อุปสรรคที่ต้องเจอ
หลังจากรับประทานอาหารเช้าเสร็จ เธอออกจากห้องครัวก็เจอหน้าคนที่ไม่อยากเจอเข้าพอดี หลีกเลี่ยงไม่ได้ เธอจึงยิ้มให้และกล่าวทักทายของอ่อนน้อม
“สวัสดีตอนเช้าค่ะคุณหญิงดุสิตา”
“ตื่นสายล่ะสิ” นํ้าเสียงตําหนิชัดเจน
“เมื่อคืนหนูนอนไม่หลับ คงเพราะนอนผิดที่ผิดทางค่ะ”
“ใช่ เธอน่ะอยู่ผิดที่ผิดทางนะ ยังเด็กอยู่แท้ ๆ ไม่น่าใจง่ายให้ผู้ชายมันฟันได้เลย”
อริสรารู้เจ็บจี๊ดที่ใจ เธอเม้มปากแน่น ไม่คิดแก้ตัวอะไร นอกจากยอมรับไปโดยปริยาย
“หนูขอโทษค่ะ”
“คงคิดว่าผู้ชายจะหลงใหลจนจริงจังด้วยล่ะสิ หากเธอคิดแบบนั้น ก็แปลว่าความคิดเธอยังเด็กมากเลยนะ”
“หนูไม่เคยคิดแบบนั้นเลยนะคะ หนูเจียมเนื้อเจียมตัวเสมอ และไม่เคยคาดหวังถึงขั้นนั้นด้วย ที่หนูยอมทำทุกอย่างตามคำสั่งของคุณเมฆ ก็เพราะว่าคุณเมฆเป็นผู้มีพระคุณกับหนู ทำดีกับหนู ช่วยเหลือหนูให้มีชีวิตที่สุขสบายขึ้น หากไม่มีคุณเมฆช่วยหนูไว้ในวันนั้น หนูก็ไม่รู้เหมือนกันว่าชีวิตหนูจะตกต่ำไปกว่านี้มากแค่ไหนเช่นกัน ไม่รู้ว่าแม่เลี้ยงของหนูจะพาไปขายที่ไหน ”
อริสราร่ายคำพูดยาวเยียด เพื่อแก้ต่างให้กับตัวเอง ไม่เข้าใจว่าทําไมดุสิตาต้องยัดเยียดให้เธอคิดแบบนั้นแบบนี้ด้วย
“ก็ดีแล้ว เมฆเขามีคู่หมั้นอยู่แล้ว เธอรู้หรือยัง"
“ไม่เคยรู้เลยค่ะ” เด็กสาวส่ายหน้า
“งั้นก็น่าจะรู้ไว้ซะบ้างนะ ผู้หญิงคนนั้นชื่อภัทรดาหรือหนูลิลลี่ เธอเป็นคนสวย ฐานะดีมีชาติตระกูล เหมาะสมกับเมฆทุกอย่าง ซึ่งแน่นอนว่าหนูลิลลี่แตกต่างจากเธอมากจนฉันไม่กล้าเอามาเปรียบเทียบ”
“งั้นก็ไม่ต้องเทียบหรอกค่ะ เพราะหนูก็ไม่คิดจะเอา ตัวเองไปเปรียบเทียบกับใครเหมือนกัน”
“ไม่คิดจะเปรียบกับใครเพราะกลัวว่าตัวเองจะดูด้อยค่ามากขึ้นล่ะสิ” สาวใหญ่หัวเราะในลําคอ
“ความจริงหน้าตาเธอก็จิ้มลิ้มน่าเอ็นดูดีนะ คงจะเหมาะกว่านี้ถ้าเธอมีแฟนวัยไล่เลี่ยกัน และฐานะเดียวกัน"
“หนูก็ไม่เคยคิดว่าคุณเมฆเป็นแฟนของหนูเลยนะคะ ทุกวันนี้หนูยอมทำทุกอย่างให้คุณเมฆพอใจได้มากที่สุด เพื่อที่คุณเมฆจะได้ปล่อยให้หนูเป็นอิสระ”
“อิสระ?”
