หมาหวงก้าง
“ซื้ออะไรมาเยอะแยะ”
“พี่รสซื้อให้ค่ะ”
“มีเครื่องสําอางด้วยเหรอ” เขาหลุบตามองข้างในถุงใบหนึ่ง
“ค่ะ พี่รสซื้อให้ บอกว่าหนูควรดูแลตัวเองบ้าง”
“อายุสิบเจ็ดจะต้องแต่งหน้าทําไม ใส ๆ เป็นธรรมชาติก็น่ารักดีอยู่แล้ว” เขาบ่น และเธอก็สนใจตรงประโยคท้าย ๆ ของเขานี่แหละ
“หืม? เมื่อกี้คุณเมฆชมหนูว่าน่ารักเหรอ”
“ขึ้นห้องได้แล้ว” เขาตัดคำ หันหลัง เดินลิ่วขึ้นชั้นสอง โดยมีเธอวิ่งตามไปติด ๆ
“เดี๋ยวสิคะคุณเมฆคุณยังไม่ได้บอกหนูเลย”
“อยากฟังอีกเหรอ” เขาหยุดเดินกะทันหันเมื่อมาถึงหน้าห้องนอน
“เอ้า ก็ต้องอยากฟังสิคะ” เธอเท้าสะเอวและเอียงคอตอบ
ชายหนุ่มเปิดประตูออกแล้ววางของลงหน้าโต๊ะกระจก ก่อนจะฉุดมือเธอให้ตามเข้ามาในห้อง ปิดประตูแล้วกอดเอวเธอไว้หลวม ๆ
“งั้นฟังให้ดี ๆ นะ”
“ค่ะ จะตั้งใจฟังค่ะ” เด็กสาวพยักหน้ารัว ๆ ทําตาใสรอฟัง ใจจดใจจ่อ
“ฉันบอกว่าเธอน่ารัก”ยื่นหน้ามากระซิบชิดริมหูเล็กจนเธอขนลุกซู่ “และก็...น่าเอาด้วย”
อริสราแก้มร้อนผ่าว รีบผลักอกกว้างให้ออกห่างตัว
“พูดอะไรก็ไม่รู้ค่ะ”
“ก็เธออยากฟังไม่ใช่เหรอ ฉันก็พูดให้ฟังแล้วไง”
“หนูไม่อยากคุยด้วยแล้ว”
“แต่ฉันอยากคุยกับเธอนะ ไอ้นี่ก็คิดถึงเธอใจจะขาดอยู่แล้ว” เขาจับมือเล็กมาวางตรงเป้ากางเกง
เธอรู้สึกได้ถึงความแข็งผงาดของสิ่งที่ซ่อนอยู่ใต้กางเกงนั้น
“อะ...อีกแล้วเหรอ”
“อยากให้ฉันพอใจไม่ใช่หรือไง”
“กะ...ก็...ก็ใช่ค่ะ” เธอพยักหน้า แก้มแดง ก่อนร้องเสียงหลงเมื่อโดนเขาจับโยนขึ้นเตียง
“ว้าย”
“ถ้างั้นครั้งนี้ขอสองทีติดเลยก็แล้วกันนะ” เขาพูด ก่อนกระโจนขึ้นเตียงกอดรัดฟัดเหวี่ยงเธอ เธอดีดดิ้นเล่นตัวพักหนึ่งก่อนที่ไฟสวาทจะแผดเผาคนทั้งคู่ จมดิ่งลงห้วงแห่งกาม ดื่มด่ำกับบทพิศวาสที่ไม่อิ่มเอมโดยง่าย
1 สัปดาห์ผ่านไป
อริสรามีชีวิตที่เป็นปกติสุข เธอไม่โดนแม่เลี้ยงกดขี่รังแก .. แม้ว่าดุสิตาจะแสดงออกชัดว่าไม่ชอบเธอ แต่ก็ไม่เคยมาระรานลงไม้ลงมือ เมฆาก็ยังคงเป็นคนเดิมที่หาเรื่อง ‘กินตับ' เธอได้ทุกวัน
ถึงเธอจะอายุยังน้อย แต่ก็มีความกังวลกลัวว่าจะตั้งครรภ์ เลยให้เขาซื้อยาคุมมาให้กิน
