่กระพริบตา ริมฝีปากสีสดยิ้มตรงมุมปาก มาท้าใครไม่ท้า มาท้าคนอย่างโดนิมิน งานนี้ได้กินหมูสมใจแน่!
‘คุณบลู! น้องหมูเปลี่ยนใจไม่เล่นด้วยแล้ว น้องหมูหิวข้าว’
ปรีชยาพรเห็นท่าเตรียมพร้อมของคนรักก็นึกหวั่น ยกเลิกเกมการแข่งขันขึ้นมา เมื่อเห็นแววว่าตัวเองกำลังจะแพ้ตั้งแต่ยังไม่ทันได้เริ่มแข่ง
‘ไม่ได้นะน้องหมู ลูกผู้หญิงพูดแล้วห้ามคืนคำ’ ชายหนุ่มเอ่ยกลั้วหัวเราะ เริ่มเดินต้อนหญิงสาวไปเรื่อยๆ
ปรีชยาพรทำปากยื่น ‘น้องหมูเคยได้ยินแต่ลูกผู้ชายพูดแล้วห้ามคืนคำ ประโยคที่คุณบลูพูดน้องหมูไม่เคยได้ยินสักที’ หญิงสาวร้องประท้วงคนรัก
‘ทำไมจะไม่มี ก็พี่พึ่งพูดออกไปเมื่อสักครู่นี้เอง ไม่ต้องพูดมากเลยน้องหมูเตรียมตัวให้พร้อมนะ พี่ลุยแล้ว’ พูดจบโดมินิทก็พุ่งตัวไปข้างหน้าวิ่งไล่จับคนรักทันที
ปรีชยาพรเตรียมตัวไว้ก่อนแล้ว พอเห็นโดมินิทพุ่งตัวเข้าหา ก็ร้องกรี๊ดวิ่งตรงไปยังประตูห้องอย่างรวดเร็ว
‘กรี๊ด! คุณบลูไม่เอา ไม่เล่นแล้ว น้องหมูยอมแพ้แล้ว’
‘อะไรกัน เกมยังไม่ทันได้เริ่มเลยจะยอมแพ้แล้วหรือ’ โดมินิทหัวเราะร่วนไล่ต้อนคนรักไปรอบๆ ห้อง
‘น้องหมูหิวข้าวแล้ว อุตส่าห์แขวนท้องรอคุณบลู ดูสิท้องร้องจ๊อกๆ เลย’
ริมฝีปากบางรูปกระจับพยายามอ้างเหตุผลต่างๆ นานา เพื่อให้ตัวเองรอดพ้นจากปากพญาเหยี่ยว
‘พี่ก็หิวเหมือนกัน’ โดมินิทเอ่ยตอบเสียงกระเซ้ามองคนรักด้วยสายตาแพรวพราว
‘ถ้างั้น...เราไปกินข้าวกันเลยนะคะ’ หญิงสาวพยายามชวนคนรักให้ออกไปจากห้องนอนให้ได้ เพราะขืนยังอยู่ในห้องนอนต่อ มีหวังตัวช้ำไปทั้งตัวเพราะฤทธิ์ฝีปากของโดมินิทเป็นแน่
‘ไม่เอา ไม่ไป พี่ไม่ได้หิวข้าว พี่หมายถึงพี่อยากกินน้องหมูแล้ว’ โดมินิทส่ายหน้าปฎิเสธ ดวงตาสีน้ำเงินเข้มทอดมองหญิงตรงหน้าด้วยแววแห่งรักระคนปรารถนาในรสสวาท
‘ก็ไปกินในห้องอาหารไงค่ะ วันนี้น้องหมูทำอาหารไทยรอคุณบลูด้วย ป้าเอ็มม่าลองชิมแล้วบอกว่าอร่อยมากเลยค่ะ’
วันนี้หญิงสาวทำอาหารไทยหลายอย่างให้โดมินิทรับประทาน มีทั้งไข่เจียวกุ้งสับ ซี่โครงหมูอ่อนทอดกระเทียมพริกไทยดำ แกงจืดวุ้นเส้น ถึงแม้เครื่องปรุงบางอย่างจะหาได้ไม่ครบเหมือนอยู่ในเมืองไทย แต่เธอก็ใช้เครื่องปรุงหรือเครื่องเทศที่มีอยู่แทน
ป้าเอ็มม่า แม่บ้านของโดมินิทชิมอาหารที่เธอทำแล้วบอกว่าอร่อยมาก อยากให้เธอทำให้โดมินิททานทุกวัน เพราะโดมินิทชอบรับประทานอาหารไทยเหมือนมาดามโรสลิน ซึ่งปกติมาดามจะเป็นคนเข้าครัวทำอาหารไทยเอง แต่ช่วงนี้อยู่ในช่วงฉลองครบรอบการแต่งงานของมาดามกับนายท่านโรแบร์โต้คุณพ่อของโดมินิท เลยไม่มีใครทำอาหารไทยให้โดมินิททาน
‘น้องหมูจ่ายค่านายหน้าให้เอ็มม่าเท่าไร เอ็มม่าถึงชมว่าอร่อย’
โดมินิทเอ่ยแซวด้วยใบหน้าที่ประดับไปด้วยรอยยิ้ม น้ำเสียงติดกลั้วหัวเราะ
‘แหม! ดูถูกกันจัง คนเขาทำกับข้าวออกจะอร่อย’ หญิงสาวมองค้อนคนรัก ขาเรียวยาวยังไม่ยอมหยุดเดิน ดวงตาคู่สวยจ้องไปที่ประตูเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับทุกสถานการณ์
