ทาสรับใช้
“มีอะไรกันครับคุณแม่” เสียงทุ้มเอ่ยถาม ก่อนร่างสูงใหญ่ในชุดสูทสีดําสนิทจะก้าวเข้ามาในห้องโถง
แวบแรกที่เด็กสาวเงยหน้าขึ้นเห็นเขา เธอก็จำเขาได้ทันที เพราะเขาเคยซื้อกับข้าวของเธอเมื่อสองวันก่อน
“ก็ชมนาดน่ะสิ เขาติดหนี้แม่หนึ่งล้าน ถึงเวลาคืนตั้งนานแล้วก็ไม่ยอมจ่ายสักที ถึงเวลาให้ดอกก็ไม่ให้ บ่ายเบี่ยงไปเรื่อย แม่ก็ไม่อยากทวงอะไรมากหรอกนะ แต่แม่ก็ไม่ยอมให้หนี้สูญเหมือนกัน แม่บอกว่าจะใช้กฎหมายเอาผิดเขา เขาบอกว่าวันนี้จะมาจ่ายหนี้ให้ แต่ดูสิยังพาเด็กคนนี้มาใช้แทนอีก เมฆก็ลองคิดดูสิ...ไม่ให้เงิน แต่เอาคนมาให้เป็นภาระเราเพิ่ม”
ชายหนุ่มพินิจมองร่างบางที่นั่งตัวสั่นระริกอยู่บนพื้น เขาพอจำเธอได้ เธอก็คือเด็กผู้หญิงที่ขายกับข้าววันนั้นนั่นเอง เธอดูผอมเหลือเกินในสายตาเขาผมยุ่งรุงรัง ใบหน้าเลอะคราบน้ำตาเต็มไปหมด ตามแขนขามีแต่รอยซ้ำ
เด็กคนนี้คงผ่านความทรงจําอันเลวร้ายมาไม่น้อย ถึงได้ดูมอมแมมไม่เปล่งปลั่งตามประสาวัยสาวเลย โดยเฉพาะในแววตาที่มันสื่อออกมาว่ามีแต่ความเศร้า และหยาดน้ำที่เอ่อคลออยู่ตลอดเวลาราวกับว่ามีแต่ความทุกข์ใจ
“คุณจะเอาลูกสาวมาขาย เพื่อชดใช้หนี้งั้นเหรอ” เขาถามชมนาด
“เด็กคนนี้เป็นลูกเลี้ยงของฉันเอง พอผัวฉันตาย มันก็อยู่กับฉันมาโดยตลอด ตอนนี้มันอายุ 17 ย่างเข้า 18 ปีแล้ว คุณช่วยรับมันไปเลี้ยงทีเถอะค่ะ ฉันคงเลี้ยงมันไม่ไหวแล้ว และก็ไม่มีปัญญาหาเงินมาคืนพวกคุณได้ด้วยค่ะ”
“เธอเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า ฉันต้องการแค่เงินเท่านั้น บ้านเราไม่ใช่สถานสงเคราะห์จะได้รับอุปการะใคร” ดุสิตาเอ่ยเสียงเย็นชา
อริสรารู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ รู้สึกด้อยค่ากับประโยคนั้น รู้สึกเหมือนว่าชีวิตของเธอนั้นชั่งไร้ค่าไม่มีใครต้องการเลยชักคน เธอดูราวขยะเปียกไร้ค่าที่มีแต่คนปฏิเสธไม่อยากได้ เธอห่อเหี่ยวจนแทบไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกแล้ว
อยู่กับแม่เลี้ยงเธอก็ไม่มีความสุข เพราะถ้าชมนาดไม่พอใจอะไรขึ้นมาก็มักลงไม้ลงมือกับเธอเป็นประจํา บางทีต้องไปรับจ้างตากแดดตากฝน เพื่อหาเงินมาให้กับแม่เลี้ยงเอาไปเล่นพนัน
หากมาอยู่บ้านใหม่หลังนี้เธอก็คงไม่มีความสุขเหมือนเดิม ใครเล่าจะเมตตาคนจน ๆ คนไร้ค่าที่ไม่มีใครต้องการและเด็กที่ถูกขายอย่างเธอกัน
