ตอนที่ 4/2
“อย่าไปสนใจเลยแค่พวกจิตไม่ว่างเท่านั้น” ปณิดาลุกแล้วเดินมายืนข้างๆกับเพื่อนหนุ่มและนั่นก็ทำให้นนทกานต์ถึงกับยืนกัดกรามกรอดด้วยความไม่พอใจเพราะมันเป็นเหมือนกับการหักหน้าเขาทางอ้อม แต่ปณิดาไม่สนใจกับอาการของเขาแล้วหันมาคลี่ยิ้มให้เพื่อนหนุ่ม
“ขอบใจมากที่นายมาเยี่ยมเรา แล้วเอาไว้ว่างๆเราจะไปหาที่บ้านนะ”
“อืม” สันต์ภพพยักหน้ารับแล้วปรายตามามองทางสามีหนุ่มของเพื่อนแล้วหันกลับมามองหน้าเพื่อนสาวอีกครั้ง “งั้นเรากลับก่อนนะแล้วจะโทรมาคุยด้วยใหม่”
“จ้ะ เดี๋ยวเราเดินไปส่งนะ” พูดจบปณิดาก็ดึงมือเพื่อนหนุ่มให้ออกเดินโดยไม่สนใจกับคนร่างสูงที่ยืนมองอยู่ด้วยความไม่พอใจ
และเมื่อเดินมาพ้นจากสายตาของเจ้าของบ้านหนุ่มแล้วสันต์ภพก็เอ่ยขึ้นอีกครั้งอย่างเป็นห่วงเพื่อนสาว “แล้วแบบนี้เธอจะอยู่ได้หรือดา นี่แค่เรามาหาเฉยๆนะทำท่ายังกับจะฆ่าจะแกงกันเลย”
“ได้หรือไม่ได้ก็ต้องทน ทนได้แค่ไหนก็แค่นั้น” ปณิดาพูดขึ้นลอยๆแล้วก็นิ่งเงียบไปจนกระทั่งเดินมาถึงรถและยืนรอจนเพื่อนรักเคลื่อนรถออกไปแล้วจึงได้เดินกลับเข้าบ้าน และเธอก็พบว่าสามีหมาดๆกำลังยืนจ้องเขม็งมาทางเธออยู่ที่บันไดทางขึ้นชั้นสอง แล้วพอเธอจะเดินเลี่ยงไปอีกทางเสียงเข้มๆก็ดังขึ้น
“คิดยังไงถึงพาผู้ชายมานั่งจับมือถือแขนในบ้านของผม จะทำอะไรก็เกรงใจผัวตัวเองบ้างนะ” นนทกานต์เดินเข้ามาใกล้แล้วยื่นหน้าเข้าไปใกล้ใบหน้าหวานพร้อมกับพูดขึ้นอย่างช้าๆแต่หนักแน่น “หรือว่าบทรักของผมมันไม่ถึงใจเลยอยากหาใหม่ บอกผมได้นะผมมีหลายบทบาทที่คุณยังไม่เคยลอง”
“เพียะ!”
พอชายหนุ่มพูดจบฝ่ามือบางก็ตบลงไปบนใบหน้าคมเต็มแรงจนใบหน้านั้นสะบัดไปตามแรงก่อนจะหันกลับมามองหญิงสาวด้วยแววตาที่ดุดันและโกรธเกรี้ยว กรามทั้งสองข้างนูนขึ้นจนน่ากลัว และยังไม่ทันทีปณิดาจะได้พูดอะไรเขาก็อุ้มร่างบางขึ้นมาอย่างรวดเร็วแล้วเดินขึ้นห้องนอนพร้อมกับปิดประตูลงตามหลังเต็มแรง จากนั้นก็เหวี่ยงร่างบางลงไปบนที่นอนนุ่มอย่างแรงจนหญิงสาวรู้สึกจุกที่ลิ้นปี่แต่ก็พยายามพยุงตัวเองลุกขึ้นแล้วมองจ้องหน้าอีกฝ่ายด้วยความโมโห
“คุณกล้ามากที่ตบหน้าคนอย่างผม” เขาเน้นเสียงแล้วก้าวขึ้นเตียงก่อนจะดึงร่างบางเข้ามาใกล้แล้วขึ้นคร่อมเอาไว้ ปณิดาสูดหายใจเข้าลึกๆเพื่อคลายความจุกแล้วตวาดกลับไป
“ก็คุณอยากมาพูดดูถูกฉันก่อนทำไม สันต์ภพเขาเป็นเพื่อนรักของฉันและไม่ได้มีจิตใจที่สกปรกอย่างคุณ คุณมันสกปรกทั้งตัวแล้วก็จิตใจ”