“ใช่ค่ะ คุณเมฆบอกว่า หากหนูทำให้คุณเมฆพึงพอใจจนถึงที่สุดแล้ว คุณเมฆจะปล่อยหนูให้เป็นอิสระ และวันนั้นหนูก็จะออกไปจากที่นี่” เธอเอ่ยตามความจริง เพราะทุกวันนี้เธอก็รอเป็นอิสระเหมือนกัน ไม่ได้อยากอยู่ให้ดุสิตามาพูดแทงใจดำหรือดูถูกเธอแบบนี้ทุกวันหรอก
“ฉันไม่เชื่อหรอกนะ ผู้หญิงน่ะร้อยทั้งร้อยก็ต้องแอบหวังทั้งนั้นแหละ ลูกชายของฉันสมบูรณ์เฟอร์เฟคขนาดนั้น ฉันถึงต้องเตือนเธอตั้งแต่ต้นไง จะได้ไม่ถลําลึกจนต้องเสียใจทีหลัง เพราะเมฆน่ะ เขามีเจ้าของอยู่แล้ว"
"ค่ะ คุณดุสิตาไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องนั้นนะคะ ถึงเวลาแล้วหนูจะไปเอง"
“ฮัลโหล...” เสียงหวานดังมาแต่ไกล ก่อนที่สาวสวยที่วันนี้แต่งตัวจัดจ้านเหมือนเคย จะตรงดิ่งเข้ามากอดคอเธอ “ว่าไงกระแต กินข้าวเช้าหรือยังเนี่ย”
“เพิ่งกินเสร็จเมื่อกี้เองค่ะคุณรส”
“โอ๊ย ดูเรียกเข้าเถอะ ห่างเหินเซียว เรียกพี่รสดีกว่าจ้ะ"
“ค่ะพี่รส”
“เดี๋ยวออกไปข้างนอกกันนะ พี่จะพาไปเที่ยวห้าง เคยไปเดินห้างหรือยัง”
"สมัยเด็ก ๆ เคยไปค่ะ ไปกับพ่อแม่” เสียงเธอแผ่ว เบาลงเมื่อนึกถึงมารดาผู้ล่วงลับไปแล้ว
“ตอนเป็นสาวยังไม่เคยไปสินะ เอาล่ะ เดี๋ยวพี่คนนี้จะพาไปเปิดหูเปิดตาเอง” จากนั้นก็หันไปทางดุสิตา “คุณแม่ไปด้วยกันไหมคะ”
“ไม่ล่ะ ไปกันเถอะ” ตอบแล้วก็เดินห่างออกไปทาง
“หนูไม่มีตังค์ติดตัวเลยนะคะพี่รส จะให้ไปเที่ยวห้างกับพี่ กลัวจะเป็นภาระ”
หญิงสาวมองอริสราอย่างสงสาร
“อย่าคิดเล็กคิดน้อยสิ พี่เมฆไม่ได้ให้เงินเธอติดตัวไว้บ้างเลยเหรอ ขี้งกจริงพี่ชายคนนี้”
"เขาคงเห็นว่าหนูไม่ได้ออกไปไหนมั้งคะ แล้วหนูก็ไม่กล้ารบกวนเขาด้วย แค่นี้ก็รู้สึกแย่มากพอแล้ว"
“อายุแค่ 17 ปี แต่ทำท่าเหมือนแบกโลกไว้ทั้งใบแบบนี้จะทําให้เธอแก่ก่อนไวนะกระแต ควรทําตัวให้สดใสร่าเริงเข้าไว้ ไป ๆ ไปเที่ยวกัน เดี๋ยวพี่เลี้ยงข้าวเอง" พูดจบก็ลากเด็กสาวออกจากบ้าน ขึ้นรถ แล้วพาไปห้างสรรพสินค้า
นอกจากเดินห้างช่วยกันเลือกซื้อของตามประสาผู้หญิงแล้ว รสสุคนธ์ยังพาเธอไปไหว้พระทําบุญอีกด้วย กว่าจะกลับก็ถึงเวลาเย็นพอดี
การได้ออกจากบ้านในวันนี้ทําให้เธอรู้สึกสนิทกับรสสุคนธ์ขึ้นอีกระดับหนึ่ง และรู้สึกว่าอีกฝ่ายเป็นคนอัธยาศัยดีน่าคบหาไม่น้อยเลยทีเดียว
“ขอบคุณนะคะพี่รส นอกจากจะพาหนูเที่ยวแล้วยังซื้อของให้หนูอีก" เธอยกมือไหว้หญิงสาวที่นั่งอยู่ในรถตรงตําแหน่งคนขับ
“ได้ออกไปข้างนอกกับเธอสนุกดี ของนั้นถือว่าพี่ชื่อให้น้องสาวละกัน อย่าลืมนะมีอะไรโทรหาพี่ได้ตลอด ใครรังแกก็บอกกันได้”
“ค่ะพี่”
เธอยกมือไหว้อีกครั้ง มองจนรถคันหรูแล่นจากไปจนลับสายตา ถึงหิ้วของพะรุงพะรังเข้าบ้าน และก็เจอร่างสูงใหญ่ยืนตระหง่านรออยู่ตรงประตูพอดี สีหน้าที่บูดบึ้งของเขานั้น ชัดเจนเลยว่าไม่พอใจ
เมฆาจ้องมองหญิงสาวด้วยท่าทีที่ไม่พอใจ เพราะเธอไปไหนไม่บอกเขา ทำให้เขาเป็นห่วง และกังวลว่าเธอจะหนีไปหรือเปล่า แต่เมื่อเห็นว่าเธอกลับมาแล้ว เขาก็รู้สึกโล่งอก
“ออกไปข้างนอกมาเหรอ"
“อื้อ ค่ะ” เธอพยักหน้า “พี่รสพาไปเปิดหูเปิดตา”
“อยากเที่ยวทําไมไม่บอกฉันล่ะ"
“หนูไม่ได้อยากเที่ยว แต่พี่รสมาชวน หนูไม่รู้จะปฏิเสธยังไง แต่พอได้ไปแล้วก็รู้สึกสนุกดีเหมือนกันค่ะ”
“ก็ยังดีที่ไปกับผู้หญิงด้วยกัน ไม่งั้นเป็นเรื่องแน่”ดวงตาคู่คมหรี่ลงเล็กน้อย
“เอ๋? ” เด็กสาวเอียงคออย่างประหลาดใจ “ทำไมต้องเป็นเรื่องด้วยคะ คุณบอกว่าจะให้อิสระหนูไม่ใช่เหรอคะ”
“ตอนนี้เธอเป็นสิทธิ์ของฉัน อย่างน้อย ๆ จะออกไปไหนกับใครก็ต้องบอกให้ฉันทราบด้วยสิ ถึงแม้จะเป็นน้องสาวของฉันก็เถอะ" หน้าคมตึงเครียดขึ้นมาทันที
“ไม่เห็นต้องโมโหขนาดนั้นเลยค่ะ” อริสรากะพริบตาปริบ ๆ อย่างงุนงง
เขามองเธอด้วยหางตา ปากงอ ก่อนคว้าถุงข้าวของในมือเธอมาถือไว้เสียเอง