“บ้านหลังที่คุณอยู่เป็นบ้านของพ่อเด็กคนนี้ไม่ใช่เหรอ อันที่จริงน่าจะเป็นคุณมากกว่านะครับที่ต้องเป็นฝ่ายออกจากบ้าน” เมฆาพูดเสียงเรียบ
“บ้านเป็นของฉันค่ะ เป็นชื่อฉัน ฉันมีสิทธิ์ทุกอย่าง เพราะพ่อของเด็กคนนี้โอนยกสมบัติทุกอย่างที่มีให้ฉันหมดแล้ว”ชมนาดแสยะยิ้ม
อริสราหลุบเปลือกตาลงมองมือตัวเองเพราะกลัวว่าใครจะเห็นความเสียใจที่ฉายชัดอยู่ในดวงตาที่มีแต่ความทุกข์ เธอรู้ดีทุกอย่างว่าชมนาดทําตัวน่ารักเสมอเวลาอยู่กับพ่อของเธอ ตอนพ่อเจ็บป่วยก็ปรนนิบัติพัดวีอยู่ไม่ห่าง เพื่อหวังให้เซ็นเอกสารต่าง ๆ ในการยกทรัพย์สินและมรดกให้ ชมนาดหลอกให้พ่อของเธอเซ็น พ่อของเธอก็รักและไว้ใจเมียคนนี้ด้วย ถึงขั้นฝากฝังให้ช่วยดูแลเธอหากพ่อของเธอไม่อยู่บนโลกใบนี้แล้ว
บางทีเธอก็นึกโกรธพ่อและชิงชังชมนาด ที่ทําให้ชีวิตเธอต้องกลายเป็นแบบนี้ ทรัพย์สมบัติทุกอย่างที่ควรเป็นของเธอ ตอนนี้เธอก็ไม่ได้รับอะไรทั้งนั้น ทั้ง ๆ ที่มันเป็นสิ่งที่พ่อและแม่ของเธอสร้างมาด้วยกันแท้ และในตอนนี้ยังคิดจะเอาเธอมาขายอีก
“โอเค ถ้างั้นผมก็พอจะเข้าใจอะไรขึ้นมาแล้วล่ะ”
“หรือหากว่าคุณอยากจะได้มันไปเป็นนางบำเรอของคุณก็ได้ อีกไม่กี่เดือนมันก็อายุถึง 18 ปีแล้ว”
เขารู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้ช่างต่ำช้าจริง ๆ โหดร้ายและไร้มนุษยธรรมเกินไป เอาทรัพย์สินที่ไม่ใช่ของตัวเองไปจนหมด มิหนำซ้ำยังให้ลูกเลี้ยงทำงานหาเงินให้ด้วยตัวคนเดียวอีก แต่ที่ร้ายที่สุดก็คือ ผู้หญิงคนนี้ยังกล้าเอาเด็กผู้หญิงที่หาเงินให้ตัวเองใช้มาขาย เพื่อแลกกับหนี้ที่ตนเองก่อขึ้น
แล้วยังกล้าพูดว่าไม่มีปัญญาเลี้ยง ทั้งที่เด็กคนนี้หาเลี้ยงเขาด้วยซ้ำ ชั่วช้าและน่าขยะแขยงจริง ๆ
“ได้ ผมจะยกหนี้ให้คุณ ถือซะว่าต่อไปนี้ เด็กคนนี้ไม่ใช่คนของคุณอีกต่อไป ห้ามมายุ่งเกี่ยวกับเธออีก ”
“ค่ะ ๆ เข้าใจแล้วค่ะ ตกลงตามนั้น ฉันจะไม่มายุ่งเกี่ยวหรือเกี่ยวข้องอะไรกับเด็กคนนี้อีกเลย ฉันสัญญา ” จากนั้นก็หันมาทําตาดุใส่อริสรา “แกเองก็ทําตัวดี ๆ ไว้นะนางกระแต เขาจะได้รักและเอ็นดูแก อย่าก่อเรื่องและสร้างปัญหาให้คุณคุณเขาล่ะ”
ชมนาดพยักหน้ารับ ยิ้มร่าอย่างมีความสุข รีบเดินหนีออกจากบ้านหลังใหญ่ไปทันที เพราะกลัวว่าคุณหญิงดุสิตาจะขัดใจกับลูกชาย แล้วไม่ยอมยกหนี้ให้