“สกปรกเหรอ”ชายหนุ่มคำรามในลำคอแล้วกดมือทั้งสองข้างของหญิงสาวตรึงเอาไว้กับที่นอนแล้วเค้นเสียงลอดไรฟันอย่างเยือกเย็น “งั้นก็ชิมของที่มันสกปรกหน่อยเป็นไร” มุมปากยักได้รูปยกขึ้นอย่างเยาะๆก่อนจะก้มลงมาหาริมฝีปากบางนุ่มแล้วบดขยี้ตามแรงโทสะ จากนั้นเขาก็รวบมือเรียวทั้งสองข้างเอาไว้ด้วยมือแกร่งเพียงข้างเดียวส่วนอีกมือก็คลึงเค้นส่วนเว้าส่วนโค้งของร่างบางอย่างไม่ปราณี
“โอ๊ย! ฉันเจ็บนะ! ปล่อย!” ปณิดาเจ็บจนน้ำตาไหลแต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่สนใจมันเลยนอกจากทำทุกอย่างให้หญิงสาวได้เจ็บปวด
“ผมไม่ปล่อยให้คุณมาสวมเขาให้ตั้งแต่วันแรกของการแต่งงานหรอกนะ แล้วนี่ก็คือบทลงโทษที่คุณตบผมและพาผู้ชายเข้ามาหยามเกียรติของผมถึงที่นี่” เขาเน้นเสียงอยู่ชิดกับริมฝีปากบาง
“ทีคุณละคู่ขามายืนเบียดจนจะแนบเป็นร่างเดียวกันฉันยังไม่ว่าอะไรเลยนะ” เธอเถียงเขากลับไปและกัดฟันข่มความเจ็บเอาไว้
“นั่นมันเรื่องของผม คุณไม่มีสิทธิ์มายุ่งเกี่ยว”
“งั้นนี่มันก็เรื่องส่วนตัวของฉันเหมือนกัน” ปณิดาผงกศีรษะขึ้นตะคอกใส่ด้วยความโกรธ
“ไม่ใช่แล้วเพราะตอนนี้คุณคือของเล่นของผมใครหน้าไหนก็ไม่มีสิทธิ์มาแตะต้องจำเอาไว้” นนทกานต์กระตุกยิ้มอย่างเหี้ยมโหดก่อนจะกระแทกริมฝีปากลงไปบนเรียวบางนุ่มอีกครั้งและบังคับให้ริมฝีปากนั้นเผยอขึ้นรับการรุกรานจากเขา แต่หญิงสาวก็ไม่ยอมและส่ายหน้าหนี ชายหนุ่มจึงเลื่อนมือหนาไปที่หว่างขาเรียวแล้วสัมผัสเบาๆจนอีกฝ่ายเผยอริมฝีปากขึ้นอย่างตกใจและเป็นจังหวะเดียวกับที่นนทกานต์ฉกเข้าไปควานหาความชุ่มหวานด้านใน แล้วจากความเจ็บก็ค่อยๆกลายเป็นความเสียวซ่านและวาบวามขึ้นมาแทนที่ จุมพิตที่ดุดันรุนแรงก็ค่อยๆเปลี่ยนเป็นปลุกเร้าและเรียกร้องจนกระทั่งในที่สุดก็ก่อเกิดพายุทางอารมณ์ที่พักโหมกระหน่ำอย่างแรงแล้วก็ค่อยๆสงบลงตามวิถีแห่งธรรมชาติ
หลังจากพายุอารมณ์ได้ผ่านพ้นไปหญิงสาวก็หลับไปด้วยความอ่อนเพลีย ส่วนชายหนุ่มนั้นนอนลืมตามองเพดานอย่างใช้ความคิด...เขาตั้งใจเอาไว้ว่าจะไม่แตะต้องผู้หญิงคนนี้ และมีแต่ความเกลียดชังให้เท่านั้น แต่พอเอาเข้าจริงๆเขาก็กลับลืมตัว ชายหนุ่มอย่างเขาสามารถควบคุมความต้องการของตนเองได้ แต่พอมาเจอกับผู้หญิงคนนี้เขากลับเสียการควบคุมไปหมด...นนทกานต์เอียงหน้าไปมองแผ่นหลังเปล่าเปลือยที่นอนหันหลังให้เขาก่อนจะขบกรามเข้าหากันพร้อมกับคิดในใจ ‘เธอมันก็เป็นแค่ของเล่นที่ฉันซื้อมาในราคาแพงเท่านั้น’ จากนั้นร่างสูงเปล่าเปลือยก็ลุกขึ้นแต่งตัวแล้วเดินออกจากห้องไป