‘เอ็มม่าเตรียมยาไว้แล้วหรือยัง’
คำถามที่เปล่งออกมาจากริมฝีปากสีสดเจือน้ำเสียงขบขัน ทำเอาปรีชยาพรต้องขมวดคิ้วเข้าหากันด้วยความงุนงง
‘ยาอะไรคะ? ใครไม่สบาย คุณบลูไม่สบายหรือเปล่าคะ’
‘ยาแก้ท้องเสียยังไงล่ะน้องหมู’ โดมินิทเอ่ยตอบกลั้วหัวเราะ
ปรีชยาพรยังงงกับคำตอบที่ได้รับ แต่พอนึกได้ว่าคนรักหมายถึงอะไร ก็ร้องโวยวาย จากที่เดินหนีร่างสูงใหญ่ตลอดเวลา ตอนนี้กลับเดินเข้าหาร่างสูงใหญ่กำยำและรัวกำปั้นทุบไปบนอกบึกบึนเต็มแรง
‘นี่แนะ! จะบอกว่ากินกับข้าวที่น้องหมูทำแล้วท้องเสียใช่ไหม’ กำปั้นน้อยๆ รัวทุบอย่างไม่ยั้ง
โดมินิทปัดกำปั้นออกเบาๆ เสียงหัวเราะขบขันเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ พอหญิงสาวทุบหนักขึ้น มือใหญ่ก็รวบแขนเนียนสีน้ำผึ้งไปไว้ข้างหลังทั้งสองข้าง ทำให้แขนเนียนดันหลังเจ้าของ จนปทุมถันเต่งตึงนุ่มมือ แนบชิดกับอกแข็งแกร่งของเขา
‘มือค่ำเก็บไว้ก่อนนะ ตอนนี้พี่อยากกินน้องหมูที่สุด’
น้ำเสียงที่เปล่งออกมาเป็นเสียงแหบพร่าด้วยความตื่นเต้น พอได้สัมผัสร่างนุ่มเนียนดุจแพรไหม ทำเอาร่ายกายของชายหนุ่มตื่นตัวเต้นตุบๆ จนเจ้าตัวแทบจะควบคุมอารมณ์ไม่อยู่
‘น้องหมู ขอพี่นะ’
ริมฝีปากสีสดก้มไปหอมแก้มนุ่มทั้งสองข้าง เลยมาถึงริมฝีปากอวบอิ่มสีระเรื่อ คลึงจูบเบาๆ ก่อนจะกดลงไปหนักหน่วงตามแรงอารมณ์ที่เริ่มประทุขึ้นมา ทำเอาปรีชยาพรตัวอ่อนระทวย ไร้เรียวแรง จนต้องโอบแขนกอดรอบคอคนรักและเบียดตัวเข้าชิดชายหนุ่มขึ้นกว่าเดิม
โดมินิทอุ้มคนรักวางบนที่นอนใหญ่ พร้อมกับเอนกายทาบทับหญิงสาวไว้ครึ่งตัว รู้สึกพอใจที่เห็นแก้มเนียนใสเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงยังกับลูกตำลึงสุก เขากดริมฝีปากเข้ากับปากอวบอิ่ม ขบเม้มเบาๆ ตรงเรียวปากด้านบน ไล่มายังเรียวปากด้านล่าง และเริ่มกดหนักหน่วงมากยิ่งขึ้น
ปรีชยาพรจูบตอบกลับคืนแบบสะเปะสะปะไม่ประสีประสา แต่กลับทำให้เลือดในกายหนุ่มสูบฉีดพุ่งแรง
โดมินิทค่อยๆ พร่ำสอนและนำพาคนรักแตะขอบปุยเมฆอย่างนุ่มนวลอ่อนหวาน ชายหนุ่มยิ้มทั้งใบหน้าและดวงตา ก้มลงไปจูบริมฝีปากอวบอิ่มซึ่งตอนนี้บวมเป่งเป็นสีแดงสดอันเกิดจากฝีมือของเขา ร่างสูงใหญ่ล้มตัวลงไปนอนแนบกับแผ่นหลังขาวเนียนนุ่มมือยิ่งกว่าแพรไหมราคาแพง ริมฝีปากสีสดกดจูบบนแก้มเนียนใส พร้อมกับกระซิบบอกเสียงทุ้มนุ่มนวล
‘หลับนะคนดี เหนื่อยมากแล้ว’
‘ค่ะ คุณบลู...’ ปรีชยาพรรับคำเบาๆ ก่อนจะหลับสึกสู่ห้วงนิทรา
‘พี่รักน้องหมูครับ’
โดมินิทบอกคนรัก แต่ปรีชยาพรกลับไม่ได้ยิน เธอหลับไปตั้งแต่โดมินิทพูดประโยคแรกยังไม่จบด้วยซ้ำไป จึงทอดกายนอนกอดร่างนุ่มเนียน แขนข้างหนึ่งวางพาดไปบนปทุมถันอวบเต่งตึง ก่อนจะเคลิ้มหลับเข้าสู่ห้วงนิทราอันแสนหวานอีกคน...