ใส่ตะกร้าล้างน้ำ
ชายหนุ่มเดินขึ้นชั้นสองไปที่ห้องตัวเอง ทันทีที่เปิดห้องก็เห็นสาวน้อยในชุดเดรสกระโปรงสีชมพู ถักเป็นเปียสองข้างไว้ ถึงแม้ว่าผิวจะยังมีรอยพกซ้ำดำเขียวอยู่ แต่ก็ดูเปล่งปลั่งมากขึ้น อาจเป็นเพราะชุดกระโปรงสีชมพูที่ขับผิวให้นวลลออขึ้นก็เป็นได้
พอมัดผมดี ๆ แม้จะทาเพียงแป้งเด็ก ไม่มีเครื่องสําอางอย่างอื่นติด แต่เธอก็ดูน่ารักสมวัยมาก น่ารักซะจนเขารู้สึกว่าตัวเองแก่ขึ้นมาทันที
“เป็นยังไงบ้างคะ หนูลองใส่ชุดที่คุณซื้อมาให้”
“อืม ก็เหมาะดี” เขาตอบอ้อมแอ้ม
“หนูไม่เคยใส่เสื้อผ้าแบบนี้มาก่อน เลยรู้สึกแปลก ๆ อยู่บ้าง ปกติก็ใส่แค่เสื้อยืดกางเกงยีน”
“แล้วเธอชอบมั้ยล่ะ”
“ชอบค่ะ”
“ถ้าเธอชอบฉันก็ดีใจ”
“ขอบคุณคุณมากนะคะ ว่าแต่หนูยังไม่รู้จักชื่อของคุณเลยค่ะ”
“ฉันชื่อเมฆา เรียกเมฆก็ได้”
“ค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักกันอย่างเป็นทางการนะคะ” เด็กสาวยื่นมือมาให้ เขายื่นมือไปจับกับมือเธอ ก่อนดึง เธอเข้าสู่อ้อมอก
“ว้าย! ”
“ต่อไปนี้นอนห้องเดียวกับฉันนะกระแต”
“คุณเมฆจะให้หนูเป็นนางบำเรอเหรอคะ” เธอถามตรง ๆ และเขาก็ตอบตรง ๆ เช่นกัน
“ใช่” พูดจบก็จูบปากเธออย่างดูดดื่ม เด็กสาวหลับตาพริ้ม เรียนรู้ที่จะนิ่งเฉยไม่โวยวาย พร้อมตอบสนองกลับไปแม้จะไม่ประสีประสาก็ตาม เป้าหมายของเธอคือ...รอวันได้เป็นอิสระ
สักวันหนึ่งเธอจะไปตั้งหลักอยู่ด้วยตัวคนเดียว จะใช้ชีวิตเพื่อตัวเอง ทำเพื่อตัวเองอย่างแท้จริง
เวลาอาหารเย็นของบ้านนี้คือ 18.00 น. อริสรานั่งตัวลีบอยู่ข้าง ๆ เมฆา ฝั่งตรงข้ามคือดุสิตากับผู้หญิงหน้าตาสะสวยคนหนึ่ง
“นั่นรสสุคนธ์ น้องสาวของฉันเอง” เมฆาเป็นฝ่ายแนะนํา
“สวัสดีค่ะ หนูชื่อกระแตค่ะ” เธอยกมือไหว้เพราะคิดว่าตัวเองน่าจะอายุน้อยกว่าหลายปี
“นี่น่ะเหรอคะเด็กคนที่แม่เล่าให้รสฟัง”
“ใช่” ดุสิตาพยักหน้า
“ก็น่ารักดีนี่คะ เหมือนพี่เมฆได้น้องสาวมาอีกคน”
อริสราลอบถอนหายใจเมื่อเห็นว่ารสสุคนธ์ไม่ได้มีทีท่าว่าจะชิงชังเธอ ในทางกลับกัน กลับใช้คํา พูดอ่อนโยนและมอบรอยยิ้มสดใสให้เธออีกด้วย
“แต่อายุน่าจะยังน้อยอยู่เลย อายุกี่ปีแล้วล่ะ”
"17 ย่าง 18 ค่ะ"
"17 เหรอ งั้นก็ยังไม่บรรลุนิติภาวะน่ะสิ"
ประโยคนี้แทงใจดําเมฆาเข้าให้อย่างจัง
"อีกเดือนกว่าเธอก็ 18 ปีแล้ว ก็ถือว่าเป็นสาวแล้ว” ชาย หนุ่มพูดอ้อมแอ้ม
"แหม แต่พี่เมฆอายุ 32 ปีแล้วนะ เป็นพ่อของกระแตได้เลยนะคะ"
“แล้วยังไง”
“ไม่ยังไงหรอกค่ะ ก็แค่เหมือนวัวแก่กินหญ้าอ่อน”เธอเยาะเย้ย