รูปร่างของเธอจากที่ผอมซูบก็เริ่มเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวล เพราะกินดีอยู่ดี เมฆาให้เงินเธอติดตัวไว้ แม้ว่าเธอจะปฏิเสธไม่รับเพราะไม่อยากเป็นหนี้เพิ่มก็ตาม
อีกหนึ่งคนที่ทําให้เธอปลอดโปร่งมีชีวิตชีวามากขึ้น ก็คือรสสุคนธ์ เพราะมักจะหาเวลาว่างมาพูดคุยกับเธอเสมอ บางวันก็ชวนออกไปเปิดหูเปิดตาข้างนอก
สภาพจิตใจเธอเริ่มแข็งแกร่งขึ้น และรู้สึกว่าตัวเองเริ่มจะเป็นผู้ใหญ่ขึ้นไปอีกขั้นหนึ่งแล้ว
วันนี้เมฆาพาเธอมาที่บริษัทด้วย เขาให้เหตุผลว่า เห็นเธออยู่บ้านว่าง ๆ กลัวจะเหงา เลยพามาดูที่ทํางานของเขา
บริษัทใหญ่โต ตึกสูงตระหง่าน ไม่แปลกหรอกที่เขาจะร่ำรวยจนจัดอยู่ในขั้น‘มหาเศรษฐี' ช่างแตกต่างจากเธอราวฟ้ากับเหวเลยจริง ๆ
พนักงานหลายคนทักทายเขา แล้วมองเธอด้วยสายตาแปลก ๆ คงจะสงสัยนั่นล่ะว่าเธอเป็นใคร
จนกระทั่งเขาพาขึ้นลิฟต์มาชั้นบนสุดของตึก หน้าห้องมีป้ายติดไว้ว่า ‘ประธาน' มีเลขาหน้าสวยนั่งทํางานอยู่ที่เคาน์เตอร์หน้าห้อง ซึ่งรีบผุดลุกยืน ทันทีที่เห็นเจ้านายมา
“สวัสดีค่ะคุณเมฆ” ยกมือไหว้พร้อมรอยยิ้มสดใส สายตาเลยมามองอริสรา
“สวัสดีคุณสายใจ วันนี้มีอะไรไหม”
“ยังไม่มีอะไรค่ะ”
“โอเค” เขาพยักหน้า
“อ้อ...แต่คุณลิลลี่โทรมาถามว่าคุณเมฆมีประชุมหรือเปล่าวันนี้”
“แล้วคุณตอบไปว่ายังไง” เขาหน้าตึงขึ้นทันที
“ตอบตามความเป็นจริงค่ะว่าไม่มี"
“คุณก็ตอบตรงเกิน น่าจะรู้ว่าผมอยากให้ตอบแบบ หน”
“ขอโทษค่ะ แต่กับคุณลิลลี่ ดิฉันไม่อยากโกหก ถ้าเขาจับได้ มีหวังดิฉันโดนฉีกเป็นชิ้น ๆ แน่เลยค่ะ”
อริสราเหลือบตามองคนที่ยืนอยู่ข้างกาย ทําไมสีหน้าเขาเรียบเฉยจัง อันที่จริงเขาน่าจะดีใจสิที่ แฟนโทรมา....เธอจําได้ดีว่าคนชื่อลิลลี่ เป็นคู่หมั้นของเขา เพราะดุสิตาเคยบอกเธออย่างนั้น เพียงแค่คิด....ในอกก็เจ็บจี๊ดเหมือนโดนเข็มตํา
“ช่างเถอะ” เขาพูดเสียงสะบัด ก่อนดึงข้อมืออริสราเข้าห้องทํางาน ปิดประตูดังปัง
“ทําไมต้องหงุดหงิดด้วยละคะ พิลึกคนจัง นั่นแฟนนะคะ ไม่ใช่ใครที่ไหน น่าจะยิ้มแย้มสักหน่อย”
“แฟนงั้นเหรอ ไปเอาคํานี้มาจากไหน” ดวงตาคู่คมปรายมามองเธออย่างเยือกเย็น
