ตอนที่ 4 กล่ำกลืนฝืนทน
ตอนที่ 4 กล่ำกลืนฝืนทน
“ปณิดา!” นนทกานต์ตวาดเรียกชื่อด้วยความโกรธแล้วจับแขนเรียวบีบอย่างแรง แต่แล้วก็ต้องละมือออกเมื่อเสียงตวาดของบิดาดังขึ้น
“หยุดนะเจ้านนท์! อย่ารังแกหนูดาเป็นอันขาด แล้วฉันก็คิดว่าหนูดาพูดถูก ปากของแกมันเน่าพอๆกับจิตใจของแกนั่นแหละ เห็นเพชรเป็นดิน เห็นดินเป็นดาว”
นนทกานต์กัดกรามกรอดแล้วมองปณิดาอย่างอาฆาตแค้นเหมือนกับจะบอกว่า ฝากเอาไว้ก่อนเถอะ จากนั้นเขาก็ลุกขึ้นแล้วหันมาทางบิดา
“เชิญคุณพ่อโอ้ลูกสะใภ้ตามสบาย ผมขอตัวขึ้นไปพักผ่อนก่อนเมื่อคืนนอนไม่ค่อยเต็มอิ่มสักเท่าไร” ท้ายประโยคเขาหันมามองทางภรรยาสาวด้วยสายตาแพรวพราวและกระตุกยิ้มก่อนจะเดินออกไป และคำพูดที่ทิ้งท้ายเอาไว้ของสามีหนุ่มก็ทำเอาปณิดาถึงกับหน้าแดงระเรื่อขึ้นด้วยความอายต่อผู้สูงวัยที่นั่งยิ้มแล้วมองมาทางเธอก่อนที่น้ำเสียงนุ่มนวลนั้นจะดังขึ้น
“อย่าไปถือสามันเลยนะหนูดา แล้วถ้ามันรังแกหนูละก็บอกพ่อได้เลยพ่อจะจัดการให้”
“ค่ะ ขอบคุณมากค่ะ” ปณิดายิ้มอย่างซาบซึ้งและรู้สึกอบอุ่นเหมือนกับมีที่พักพิง
“เอาล่ะหนูก็ขึ้นไปพักผ่อนเถอะ ลุงให้เขาขนข้าวของเข้าไปไว้ที่ห้องของตานนท์เรียบร้อยแล้ว” ภูเบศคลี่ยิ้มอีกครั้งก่อนจะหันไปพยักหน้าเรียกสาวใช้ให้พานายสาวขึ้นไปที่ห้องของนายหนุ่ม และเมื่อหญิงสาวเดินออกไปจากห้องแล้วเขาก็ถึงกับถอนใจออกมาเหมือนกับมีเรื่องหนักใจแล้วก็เดินออกมาจากห้องนั่งเล่นเป็นคนสุดท้าย
แล้วในตอนเย็นของวันนั้นผู้กองสันต์ภพก็ได้มาหาปณิดาเพราะข่าวการแต่งงานของเพื่อนสาวอย่างกะทันหันกับนักธุรกิจหนุ่มพันล้าน และไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเขาที่จะหาคฤหาสน์หลังงามของนักธุรกิจหนุ่มดังระดับประเทศคนนี้ ส่วนปณิดาก็รู้สึกดีใจมากที่เพื่อนรักมาหาถึงที่นี่ เธอจึงพาเขามานั่งคุยที่สนามหญ้าหน้าบ้าน
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นดา ก็ไหนดาบอกว่าคนที่แต่งงานกับคุณนนทกานต์คือณีรนุชแล้วทำไมถึงได้กลายมาเป็นดาได้ นี่ถ้าเราไม่อ่านข่าวบันเทิงเจอเราก็คงจะไม่รู้เลยว่าดาแต่งงานกับคุณนนทกานต์” สันต์ภพถามเสียงรัวเร็วพร้อมกับจ้องหน้าเพื่อนสาวอย่างรอคำตอบ
“เรื่องมันยาวนะ แล้วก็เหตุการณ์มันบังคับด้วยเราก็เลยต้องตกกระไดพลอยโจร” หญิงสาวบอกแล้วก็ฝืนยิ้มให้เพื่อนหนุ่ม แต่สันต์ภพก็จับน้ำเสียงที่ฟังดูเศร้าๆของเพื่อนสาวได้จึงเอ่ยถามต่อ
“เราเป็นเพื่อนกันนะเล่ามาเถอะว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้น” คำคาดคั้นของเพื่อนหนุ่มทำให้หญิงสาวต้องก้มลงมองมือตัวเองที่วางอยู่บนโต๊ะก่อนจะผ่อนลมหายใจออกมาแล้วเล่าถึงสาเหตุที่เธอต้องมาแต่งงานแทนน้องสาวในครั้งนี้
นนทกานต์ยืนกอดอกกัดกรามกรอดอย่างไม่พอใจเมื่อเห็นภรรยาสาวนั่งคุยอยู่กับผู้ชายคนหนึ่งที่สนามหญ้า ‘นี่คิดจะสวมเขาให้ตั้งแต่วันแรกของการแต่งงานเลยหรือไง ชั่งหน้าไม่อายทั้งคู่ แล้วไอ้หมอนี่มันไม่รู้หรือไงว่ากำลังเล่นอยู่กับใคร สงสัยต้องไปทักทายเสียหน่อยแล้ว’ ชายหนุ่มคิดในใจก่อนจะยิ้มเจ้าเล่ห์ที่มุมปากแล้วจึงเดินเข้าไปหาคนทั้งคู่
ส่วนทางด้านสันต์ภพเมื่อฟังเรื่องราวจากเพื่อนสาวแล้วก็พยักหน้าอย่างเข้าใจและอดที่จะเห็นใจและสงสารเพื่อนสาวไม่ได้ เขาจึงเอื้อมมือไปกุมมือบางเอาไว้พร้อมกับพูดขึ้นอย่างให้กำลังใจ
“ถ้ามีอะไรที่จะให้เราช่วยก็บอกนะดาเราเต็มใจช่วย”
“ขอบใจภพมากนะ แต่คงไม่มีเรื่องร้ายถึงกับขนาดจะต้องให้ผู้กองมือดีแห่งกองปราบมาช่วยหรอกจ้ะ” ปณิดาพูดล้อพร้อมกับยิ้มรับไมตรีจากเพื่อนรักที่คบหากันมานาน แต่แล้วรอยยิ้มนั้นก็ต้องหุบลงทันทีเมื่อมีเสียงทุ่มแข็งกร้าวดังแทรกขึ้น
“ถ้าจะทำซึ้งกันก็ให้มันถูกสถานทีหน่อยสิ” นนทกานต์เดินเอามือล้วงกระเป๋าแล้วมาหยุดยืนอยู่ทางด้านหลังของภรรยาสาวโดยสายตาจับจ้องไปที่ใบหน้าของชายหนุ่มอีกฝ่ายด้วยแววตาขึงขัง และนั่นก็ทำให้สันต์ภพต้องดึงมือของตนเองกลับมาแล้วลุกขึ้นยืน
“ต้องขอโทษด้วยนะครับที่มารบกวน ผมชื่อ...”
“ไม่ต้องหรอก ผมไม่อยากรู้จักคุณ” อีกฝ่ายยังไม่ทันที่จะแนะนำตัวเองจนจบ นนทกานต์ก็รีบพูดขัดขึ้นด้วยสีหน้าที่เรียบเฉยจนอีกฝ่ายต้องนิ่งเงียบแล้วหันมามองทางเพื่อนสาวแทน