เอาอีกแล้ว เหมือนโดนลูกศรอาบยาพิษปักที่อกเข้าอีกดอก ทําไมน้องสาวเขาช่างสรรหาคําพูดมาให้ทำเขารู้สึกแย่ซะจริง
เขาไม่เคยคิดว่าตัวเองแก่มาก่อน จนกระทั่งวันนี้นี่แหละ! หากจะมีคนพูดกับเขาแบบที่น้องสาวเขาพูด เขาก็คงจะแย้งอะไรไม่ได้เช่นกัน
“ลืมบอกไปเลยจ้ะกระแต ฉันอายุ 29 นะ พอจะเป็นพี่สาวเธอได้ไหม”
เมฆารู้สึกหมั่นไส้น้องสาว ทีเขาล่ะให้เป็นพ่อ ส่วนตัวเองเป็นพี่สาว แบบนี้ใช้ได้ที่ไหนกัน
“ได้ค่ะ” อริสราตอบอ้อมแอ้ม “หนูขอฝากเนื้อ ฝากตัวด้วยนะคะ"
“ชีวิตเธอน่าสงสารมากพอแล้ว อยู่ที่นี่ก็ทําใจให้สบายนะ ใครรังแกก็บอกฉันได้ ฉันจะจัดการให้”
“หากฉันยังอยู่ ใครจะกล้า และใครเขาจะไปแกล้งกระแตได้ล่ะ” เมฆาร้อนตัวขึ้นมาทันที
“แหม ก็ไม่รู้สิคะ รสก็พูดไปเรื่อยแหละไม่ได้เจาะจงว่าเป็นใครสักหน่อย ร้อนตัวนะคะ”รสสุคนธ์ปรายตามอง
อาหารมื้อนั้น...อริสรารู้สึกว่าจะอร่อยกว่าทุกมื้อ รู้สึกเจริญอาหารจนเติมข้าวไปถึง 2 จาน แม้ว่าดุสิตาจะเงียบไม่พูดไม่จา แต่ความช่างพูดของรสสุคนธ์ก็ทําให้เธอหายเกร็งและเริ่มยิ้มได้
มองดูก็รู้ว่าเมฆากับรสสุคนธ์เป็นพี่น้องที่สนิทและรักกันมาก ถึงจะชอบแสดงออกโดยการจิกกัดกันก็ตาม แต่ก็แผงไปด้วยความรักที่มีให้กัน
หลังจบอาหารมื้อนั้น รสสุคนธ์ก็ขอตัวกลับบ้าน เธอมีสามีแล้ว และอยู่บ้านของสามี นาน ๆ ครั้งจะมาร่วมรับประทานอาหารกับแม่และพี่ชายตัวเอง วันนี้ที่เธอมา ก็เพราะอยากมาเจอหน้าของกระแต เพราะดุสิตาแม่ของเธอโทรไปเล่าให้ฟัง
ดุสิตาไม่พูดไม่จาอะไรสักคําก็กลับห้องตัวเองไปเช่นกัน คงเหลือแต่อริสรากับสามีทางพฤตินัยเท่านั้นที่ยังคงนั่งอยู่ห้องโถง
“คุณเมฆคะ” เธอเรียก และเขาก็เหลียวมองคนนั่งข้าง
“หืม? ว่าไง”
“หนูอยากคุยให้ชัดเจนค่ะ”
“จะคุยอะไรก็ว่ามาสิ”
“ถ้าหนูชดใช้หนี้ให้คุณหมดแล้ว หนูจะได้รับอิสระแน่ ๆ ใช่ไหมคะ”
“ใช่” เขาปรายตามองเธอแล้วถอนหายใจยาว
“แล้วคุณเมฆจะให้หนูทำงานอะไรบ้างคะ แล้วได้ค่าตอบแทนเท่าไหร่ หนูจะได้คำนวณเงินถูก ว่าจะชดใช้ประมาณกี่ปี”
“ก็รอทำตามคำสั่งนั่นแหละ งานไม่ตายตัว แต่หากเธอทำให้ฉันพอใจจนถึงที่สุดแล้วก็ไม่แน่”
“และหนูจะได้ค่าตอบแทนยังไงคะ”
“ฉันให้เธอเดือนละหนึ่งหมื่น”
“แล้วต้องชดใช้กี่ปีล่ะเนี่ยะ” หญิงสาวเอ่ย พร้อมกับนับมือไปด้วย
“แต่งานสำคัญของเธอ ก็คือขึ้นเตียงกับฉัน ก็เหมือนที่ฉันบอกไง หากว่าเธอทำให้ฉันพอใจ เมื่อนั้นเธออาจจะได้รับอิสระ”
“แน่นะคะ”
“แน่สิ” เขาทอดสายตามองหน้าจอโทรทัศน์ แต่เนื้อหาที่ตัวละครเล่นกลับไม่เข้าสมองเขาเลยแม้แต่น้อย
“งั้นก็รีบขึ้นห้องเถอะค่ะ หนูจะทำให้คุณพอใจ”