เขาไม่ต้องการให้ใครมาพูดเรื่องแบบนี้กับเขา เพราะเรื่องแบบนี้มันเป็นเรื่องสำคัญ และเขาก็เป็นนักธุรกิจที่มีชื่อเสียงด้วย หากข่าวหลุดแพร่ออกไป มันจะทำให้เขาเกิดปัญหาขึ้นได้
ถึงแม้เขาจะมีผู้หญิงมากหน้าหลายตามาขึ้นเตียงด้วย แต่นั่นเป็นผู้หญิงที่เขาเลือกเอง ส่วนผู้หญิงที่แม่ของเขาเลือกไว้ให้นั้น เขาไม่เคยคิดที่จะแตะต้อง แม้ว่าผู้หญิงเหล่านั้นจะสวยงามมากเพียงใดก็ตาม
“ก็คุณแม่ของคุณเป็นคนบอกหนูเอง"
“แม่อยากให้ฉันแต่งกับลิลลี่เอง เรื่องนี้มันไม่ใช่ความปรารถนาของฉัน”
“ทั้ง ๆ ที่เหมือนดั่งกิ่งทองใบหยกขนาดนั้น ทำไมคุณไม่สนใจเธอล่ะคะ ”
“ฉันไม่พร้อมจะแต่งกับใคร” มือใหญ่จับคางเล็กบังคับให้มองสบตาเขา
“ค่ะ เข้าใจแล้วค่ะ นั่นเป็นเรื่องส่วนตัวของคุณ หนูไม่ยุ่ง” เธอเมินหนี
“ให้ตายสิ ทําไมคุยกับเธอวันนี้แล้วรู้สึกหงุดหงิดมากกว่าเดิม” เขาทำสีหน้าเหมือนเสียอารมณ์มาก แต่ในใจกลับรู้สึกเข้าข้างตัวเอง คิดว่าเธอคงจะหึงเขาเป็นแน่
“งั้นก็อย่าคุยสิคะ”
“งั้นก็ไปนั่งบนโซฟาทางนั้นเถอะ นั่นเป็นที่สำหรับเธอ ฉันจะทํางานก่อน”
เด็กสาวหน้ามุ่ย เดินไปนั่งบนโซฟาตรงมุมห้อง ราวกับหุ่นยนต์ที่ได้รับคําสั่งมา เธอนั่งมองเขาทํางาน บนโต๊ะที่มีแฟ้มเอกสารกองเป็นตั้ง เวลาเขาก้มหน้า มือจับปากกา ตั้งใจทํางานช่างดูหล่อและเทห์เหลือเกิน แล้วก็ยังดูน่ารักดีด้วย
ไม่เหมือนตอนอยู่บ้านที่เป็นจอมหื่น และทะลึ่ง อยู่ที่นี่เขาดูเป็นผู้นํา ออร่าจับเลยเชียว เธอนั่งมองเพลินจนเขาต้องเอ่ยถาม
“เธอจะมองอีกนานไหม ฉันจะได้เก๊กท่าให้มองนาน ๆ”
เธอสะดุ้ง ทั้ง ๆ ที่เขาไม่ได้เงยหน้าขึ้นจากแฟ้มเลย แล้วรู้ได้ยังไงว่าเธอมองอยู่
“เอ่อ รู้ได้ไงคะว่าหนูมองอยู่”
“รู้ก็แล้วกัน กําลังคิดในใจว่าฉันก็หล่อดีเหมือนกันใช่ไหมล่ะ”
“แหวะ หลงตัวเองค่ะ”
“กลางวันนี้จะกินอะไรกันดี” เขาหัวเราะ เงยหน้ามองเธอพลางเลิกคิ้วสูง
“อะไรก็ได้ค่ะ ง่าย ๆ ไม่เรียกร้อง หนูเป็นคนอยู่ง่ายกินง่าย"
“ประโยคนี้น่าหมั่นไส้จริงๆ "
เธอหัวเราะ ก่อนจะหยุดเมื่อเห็นเขามองมาด้วยแววตาที่เธออ่านไม่ออก