ตอนที่ 2/2
หลังจากที่งานเลี้ยงเสร็จสิ้นก็มาถึงพิธีส่งตัวเจ้าบ่าวและเจ้าสาวเข้าห้องหอโดยภูเบศได้จัดห้องสวีทเตรียมเอาไว้ให้กับทั้งคู่ที่ชั้นบนสุดแล้ว และเมื่อผู้หลักผู้ใหญ่ที่มาส่งตัวบ่าวสาวได้ออกไปกันหมดแล้วนนทกานต์ก็หันมาทางเจ้าสาวที่นั่งนิ่งอยู่บนเตียงและพูดเหน็บขึ้นทันที
“คิดจะนั่งอ่อยเหยื่อผมหรือไง เอ้...หรือว่ากำลังคิดแผนการว่าจะหุบสมบัติของผมไปเป็นของตัวเองยังไงดีอยู่” คำพูดที่ดูถูกและเหยียดหยามของชายหนุ่มทำให้ปณิดาลุกพรวดขึ้นพร้อมกับจ้องหน้าอีกฝ่ายราวกับจะกินเลือดกินเนื้อก่อนจะพูดกระแทกเสียงใส่อย่างโมโห
“ถามจริงๆเถอะในหัวสมองของคุณมันคิดได้แค่นี้หรือไง การที่ไปเรียนถึงต่างประเทศมันไม่ได้พัฒนาสมองของคุณเลยงั้นสิ”
“ปณิดา!” นนทกานต์ตวาดเสียงเข้มพร้อมกับก้าวเข้ามาหาหญิงสาวแล้วดึงร่างบางเข้ามาปะทะกอกว้างของตนเองแล้วบีบต้นแขนทั้งสองข้างของเธออย่างแรง จนปณิดาต้องนิ่วหน้าพร้อมกับร้องออกมาด้วยความเจ็บ
“ปล่อยฉันนะ ฉันเจ็บ!”
“ก็ผมต้องการให้คุณเจ็บ แล้วนี่ก็คือการลงโทษที่คุณมาด่าผม” เขาเน้นเสียงออกมาด้วยความโมโหจัด
“อ้อ...แล้วทีคุณด่าฉันละรู้ไหมว่าฉันอยากจะฟาดหัวคุณมากขนาดไหน”
“ฮึ ฮึ ยังไม่พ้นคืนแต่งงานก็คิดจะฆ่าผัวตัวเองแล้วเหรอไง” ชายหนุ่มหัวเราะในลำคอแล้วออกแรงบีบมากขึ้น และปณิดาก็เม้มปากแน่นเพื่อกลั้นความเจ็บร้าวที่ต้นแขนกับหยดน้ำตาที่กำลังจะไหลลงมา
“คุณมันก็ดีแต่รังแกผู้หญิงไม่มีทางสู้นั่นแหละ น่าทุเรศที่สุด” เธอเน้นเสียงแข็งกร้าวใส่หน้าเขา และการกระทำแบบนั้นของเธอก็ทำให้นนทกานต์โมโหมากยิ่งขึ้น ส่งผลให้ร่างบางถูกดันให้ถอยหลังแล้วถูกผลักลงไปบนที่นอนนุ่มก่อนที่ร่างสูงจะตามทับลงไปบนร่างบอบบางแล้วกดให้จมอยู่กับที่นอน มือเรียวของปณิดาถูกมือแกร่งของชายหนุ่มจับรวบเอาไว้เหนือศีรษะ ส่วนอีกมือก็จับคางเรียวบังคับให้ใบหน้าเนียนสวยมองหน้าเขา
“คุณจะทำบ้าอะไร ปล่อยฉันนะ!” หญิงสาวถามเสียงระรัวด้วยอาการตื่นกลัว
“เราแต่งงานกันแล้ว แล้วคิดดูสิว่าสามีมีสิทธิ์ที่จะทำอะไรภรรยาได้บ้าง” นนทกานต์ยิ้มกริ่มพร้อมกับมองสำรวจตั้งแต่ใบหน้ามาจนถึงหน้าอกอวบอิ่มที่โผล่พ้นชุดเจ้าสาวมาล้อสายตาของเขา ก่อนจะเลื่อนมือหนาที่ร้อนผ่าวมาลูบไล้บริเวณนั้นอย่างหยอกล้อทำให้ปณิดาต้องดิ้นรนบิดตัวไปมาเพื่อหลบหลีกฝ่ามือของเขา
“อย่ามาแตะต้องตัวฉัน ลงไปเดี๋ยวนี้” เธอตวาดเสียงแหวพร้อมกับดิ้นรนเพื่อให้หลุดพ้นจากร่างหนาหนักนั้น แต่ยิ่งดิ้นก็เหมือนอีกฝ่ายยิ่งแกล้งเธอมากขึ้น
“ลงให้โง่น่ะสิ มีสามีที่ไหนเขาอยากออกห่างภรรยาทั้งที่เพิ่งเข้าห้องหอกันบ้าง” พูดจบจมูกโด่งก็กดลงไปบนซอกคอระหงที่หอมกรุ่นกลิ่นสาวอย่างแรงก่อนจะค่อยๆเลื่อนต่ำลงมาที่เนินอกขาวอวบและซุกไซ้อยู่ตรงนั้นจนทำให้ร่างบางถึงกับสะดุ้งแอ่นอกขึ้นเพื่อหวังจะหนีการรุกรานนั้น แต่หญิงสาวหารู้ไม่ว่าการทำแบบนั้นยิ่งเป็นการตอบสนองให้อีกฝ่ายและนนทกานต์ก็กระตุกยิ้มแล้วเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าที่แดงระเรื่อของหญิงสาวพร้อมกับพูดอย่างดูหมิ่น
“เนื้อตัวสั่นระริกเชียวนะ คงอดอยากมานานสินะ”
ปณิดากัดริมฝีปากตัวเองแน่นแล้วมองหน้าชายหนุ่มเขม็งด้วยแววตาโกรธแค้นก่อนจะตะคอกใส่ “มันเรื่องของฉัน ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะฉันรู้สึกขยะแขยงคุณมากขึ้นทุกทีแล้ว”
“ผมสิควรจะขยะแขยงคุณมากกว่าแม่ผู้หญิงร่านสวาท ยอมแต่งงานแทนน้องสาว คงคิดสิว่าจะได้อยู่อย่างสุขสบาย ฝันไปเถอะ ฮึ ฮึ ฮึ” เขาหัวเราะเยาะเธอทั้งแววตาและคำพูด
“ฉันไม่เคยคิดไม่เคยหวังอะไรทั้งนั้น ปล่อยฉันนะไอ้คนเลว!” ปณิดาส่ายหน้าไปมาจนดอกไม้ที่ใช้ประดับผมหลุดกระจาย
“ปากเก่งนักนะ ดูสิว่าจะเก่งแค่ไหน” ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้งก่อนจะเลื่อนมือหนามาจับปลายคางให้ใบหน้าสวยอยู่นิ่งๆจากนั้นก็ประกบริมฝีปากหนาลงบนเรียวปากนุ่มอย่างแรงแล้วบดขยี้อย่างไม่ปราณีพร้อมกับควานหาความหวานด้านในอย่างหิวกระหาย